ผลการนำนวัตกรรมกระบวนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง การบันทึกโน้ต โดยใช้ THAI NOTE Model สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ไปใช้ในการจัดการเรียนการสอนวิชาดนตรี ส่งผลให้เกิดประโยชน์ในหลายระดับ ดังนี้
1. เกิดประโยชน์ต่อผู้เรียน
1.1 นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนด้านการบอกเครื่องหมายสัญลักษณ์ทางดนตรีไทยถูกต้องร้อยละ 70 ขึ้นไป นักเรียนสามารถบอกเครื่องหมายสัญลักษณ์ทางดนตรีไทยได้ผ่านการตอบคำถามเกม Kahoot เรื่องตัวโน้ตไทย และการทำใบงานเรื่อง เครื่องหมายและสัญลักษณ์ดนตรีไทย โดยนักเรียนมีผลคะแนนสูงกว่าเกณฑ์ร้อยละ 70 จำนวน 29 คน คิดเป็นร้อยละ 100
1.2 นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนด้านการบอกเครื่องหมายสัญลักษณ์ทางดนตรีไทยถูกต้องผ่านการทำใบงาน เรื่อง เครื่องหมายและสัญลักษณ์ดนตรีไทย และการนำเสนอการแต่งทำนองง่าย ๆ โดยนักเรียนมีผลคะแนนสูงกว่าเกณฑ์ร้อยละ 70 จำนวน 29 คน คิดเป็นร้อยละ 100
1.3 นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนด้านการอ่านโน้ตดนตรีไทยถูกต้องผ่านการอ่านโน้ตเพลงลาวพุงขาว 2 ชั้น
โดยนักเรียนมีผลคะแนนสูงกว่าเกณฑ์ร้อยละ 70 จำนวน 29 คน คิดเป็นร้อยละ 100 โดยนักเรียนสามารถปฏิบัติได้ในระดับคุณภาพดีมาก จำนวน 24 คน และระดับดี จำนวน 5 คน
1.4 นักเรียนได้ฝึกวินัย ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งมั่นในการทำงานตามคุณลักษระอันพึงประสงค์ ในระหว่างการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนนั้น ครูสังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติงานที่ได้รับมอบหมายของนักเรียนแต่ละคน รวมถึงความผิดชอบมุ่งมั่นในการทำงานซึ่งเป็นคุณธรรมอันพึงประสงค์ที่ดี โดยนักเรียนผลการประเมินอยู่ในระดับคุณภาพดีขึ้นไป คิดเป็นร้อยละ 100 โดยนักเรียนที่สามารถปฏิบัติได้ในระดับคุณภาพดีมาก มีจำนวน 20 คน และระดับดี มีจำนวน 9 คน
1.5 พัฒนาทักษะการอ่าน เขียน และตีความโน้ตดนตรีไทยได้อย่างเข้าใจและลึกซึ้ง
1.6 ส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการเรียนรู้ ผ่านกิจกรรมเชิงรุก เช่น การแต่งทำนอง การใช้เกม Kahoot และการนำเสนอผลงาน
1.7 ฝึกความกล้าแสดงออก การคิดสร้างสรรค์ และการทำงานเป็นทีม
1.8 ใช้เทคโนโลยีอย่างเหมาะสมและเกิดทักษะศตวรรษที่ 21 เช่น การใช้ Canva, Mentimeter, Tiktok
1.9 เกิดความภาคภูมิใจและเจตคติที่ดีต่อดนตรีไทย ซึ่งช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้ฝึกฝนต่อยอด
2. เกิดประโยชน์ต่อสถานศึกษา
2.1 โรงเรียนมีรูปแบบการจัดการเรียนรู้ที่ชัดเจน เป็นระบบ และสามารถนำไปใช้จริงในห้องเรียน
2.2 ส่งเสริมคุณภาพการเรียนการสอนดนตรีไทยให้น่าสนใจ ทันสมัย และได้ผลจริง
2.3 รองรับนโยบายการจัดการเรียนรู้เชิงรุก และการใช้เทคโนโลยีในชั้นเรียน
2.4 เพิ่มภาพลักษณ์ของโรงเรียนในการมีนวัตกรรมการเรียนรู้ที่พัฒนาขึ้นเอง
2.5 ใช้ขยายผลหรือจัดอบรมภายในกลุ่มสาระวิชาศิลปะหรือในเครือข่ายโรงเรียน
2.6 เป็นแนวทางในการพัฒนาศักยภาพครูและนักเรียนในกลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ
2.7 สร้างชื่อเสียงให้โรงเรียนในด้านการพัฒนานวัตกรรมการเรียนการสอนอย่างสร้างสรรค์
2.8 ส่งเสริมการพัฒนาโรงเรียนสู่การเป็นแหล่งเรียนรู้ทางวัฒนธรรมดนตรีไทย
3. เกิดประโยชน์ต่อการศึกษาในภาพรวม
3.1 สนับสนุนนโยบายการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ของกระทรวงศึกษาธิการ
3.2 เชื่อมโยงการอนุรักษ์วัฒนธรรมกับนวัตกรรมการเรียนรู้ ช่วยยกระดับคุณภาพการศึกษาอย่างสมดุล
3.3 เป็นกรณีศึกษาที่ดีในการออกแบบ นวัตกรรมกระบวนการจัดการเรียนรู้ ที่เกิดจากครูผู้ปฏิบัติจริง
3.4 สามารถประยุกต์ใช้ในวิชาอื่นหรือระดับชั้นอื่นได้อย่างยืดหยุ่น
4 เกิดประโยชน์ต่อผู้ปกครอง ชุมชน และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการจัดการเรียนรู้
4.1 ผู้ปกครองได้เห็นศักยภาพของบุตรหลานในด้านดนตรีไทยผ่านผลงานที่จับต้องได้ เช่น คลิปนำเสนอ ใบงาน และกิจกรรมแสดงผลงาน
4.2 ชุมชนสามารถร่วมเป็นแหล่งเรียนรู้ เช่น ศิลปินพื้นบ้าน ครูดนตรีไทยในท้องถิ่น หรือปราชญ์ชาวบ้านมาร่วมแลกเปลี่ยนในกิจกรรม
4.3 สร้างความภาคภูมิใจร่วมกันระหว่างบ้าน โรงเรียน และชุมชน ในการธำรงวัฒนธรรมไทย
5. สรุปประโยชน์ที่จากการดำเนินงานการขยายผล และการเผยแพร่ผลการดำเนินงาน
การดำเนินงานขยายผล
หลังจากทดลองใช้ THAI NOTE Model ในรายวิชาศิลปะ เรื่อง "การบันทึกโน้ตเพลงไทย" สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 และประสบความสำเร็จในระดับชั้นเรียนจริง ได้มีการนำนวัตกรรมไปขยายผลต่อในหลายด้าน ได้แก่
5.1ปรับใช้ในเนื้อหาอื่นของดนตรีไทย เช่น การฝึกปฏิบัติเครื่องดนตรี การร้องเพลงไทยเดิม และการเรียบเรียงดนตรี
5.2นำไปใช้ในระดับชั้นอื่น เช่น ม.2 และ ม.6 โดยปรับระดับความยากของเนื้อหาให้เหมาะสม
5.3พัฒนาสื่อและใบงานจากโมเดลเดิมให้สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้อย่างหลากหลาย โดยเฉพาะในการเรียนแบบกลุ่มย่อยหรือเรียนออนไลน์