ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
Advertisement

การนำเสนอผลการปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practice) โรงเรียนเบอร์ 5

1.สภาพปัญหา

1.1 สภาพปัญหา/ปัญหา

ปัจจุบันประเทศไทยกำลังเผชิญปัญหา การขาดแคลนพลังงานไฟฟ้าอันเป็นผลจากการเจริญเติบโตและขยายตัวทางเศรษฐกิจ รวมถึงการ อุปโภคบริโภคภาคครัวเรือน จากรายงานของสำนักนโยบายและแผนพลังงาน ชี้ว่าตัวเลขพลังงานไฟฟ้า การใช้พลังงานไฟฟ้าเพิ่มขึ