รายงานแบบปฏิบัติที่ดี (Best Practices)
กิจกรรม PLK3 Awards ปีการศึกษา 2567
ชื่อผลงาน การพัฒนาความเชื่อมั่นในตนเองผ่านกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์โดยการมีส่วนร่วมของผู้ปกครอง ระดับปฐมวัย ชั้นอนุบาล 3 โรงเรียนวิทยสัมพันธ์
ชื่อผู้เสนอผลงาน นางสาวจุฑาทิพญาณี บุญจิตร
ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะ ชำนาญการพิเศษ โรงเรียนวิทยสัมพันธ์
ประเภทผลงาน / นวัตกรรม
( ) การบริหารการจัดการศึกษา ด้าน -
(✓ ) การจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ การจัดการศึกษาปฐมวัย ระดับชั้นอนุบาล 3
1.สภาพปัจจุบัน/ปัญหา
เด็กปฐมวัยอยู่ในช่วงวัยที่สำคัญของการพัฒนารากฐานทางอารมณ์ สังคม และสติปัญญา ความเชื่อมั่นในตนเองเป็นคุณลักษณะที่ช่วยให้เด็กกล้าแสดงออก มีทักษะการตัดสินใจ และพร้อมเผชิญความท้าทาย
ในอนาคต เป้าหมายนี้สอดคล้องกับ หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พ.ศ. 2560 ซึ่งเน้นการส่งเสริมคุณลักษณะ
ที่พึงประสงค์ เช่น ความมั่นใจและการรับผิดชอบตนเอง ผ่านการจัดประสบการณ์เรียนรู้ที่เหมาะสมกับวัย กิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ เช่น การวาดภาพ งานประดิษฐ์ หรือการแสดงออกทางศิลปะ เป็นวิธีการที่ช่วยให้เด็กได้ฝึกฝนความคิดสร้างสรรค์และการตัดสินใจในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย ช่วยพัฒนาความฉลาดด้านอารมณ์และมิติสัมพันธ์ ตาม ทฤษฎีพหุปัญญาของ Howard Gardner
เด็กปฐมวัยอายุ 3-5 ปี เป็นวัยที่ร่างกายและสมองของเด็กปฐมวัยกำลังเจริญเติบโตเด็กปฐมวัยต้องการความรัก ความเอาใจใส่ ดูแลอย่างใกล้ชิด เด็กปฐมวัยวัยนี้มีโอกาสเรียนรู้จากการใช้ประสาทสัมผัสทั้งห้า ได้สำรวจ เล่น ทดลอง ค้นพบด้วยตนเอง ได้มีโอกาสคิด แก้ปัญหา เลือกตัดสินใจ ใช้ภาษาสื่อความหมาย คิดริเริ่มสร้างสรรค์ และอยู่ร่วมกับผู้อื่นอย่างมีความสุข (กระทรวงศึกษาธิการ, 2560: 1)
กิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์เป็นการจัดกิจกรรมที่มุ่งให้เด็กปฐมวัยได้รับพัฒนาทั้งด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคมและสติปัญญา อย่างเหมาะสมตามวัย ซึ่งได้มีผู้กล่าวถึงความสำคัญของการจัดกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ ดังนี้
วิรุณ ตั้งเจริญ (2562, หน้า 691-702) ได้กล่าวถึงคุณค่าของศิลปะว่า นอกจากจะช่วยให้เด็กปฐมวัยลดความคับข้องใจแล้ว ยังช่วยให้เกิดความพึงพอใจ มีอารมณ์แจ่มใส มั่นคงและเกิดความมั่นใจในการแสดงออก ส่งผลให้เรียนรู้การทำงานและปรับตัวในสถานการณ์ต่าง ๆ ได้ เป็นการช่วยให้เกิดการพัฒนาด้านอารมณ์อย่างได้ผลและตระหนักถึงคุณค่าของตนที่มีต่อหมู่คณะส่งผลให้เด็กปฐมวัยมีทัศนคติที่ถูกต้องในสังคมและมีบุคลิกภาพเป็นไปในทางดีงาม และพัฒนาการทางด้านร่างกาย อารมณ์ สังคม และสติปัญญาทางบวกดังนี้
1. พัฒนาการทางร่างกาย ขณะทำงานเด็กปฐมวัยต้องเคลื่อนไหวร่างกายอยู่ตลอดเวลาจะช่วยให้ได้บริหารร่างกายทำให้เติบโต ประสบการณ์ต่าง ๆ ที่จะพัฒนาพฤติกรรมเด็กปฐมวัยได้จึงต้องเป็นประสบการณ์ที่สัมพันธ์กับการเคลื่อนไหวของเด็กปฐมวัยกิจกรรมทางศิลปะจะช่วยสนองความต้องการทางด้านนี้ ช่วยให้เด็กปฐมวัยได้เคลื่อนไหวร่างกายมือ แขนขา เป็นกิจกรรมที่ได้เคลื่อนไหวไปมาอย่างอิสระ เป็นผลทั้งการตอบสนองความต้องการและพัฒนาการทางร่างกายไปพร้อมกัน ด้วยเหตุผลนี้เราจะพบว่าเด็กปฐมวัยจะตื่นเต้นมากเมื่อได้ขีดเขียนหรือได้ทำงานศิลปะ เพราะเขาได้สนุกสนานและได้เคลื่อนไหวร่างกายไปพร้อมกัน
2. พัฒนาการทางอารมณ์ การแสดงออกทางศิลปะ เป็นพฤติกรรมที่เสรีช่วยให้เกิดความพึงพอใจ อารมณ์แจ่มใสเบิกบาน พร้อมกันนั้นก็จะช่วยให้เด็กปฐมวัยมีอารมณ์ที่มั่นคง เกิดความมั่นใจในการแสดงออก มั่นใจในตนเอง ซึ่งความมั่นใจและพึงพอใจทางอารมณ์นี้จะมีผลไปสู่การเรียนรู้ การทำงาน และการปรับตัวในสถานการณ์ต่าง ๆ ได้อย่างดี โดยปกติเด็กปฐมวัยทุกคนจะมีปัญหาทางอารมณ์ในอันที่จะปรับตัวให้เข้ากับประสบการณ์และเหตุการณ์ใหม่ ๆ รอบตัว เพราะวัยเด็กปฐมวัยเป็นวัยที่ต้องเรียนรู้และปรับตัวให้เหมาะสมอยู่ตลอดเวลา ศิลปะที่มีผลเกี่ยวโยงกับอารมณ์ จึงเป็นประสบการณ์ตรงที่มีคุณค่าต่อการปรับตัวและพัฒนาการทางอารมณ์ของเด็กปฐมวัย
3. พัฒนาการทางสังคม เด็กปฐมวัยมีสังคมของเด็กปฐมวัยที่จะต้องอยู่ร่วมกันกับเด็กปฐมวัยด้วยกันหรือบุคคลอื่น ในการอยู่ร่วมคณะ เป็นผู้ที่ได้รับการยอมรับจากหมู่คณะและเป็นผู้ที่มีความสามารถที่จะช่วยเหลือร่วมกับหมู่คณะได้ กิจกรรมศิลปะมีสภาพเป็นทั้งตัวเชื่อมโยงสังคมของเด็กปฐมวัย และพัฒนาการอยู่ในสังคมอีกด้านหนึ่งด้วย
4. พัฒนาการทางสติปัญญา ประสบการณ์ทางศิลปะของเด็กปฐมวัยวัยนี้จะช่วยส่งเสริมการเรียนรู้และช่วยส่งเสริมสติปัญญาของเด็กปฐมวัยให้ดีขึ้น เพราะประสบการณ์ในการสร้างสรรค์ศิลปะ เด็กปฐมวัยจะต้องคิดสำรวจตรวจสอบ สร้างสรรค์ให้สัมพันธ์กับวัสดุเป็นการช่วยให้เด็กปฐมวัยได้เรียนด้วยการกระทำจริงและมีประสบการณ์ตรง ศิลปะจะช่วยเพิ่มพูนประสบการณ์ให้กว้างขวาง ช่วยให้เด็กปฐมวัยได้ทดลองค้นคว้า พฤติกรรมเหล่านี้ย่อมพัฒนาให้เกิดประสาทฉับไวในการรับรู้ มั่นใจในความคิด และกล้าแสดงออก ซึ่งนั้นเป็นวิถีทางทีมี่ผลต่อการพัฒนาทางสติปัญญานั่นเอง
งานวิจัยล่าสุดในปี 2567 กล่าวถึงประสิทธิผลของศิลปะในการพัฒนาความมั่นใจและจินตนาการ ผลการวิจัยนี้จะเป็นประโยชน์ต่อเด็กระดับปฐมวัยชั้นอนุบาล 3 ผู้ปกครอง และสถานศึกษา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการยกระดับการศึกษาปฐมวัยให้มีประสิทธิภาพและตอบสนองความต้องการของเด็กอย่างแท้จริง
จากงานวิจัยในปี พ.ศ. 2567 ได้ยืนยันถึงประสิทธิผลของศิลปะในการพัฒนาเด็กปฐมวัย ตัวอย่างเช่น งานวิจัยของยุพิน พลหนา (2567) ซึ่งศึกษาการใช้ศิลปะสร้างสรรค์เพื่อส่งเสริมจินตนาการและแรงบันดาลใจในเด็กปฐมวัย พบว่ากิจกรรมศิลปะช่วยกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์และความมั่นใจในการแสดงออก โดยเฉพาะเมื่อมีการประเมินผลงานจากผู้ทรงคุณวุฒิและผู้ปกครอง นอกจากนี้ งานวิจัยจากสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (2567) รายงานผลการติดตามมาตรฐานสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยแห่งชาติ ระบุว่าการจัดกิจกรรมศิลปะที่เน้นเด็กเป็นศูนย์กลางช่วยพัฒนาคุณลักษณะด้านอารมณ์และจิตใจอย่างมีนัยสำคัญ ผลการวิจัยเหล่านี้สนับสนุนว่า กิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการพัฒนาความเชื่อมั่นในตนเอง และการมีส่วนร่วมของผู้ปกครองเป็นอีกปัจจัยที่ช่วยเสริมประสิทธิผลของกิจกรรมศิลปะ
ตาม ทฤษฎีระบบนิเวศของ Bronfenbrenner ซึ่งระบุว่าความสัมพันธ์ระหว่างเด็กและครอบครัวเป็นรากฐานของพัฒนาการด้านอารมณ์และสังคม. การสนับสนุนจากผู้ปกครอง เช่น การร่วมทำกิจกรรมหรือให้กำลังใจ ช่วยให้เด็กรู้สึกปลอดภัยและกล้าแสดงออกมากขึ้น งานวิจัยของขนิษฐา บุนนาค (2567) ชี้ว่า การจัดกิจกรรมศิลปะที่มีผู้ปกครองเข้ามามีส่วนร่วมช่วยเพิ่มความมั่นใจและความสัมพันธ์ระหว่างเด็กและครอบครัวอย่างชัดเจน
ดังนั้นในการกิจกรรมการเรียนการสอนสำหรับเด็กปฐมวัยจึงควรจัดประสบการณ์ที่เหมาะกับวัยความสนใจและวุฒิภาวะของเด็กปฐมวัยโดยคำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล เปิดโอกาสให้เด็กปฐมวัยมีอิสระในการคิด จนสามารถพัฒนาการนับถือตนเองและความเชื่อมั่นในตนเองให้เกิดขึ้นในเด็กปฐมวัยทุกคนซึ่งจะเป็นพื้นฐานให้เด็กปฐมวัยสามารถเรียนรู้ในระดับที่สูงขึ้นได้อย่างเต็มศักยภาพ
ข้าพเจ้าได้ดำเนินการแบบปฏิบัติที่ดี (Best Practices) เรื่อง การพัฒนาความเชื่อมั่นในตนเองผ่านกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์โดยการมีส่วนร่วมของผู้ปกครอง ระดับปฐมวัย ชั้นอนุบาล 3 โรงเรียนวิทยสัมพันธ์ โดยมีเหตุผลดังนี้ ในฐานะที่ครูผู้สอนได้ปฏิบัติการสอนในระดับชั้นอนุบาลปีที่ 3 จากการสังเกตในชั้นเรียน พบว่าเด็กบางส่วนยังขาดความมั่นใจในการแสดงออก เช่น การนำเสนอผลงานหรือเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่ม ซึ่งอาจส่งผลต่อพัฒนาการด้านสังคมและการเรียนรู้ในระยะยาว และนำข้อเสนอแนะจาก สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (สมศ.) การประเมิน สมศ. รอบที่ 5 ได้ให้แนวทางการปฏิบัติโดยการ มุ่งเน้นการพัฒนาความต่อเนื่องของโครงการและกิจกรรมที่ส่งเสริมโดยดำเนินการอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาอย่างน้อย 3 ปี ขึ้นไปทั้งนี้ควรมีการประเมินผลและปรับปรุงทุกปีการศึกษาเพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ยั่งยืนและตอบสนองต่อความต้องการของเด็ก ได้อย่างแท้จริงการดำเนินการอย่างต่อเนื่องจะช่วยให้เห็นพัฒนาการและแนวโน้มของผลลัพธ์ในระยะยาว ข้าพเจ้าได้ตระหนักถึงความสำคัญแนวทางในการพัฒนาดังนี้ ในปีการศึกษา 2566 ได้มีการดำเนินการแบบปฏิบัติที่ดี (Best Practices) ชื่อผลงาน การจัดกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์เพื่อพัฒนาความเชื่อมั่นในตนเอง ของเด็กปฐมวัยระดับชั้นอนุบาล 3 โรงเรียนวิทยสัมพันธ์ ได้รับรางวัลระดับดี กิจกรรม PLK3 Awards ประจำปีการศึกษา 2566 ประเภทผลงาน / นวัตกรรม การจัดการศึกษาปฐมวัย ณ วันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ.พุทธศักราช 2567 เลขที่เกียรติบัตร 05-3042/2566 ในปีการศึกษา 2567 ได้มีการดำเนินการพัฒนา แบบปฏิบัติที่ดี (Best Practices) เรื่อง การพัฒนาความเชื่อมั่นในตนเองผ่านกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์โดยการมีส่วนร่วมของผู้ปกครอง ระดับปฐมวัย ชั้นอนุบาล 3 โรงเรียนวิทยสัมพันธ์ ได้มีการพัฒนาแนวทางขึ้น โดยให้ผู้ปกครองมีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์
วัตถุประสงค์
1.1.1 เพื่อเปรียบเทียบการพัฒนาความเชื่อมั่นในตนเองผ่านกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์โดยการมีส่วนร่วมของผู้ปกครอง ระดับปฐมวัย ก่อนทำกิจกรรมและหลังทำกิจกรรม
1.1.2 เพื่อให้เด็กปฐมวัยเกิดความเชื่อมั่นในตนเองโดยจัดกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์โดยการมีส่วนร่วมของผู้ปกครอง และนำทักษะที่ได้รับไปใช้ในชีวิตประจำวัน
เป้าหมาย
เชิงปริมาณ : เด็กปฐมวัยชั้นอนุบาล 3 โรงเรียนวิทยสัมพันธ์ ร้อยละ 85 มีความเชื่อมั่น ในตนเองสูงขึ้นหลังได้รับการจัดกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์
เชิงคุณภาพ : เด็กปฐมวัยชั้นอนุบาล 3 โรงเรียนวิทยสัมพันธ์ ปีการศึกษา 2567 เกิดความเชื่อมั่นในตนเองสูง และมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์และการถ่ายทอดจินตนาการสูงขึ้น
2.ขั้นตอนการดำเนินงาน
2.1 ขั้นตอนการดำเนินงาน การออกแบบนวัตกรรม
2.1.1 ศึกษาวิเคราะห์สภาพปัญหาจากการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ศึกษารูปแบบวิธีการดำเนินงานในการพัฒนาความเชื่อมั่นในตนเองของเด็กปฐมวัยในปีการศึกษา 2565 และปีการศึกษา 2566 เพื่อหาจุดเด่นและจุดที่ควรพัฒนานำมาต่อยอดและปรับปรุงแก้ไขการดำเนินงานในปีการศึกษา 2567 และแนวทางการปฏิบัติจาก สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (สมศ.) การประเมิน สมศ. รอบที่ 5
2.1.2 ศึกษาหลักสูตรการศึกษาปฐมวัยพุทธศักราช 2560 วิเคราะห์มาตรฐานการศึกษาปฐมวัยและตัวบ่งชี้
2.1.3 ศึกษา แนวคิด เกี่ยวกับวิธีการและขั้นตอนการจัดประสบการณ์การเรียนรู้สำหรับเด็กปฐมวัย
2.1.4 ศึกษา แนวคิด เกี่ยวกับวิธีการและขั้นตอนการจัดประสบการณ์การเรียนรู้โดยนำแนวทางมา
ปรับให้เป็นกิจกรรมการเรียนรู้ผ่านการเล่นที่เหมาะสมกับเด็กปฐมวัยและดำเนินการจัดประสบการณ์ผ่านการเรียนรู้แบบ Active Learning โดยแผนการจัดประสบการณ์ของระดับปฐมวัยเป็นการเรียนรู้ในรูปแบบของ Active Learning
2.1.5 ดำเนินการสร้างแผนการจัดกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ ที่มีเนื้อหาสอดคล้องกับแผนการจัดประสบการณ์ ผ่านกิจกรรมหลัก 6 กิจกรรม ในระดับชั้นอนุบาลปีที่ 3 เพื่อพัฒนาความเชื่อมั่นในตนเองของเด็กปฐมวัยทั้ง 4 ด้าน ได้แก่
1. ด้านความคิดริเริ่ม
2. ด้านความคิดคล่องตัว
3. ด้านความคิดยืดหยุ่น
4. ด้านความคิดละเอียดลออ
2.1.6 ดำเนินการออกแบบเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล
และพร้อมจัดทำออกแบบเครื่องมือในการประเมินการจัดกิจกรรมเพื่อพัฒนาความเชื่อมั่นในตนเองผ่านกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์โดยการมีส่วนร่วมของผู้ปกครอง และมีขั้นตอนในการสร้างแบบประเมินการจัดกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์เพื่อเพื่อพัฒนาความเชื่อมั่นในตนเองของเด็กปฐมวัยเป็นรายบุคคล มีการดำเนินการโดยศึกษาเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการใช้กล้ามเนื้อมัดเล็กของเด็กปฐมวัย และความเชื่อมั่นในตนเองของเด็กปฐมวัย
2.1.7 ดำเนินการออกแบบสร้างแบบประเมินการจัดกิจกรรมเรื่อง การพัฒนาความเชื่อมั่นในตนเองผ่านกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์โดยการมีส่วนร่วมของผู้ปกครอง
2.1.8 นำนวัตกรรมไปดำเนินการจัดกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ตามแผนการจัดประสบการณ์เพื่อพัฒนาความเชื่อมั่นในตนเองโดยการมีส่วนร่วมของผู้ปกครอง
1. ศึกษาข้อมูลเบื้องต้นในการสร้างแบบประเมินการจัดกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์เพื่อพัฒนาความเชื่อมั่นในตนเองของเด็กปฐมวัยโดยการมีส่วนร่วมของผู้ปกครอง
2. สร้างแบบประเมินการจัดกิจกรรมการพัฒนาความเชื่อมั่นในตนเองผ่านกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์โดยการมีส่วนร่วมของผู้ปกครอง ระดับปฐมวัย ที่ข้าพเจ้าสร้างขึ้น
3. นำแบบประเมินการจัดกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์เพื่อการพัฒนาความเชื่อมั่นในตนเองผ่านกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์โดยการมีส่วนร่วมของผู้ปกครอง ชั้นอนุบาล 3 จำนวน 27 คน
2.1 ดำเนินงานตามขั้นตอนการดำเนินงาน ในรูปแบบ วงจรเดมมิ่ง PDCA (Deming Cycle)
โครงสร้าง PDCA ประกอบด้วย 4 ขั้นตอน
P = Plan คือ การวางแผน
D = DO คือ การปฏิบัติตามแผน
C = Check คือ การตรวจสอบ
A = Act คือ การปรับปรุงการดำเนินการ
ขั้นที่ 1 วางแผนก่อนการดำเนินการ (Plan)
ขั้นที่ 1 การวางแผน
1. กำหนดเป้าหมาย การพัฒนาความเชื่อมั่นในตนเองผ่านกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์โดยการมีส่วนร่วมของผู้ปกครอง ในระดับชั้นอนุบาล 3 โรงเรียนวิทยสัมพันธ์
2. วางแผนการจัดประสบการณ์ การพัฒนาความเชื่อมั่นในตนเองผ่านกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์โดยการมีส่วนร่วมของผู้ปกครอง หลังจากได้ผ่านการศึกษาเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องจึงได้วางแผนการจัดประสบการณ์โดยกำหนดจุดประสงค์และรูปแบบของกิจกรรมในแต่ละสัปดาห์โดยบูรณาการในกิจกรรมหลัก 6 กิจกรรมได้อย่างเหมาะสม
3. ออกแบบกิจกรรมเพื่อการพัฒนาความเชื่อมั่นในตนเองผ่านกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์โดยการมีส่วนร่วมของผู้ปกครอง พร้อมทั้งจัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์สำหรับทำกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์โดยสามารถหาจากภายในห้องเรียนและนอกห้องเรียนได้ตามบริบทของโรงเรียนโดยทุกคนมีส่วนร่วมในการเตรียมวัสดุอุปกรณ์
การพัฒนาความเชื่อมั่นในตนเองผ่านกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์โดยการมีส่วนร่วมของผู้ปกครอง
กำหนดการสอนกิจกรรมเพื่อการพัฒนาความเชื่อมั่นในตนเองผ่านกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์โดยการมีส่วนร่วมของผู้ปกครอง ปีการศึกษา 2567
สัปดาห์ที่
วัน
กิจกรรม
วันที่
1 จันทร์ การปั้นตามจินตนาการ 7 พฤศจิกายน 2567
พุธ ตัวฉันในสวนมหัศจรรย์ 9 พฤศจิกายน 2567
2 จันทร์ การต่อเติมภาพตามรูปทรง 11 พฤศจิกายน 2567
พุธ สร้างบ้านใต้ทะเล 15 พฤศจิกายน 2567
3 จันทร์ นกยูงรำแพน 20 พฤศจิกายน 2567
พุธ การสร้างสรรค์ประกอบชิ้นงาน 22 พฤศจิกายน 2567
4 จันทร์ การสร้างสรรค์ผลงานประกอบชิ้นงาน
16 พฤศจิกายน 2567
พุธ การสร้างสรรค์ผลงานประกอบชิ้นงาน
29 พฤศจิกายน 2567
ขั้นที่ 2 ดำเนินการปฏิบัติตามแผน (Do)
ก่อนการทดลอง นำแบบประเมินการจัดกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์เพื่อพัฒนาความเชื่อมั่นในตนเองผ่านกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์โดยการมีส่วนร่วมของผู้ปกครอง ไปใช้กับกลุ่มตัวอย่าง จำนวน 27 คน แล้วบันทึกผลการทดสอบ (Pretest) ดำเนินการสอนกลุ่มทดลองด้วยตนเอง ตามแผนการจัดประสบการณ์การสอนโดยใช้กิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ที่ได้สร้างขึ้น ดังนี้
ขั้นที่ 1 นำเข้าสู่บทเรียน สร้างบรรยากาศในชั้นเรียน
ขั้นที่ 2 ขั้นสอน ผู้สอนสาธิตขั้นตอนให้เด็กปฐมวัยดูและปฏิบัติตามขั้นตอน
ขั้นที่ 3 เด็กปฐมวัยได้ลงมือปฏิบัติตามแผนการจัดกิจกรรม กับเด็กปฐมวัยโรงเรียนวิทยสัมพันธ์ ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2567 พร้อมทั้งสังเกตและบันทึกพฤติกรรม โดยมีระยะเวลาในการดำเนินการทั้งหมด 4 สัปดาห์/สัปดาห์ละ 2 วัน คือ จันทร์ และพุธ วันละ 30 นาที โดยมีงานนำกลับไปให้ผู้ปกครองได้ร่วมวางแผนการทำและนำกลับนำเสนอในครั้งต่อไป
ขั้นที่ 4 สังเกตและบันทึกพฤติกรรมเด็กปฐมวัยเป็นรายบุคคล
ขั้นที่ 3 การตรวจสอบ (Check)
ตรวจสอบผลการจัดประสบการณ์และนำแบบประเมิน ดำเนินการทดสอบหลังการสอน (Post-test) โดยใช้แบบประเมินการจัดกิจกรรมพัฒนาความเชื่อมั่นในตนเองผ่านกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์โดยการมีส่วนร่วมของผู้ปกครอง ชุดเดียวกันกับที่ใช้ทดสอบก่อนการทดลองกับกลุ่มตัวอย่าง จำนวน 27 คน แล้วบันทึกผลการทดสอบ แล้วนำคะแนนที่ได้ไปวิเคราะห์ข้อมูล โดยหาค่าร้อยละและนำผลที่ได้ไปเปรียบเทียบกับเกณฑ์คะแนนตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ร้อยละ 85
ขั้นที่ 4 การปรับปรุงการดำเนินงาน (Act)
หลังจากดำเนินการเปรียบเทียบคะแนนเฉลี่ยที่ได้จากการทดสอบก่อน และหลังการทดลองสอนโดยใช้กิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ วิเคราะห์ผลต่างระหว่างคะแนนเฉลี่ยของการทดสอบทั้งสองครั้ง ด้วยวิธีการทางสถิติ นำผลการประเมินไปปรับปรุงพัฒนารูปแบบการจัดประสบการณ์ให้ดีขึ้นปรับปรุงกิจกรรมให้เหมาะสมกับวัยความสามารถและความแตกต่างระหว่างบุคคลของเด็กปฐมวัย
3. ผลการดำเนินงาน
3.1 ผลการดำเนินงาน เราจะเห็นพัฒนาการทางความคิดสร้างสรรค์จากจินตนาการและความเป็นตัวของตัวเอง
ในงานของเด็กปฐมวัย ไม่จำเป็นต้องคล่องแคล่วหรือชำนาญในการทำผลงาน แต่ในรูปแบบของการสร้างสรรค์เด็กปฐมวัยต้องอิสระทางอารมณ์ มีอิสระที่จะสำรวจและทดลองมีอิสระที่จะมีส่วนเกี่ยวข้องรับรู้ซึ่งกันและกัน ทั้งในการใช้วัสดุและเรื่องราวในการวาดภาพ งานศิลปะทุกชิ้นที่เป็นผลงานของเด็กปฐมวัยถือว่าเป็นประสบการณ์การทำงานเชิงสร้างสรรค์ในตัวเองทั้งสิ้นผลการพัฒนาความเชื่อมั่นในตนเองโดยผู้ปกครองมีส่วนร่วมในระดับชั้นอนุบาล 3 โรงเรียนวิทยสัมพันธ์ ครบ 4 สัปดาห์
เด็กปฐมวัยระดับชั้นอนุบาล 3 โรงเรียนวิทยสัมพันธ์ จำนวน 27 คน ที่ได้รับการการจัดกิจกรรมศิลปะการพัฒนาความเชื่อมั่นในตนเองผ่านกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์โดยการมีส่วนร่วมของผู้ปกครอง โดยใช้กิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์พบว่ามีการเปลี่ยนแปลงด้านความเชื่อมั่นในตนเองของเด็กปฐมวัยก่อนได้รับการจัดกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์อยู่ในระดับปานกลาง หลังได้รับการจัดกิจกรรมพัฒนาความเชื่อมั่นในตนเองผ่านกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์โดยการมีส่วนร่วมของผู้ปกครองรายบุคคล หลังการจัดกิจกรรมสูงกว่าก่อนการจัดกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์
3.2 ผลสัมฤทธิ์ของงาน
ตาราง 3.1 ตารางแสดงรายละเอียดผลคะแนนและร้อยละการพัฒนาความเชื่อมั่นในตนเองผ่านกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์โดยการมีส่วนร่วมของผู้ปกครอง ในระดับชั้นอนุบาล 3 โรงเรียนวิทยสัมพันธ์เป็นรายบุคคลและค่าเฉลี่ยรวม
ที่ ก่อนเรียน หลังเรียน เพิ่ม/ลด
20 ร้อยละ 20 ร้อยละ คะแนน ร้อยละ
1. 11 55.00 17 85.00 6 30.00
2. 12 60.00 18 90.00 6 30.00
3. 9 45.00 16 80.00 7 35.00
4. 12 60.00 18 90.00 6 30.00
5. 8 40.00 17 85.00 9 45.00
6. 8 40.00 16 80.00 8 40.00
7. 9 45.00 18 90.00 9 45.00
8. 6 30.00 16 75.00 9 45.00
9. 8 40.00 16 80.00 8 40.00
10. 5 25.00 15 75.00 10 50.00
11. 9 45.00 17 85.00 8 40.00
12. 11 55.00 18 90.00 7 35.00
13. 8 40.00 18 90.00 10 50.00
14. 12 60.00 18 90.00 6 30.00
15. 12 60.00 19 95.00 7 35.00
16. 7 35.00 16 80.00 9 45.00
17. 9 45.00 18 90.00 9 45.00
18. 9 45.00 19 95.00 10 50.00
19. 5 25.00 16 80.00 11 55.00
20. 11 55.00 18 90.00 7 35.00
21. 5 25.00 14 70.00 9 45.00
22. 5 25.00 13 65.00 8 40.00
23. 7 35.00 15 75.00 8 40.00
24. 8 40.00 17 85.00 9 45.00
25. 5 25.00 15 75.00 10 50.00
26. 11 55.00 18 90.00 7 35.00
27. 11 55.00 19 95.00 8 40.00
รวม 5.18 25.89 10.09 50.44 24.56 23.44
ตาราง 3.1 การเปรียบเทียบคะแนนเฉลี่ยการพัฒนาความเชื่อมั่นในตนเองผ่านกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์โดยการมีส่วนร่วมของผู้ปกครอง ก่อนและหลังการจัดกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์
กิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์เพื่อพัฒนาความเชื่อมั่นในตนเอง จำนวนคน ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์
การแจกแจงแบบที
ก่อนการจัดกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ 27 8.63 2.44
30.05
หลังการจัดกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ 27 16.81 1.59
จากตาราง 3.2 พบว่า การเปรียบเทียบคะแนนเฉลี่ยการพัฒนาความเชื่อมั่นในตนเองผ่านกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์โดยการมีส่วนร่วมของผู้ปกครอง ก่อนและหลังการจัดกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ มีคะแนนเฉลี่ย เท่ากับ 8.63 คะแนน และ 16.81 คะแนน ตามลำดับ และเมื่อเปรียบเทียบระหว่างคะแนนก่อนและหลังการจัดกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ พบว่า คะแนนหลังการจัดกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์การพัฒนาความเชื่อมั่นในตนเองผ่านกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์โดยการมีส่วนร่วมของผู้ปกครองสูงกว่าก่อนจัดกิจกรรมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
ตาราง 3.3 แสดง คะแนนค่าเฉลี่ยร้อยละ ของเด็กปฐมวัยชั้นอนุบาล 3 ที่ได้คะแนนพัฒนาความเชื่อมั่นในตนเองผ่านกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์โดยการมีส่วนร่วมของผู้ปกครอง ก่อนและหลังการจัดกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์
การประเมิน การจัดกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์รายด้าน
ด้านความคิดริเริ่ม ด้านความคิดริเริ่ม ด้านความคิดยืดหยุ่น ด้านความคิดละเอียดลออ
ก่อนได้รับการจัด
กิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์
3.30
3.27
3.05
3.25
หลังได้รับการจัด
กิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์
4.54
4.45
4.60
4.53
ตารางที่ 3.4 แสดงคะแนนค่าเฉลี่ยร้อยละ ผลการวิเคราะห์พัฒนาความเชื่อมั่นในตนเองผ่านกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์โดยการมีส่วนร่วมของผู้ปกครอง
หัวข้อ ก่อนการทดลอง หลังการทดลอง
S.D. ระดับ
S.D. ระดับ
ด้านความคิดริเริ่ม
1. สามารถสร้างผลงานได้ด้วยตนเองโดยไม่ซ้ำกับเพื่อน 3.15 0.80 ปานกลาง 4.44 0.68 มาก
2. มีความคิดที่แปลกใหม่เกิดจากจินตนาการของตนเอง 3.26 0.80 ปานกลาง 4.52 0.64 มากที่สุด
3. สามารถสร้างผลงานขึ้นใหม่ได้โดยอิสระ 3.56 0.87 มาก 4.65 0.55 มากที่สุด
เฉลี่ยทั้งด้าน 3.32 0.83 ปานกลาง 4.54 0.63 มากที่สุด
ด้านความคิดคล่องตัว
1. สามารถสร้างผลงานโดยไม่ซ้ำกับเพื่อนและทำงานได้อย่างรวดเร็ว 3.15 1.04 ปานกลาง 4.44 0.74 มาก
2. สามารถประดิษฐ์สร้างผลงานได้อย่างรวดเร็วและแปลกใหม่ 3.19 0.94 ปานกลาง 4.41 0.73 มาก
3. สามารถบอกสิ่งที่ตนเองทำได้อย่างรวดเร็ว 3.48 0.92 ปานกลาง 4.50 0.68 มากที่สุด
เฉลี่ยทั้งด้าน 3.27 0.97 ปานกลาง 4.45 0.72 มาก
ด้านความคิดยืดหยุ่น
1. สามารถคิดและจินตนาการสร้างผลงานที่แปลกใหม่ 3.00 0.94 ปานกลาง 4.56 0.63 มากที่สุด
2. สามารถคิดและสร้างสรรค์ผลงานได้อย่างสวยงาม 3.19 0.94 ปานกลาง 4.63 0.62 มากที่สุด
3. สามารถคิดสร้างผลงานได้อย่างหลากหลาย และมีอิสระ 2.96 0.96 ปานกลาง 4.62 0.62 มากที่สุด
เฉลี่ยทั้งด้าน 3.05 0.95 ปานกลาง 4.60 0.62 มากที่สุด
ด้านความคิดละเอียดลออ
1. มีความคิดที่รอบคอบ 3.22 0.99 ปานกลาง 4.52 0.69 มากที่สุด
2. มีความคิดที่ละเอียดลออและสร้างผลงานได้อย่างสวยงาม 3.30 0.85 ปานกลาง 4.63 0.55 มากที่สุด
3. สามารถสร้างผลงานได้อย่างมีคุณภาพ 3.22 1.07 ปานกลาง 4.44 0.74 มาก
เฉลี่ยทั้งด้าน 3.25 0.97 ปานกลาง 4.53 0.66 มากที่สุด
รวม 3.22 0.93 ปานกลาง 4.53 0.66 มากที่สุด
จากตาราง 3.4 พบว่า การพัฒนาความเชื่อมั่นในตนเองผ่านกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์โดยการมีส่วนร่วมของผู้ปกครอง อยู่ในระดับปานกลาง ( =3.05, S.D. = 0.95) หลังได้รับการพัฒนาความเชื่อมั่นในตนเองผ่านกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์โดยการมีส่วนร่วมของผู้ปกครอง อยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.60, S.D. = 0.62) เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า
ด้านความคิดริเริ่ม พบว่า เด็กปฐมวัยก่อนได้รับการพัฒนาความเชื่อมั่นในตนเองผ่านกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์โดยการมีส่วนร่วมของผู้ปกครอง อยู่ในระดับปานกลาง ( = 3.32, S.D. = 0.83) หลังได้รับการพัฒนาความเชื่อมั่นในตนเองผ่านกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์โดยการมีส่วนร่วมของผู้ปกครอง อยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.50, S.D. = 0.63)
ด้านความคิดคล่องตัว พบว่า การพัฒนาความเชื่อมั่นในตนเองผ่านกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์โดยการมีส่วนร่วมของผู้ปกครอง อยู่ในระดับปานกลาง ( = 3.38, S.D. = 0.97) หลังได้รับการพัฒนาความเชื่อมั่นในตนเองผ่านกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์โดยการมีส่วนร่วมของผู้ปกครอง อยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.49, S.D. = 0.69)
ด้านความคิดยืดหยุ่น พบว่า เด็กปฐมวัยก่อนได้รับการพัฒนาความเชื่อมั่นในตนเองผ่านกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์โดยการมีส่วนร่วมของผู้ปกครอง อยู่ในระดับปานกลาง ( = 3.27, S.D. = 0.96) หลังได้รับการพัฒนาความเชื่อมั่นในตนเองผ่านกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์โดยการมีส่วนร่วมของผู้ปกครอง อยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.60, S.D. = 0.62)
ด้านความคิดละเอียดลออ พบว่า เด็กปฐมวัยก่อนได้รับการพัฒนาความเชื่อมั่นในตนเองผ่านกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์โดยการมีส่วนร่วมของผู้ปกครอง อยู่ในระดับปานกลาง ( = 3.25, S.D. = 0.97) หลังได้รับการพัฒนาความเชื่อมั่นในตนเองผ่านกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์โดยการมีส่วนร่วมของผู้ปกครอง อยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.53, S.D. = 0.66)
3.3 ประโยชน์ที่ได้รับ
1. เด็กปฐมวัยได้รับการพัฒนาความเชื่อมั่นในตนเองผ่านกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์โดยการมีส่วนร่วมของ ผู้ปกครอง ระดับปฐมวัย ชั้นอนุบาล 3 โรงเรียนวิทยสัมพันธ์ที่ดีมากขึ้น
2. เด็กปฐมวัยมีความสนุกสนานและมีความสนใจในการเรียนรู้โดยกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์และ ผู้ปกครอง สามารถ กระตุ้นความกระตือรือร้นสร้างความอบอุ่นให้เด็กปฐมวัยอยากเรียนรู้ผ่านการเล่น และการลงมือปฏิบัติจริง
3 เด็กปฐมวัยมีเจตคติที่ดีต่อการเรียนรู้และเกิดความภาคภูมิใจในตนเอง สามารถแสวงหาความรู้ด้วย ตนเองจากการเล่นและการทำกิจวัตรประจำวันได้
4 ครูได้พัฒนาความรู้และทักษะการจัดประสบการณ์ให้แก่เด็กปฐมวัยให้มีความชำนาญมากขึ้นและ ตระหนักในการพัฒนาเด็กปฐมวัยอย่างต่อเนื่อง
4.ปัจจัยสู่ความสำเร็จ
ปัจจัยที่ทำให้การพัฒนาความเชื่อมั่นในตนเองผ่านกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์โดยการมีส่วนร่วมของผู้ปกครอง ระดับปฐมวัย ชั้นอนุบาล 3 โรงเรียนวิทยสัมพันธ์ประสบผลสำเร็จคือ
4.1 ผู้บริหารมีภาวะผู้นำและให้ความสำคัญสนับสนุนในการดำเนินกิจกรรมครั้งนี้ พร้อมส่งเสริมเป็นที่ปรึกษาและ คำแนะนำในการออกแบบ แบบฝึกทักษะและแผนการจัดประสบการณ์ ในการจัดกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์เพื่อพัฒนาความเชื่อมั่นในตนเอง มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับคณะครูในรูปแบบ ชุมชนแห่งการเรียนรู้ของครู (Professional Learning Community : PLC) พัฒนานวัตกรรมให้เกิดประสิทธิภาพเกิดประโยชน์ต่อเด็กปฐมวัยมากที่สุดเด็กปฐมวัย ให้ความสนใจและมีความสุขขณะทำกิจกรรมด้วยความกระตือรือร้นด้วยตนเอง
4.2 การจัดกิจกรรมใช่วิธีการการเรียนรู้ผ่านวิธีการเล่น ได้ลงมือปฏิบัติจริงมีความสอดคล้องกับหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2560 มีการประเมินพัฒนาการและ ปรับปรุงผลการดำเนินการเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย ด้วยมีวิธีการประเมินที่หลากหลาย ในเป็นการประเมินพัฒนาการของเด็กปฐมวัยในรายบุคคล รวมทั้งได้ศึกษาข้อมูลทักษะความเชื่อมั่นในตนเองจากข้อมูลเด็กปฐมวัย ปีการศึกษา 2565 -2566
และประสบการณ์ในการสอนมาจัดทำ Best Practice ในปีการศึกษา 2567
4.3 มีรูปแบบการพัฒนาเด็กปฐมวัยโดยการจัดประสบการณ์เป็นรูปแบบที่ใช้กระบวนการตามวงจรคุณภาพ วงจรเดมมิ่ง PDCA (Deming Cycle) ซึ่งมีการวางแผนการลงมือปฏิบัติตามแผนการตรวจสอบผลการจัดประสบการณ์การปรับปรุงซึ่งการดำเนินงานที่เป็นขั้นตอนจึงทำให้ผลการดำเนินงานเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
5.บทเรียนที่ได้รับ
ในการจัดประสบการณ์ การพัฒนาความเชื่อมั่นในตนเองผ่านกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์โดยการมีส่วนร่วมของผู้ปกครอง ระดับปฐมวัย ชั้นอนุบาล 3 โรงเรียนวิทยสัมพันธ์ มีดังนี้
5.1 บทเรียนที่ได้รับ/ข้อเสนอแนะ/การขยายผลต่อยอดหรือประยุกต์ใช้ผลงานนวัตกรรมหรือวิธีการ ปฏิบัติ
5.1.1 การนำแบบแผนการจัดประสบการณ์การจัดกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์เพื่อการพัฒนา
ความเชื่อมั่นในตนเองผ่านกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์โดยการมีส่วนร่วมของผู้ปกครอง
5.1.2 แบบแผนการจัดประสบการณ์การจัดกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์มีความสอดคล้องกับหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2560 และมีความยืดหยุ่นตามบริบทของโรงเรียนได้อย่างเหมาะสม
5.1.3 การมีส่วนร่วมของผู้ปกครองในกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ส่งผลดีต่อทั้งผู้ปกครองดังนี้ - การทำกิจกรรมร่วมกับพ่อแม่ช่วยเสริมสร้างความรู้สึกอบอุ่น มั่นใจ และได้รับการยอมรับ ส่งผลให้ เด็กเกิดแรงจูงใจในการเรียนรู้ พร้อมทั้งได้พัฒนาทักษะด้านความคิดสร้างสรรค์ การวางแผน และการ ควบคุมตนเอง (EF) อีกทั้งยังส่งเสริมพัฒนาการทางอารมณ์และสังคมอย่างเหมาะสม
- ด้านผู้ปกครอง การมีส่วนร่วมช่วยให้เข้าใจพฤติกรรมและพัฒนาการของลูกมากขึ้น สามารถ สื่อสาร และประสานงานกับครูได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังเกิดความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของการ เรียนรู้ ร่วมกับโรงเรียน การเห็นพัฒนาการของลูกผ่านผลงานศิลปะยังช่วยเสริมสร้างความ ภาคภูมิใจ และ กระชับความสัมพันธ์ในครอบครัวให้อบอุ่นมากยิ่งขึ้น
5.1.4 เกิดความเข้มแข็งความร่วมมือในชุมชุนระหว่างระหว่าง ครู ผู้ปกครอง ผู้บริหารที่มี ประสิทธิภาพ เกิดประสิทธิผลต่อการพัฒนาเด็กปฐมวัย
5.2 ข้อเสนอแนะ
5.2.1 จากการทำนวัตกรรมในครั้งนี้แสดงให้เห็นว่า การจัดกิจกรรมโดยการพัฒนาความเชื่อมั่นในตนเองผ่านกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์โดยการมีส่วนร่วมของผู้ปกครอง ระดับปฐมวัย ชั้นอนุบาล 3 โรงเรียนวิทยสัมพันธ์ ควรใช้เป็นแนวปฏิบัติการจัดการเรียนการสอนเพื่อการพัฒนาความเชื่อมั่นในตนเองผ่านกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์โดยการมีส่วนร่วมของผู้ปกครอง ระดับปฐมวัย ชั้นอนุบาล 3
5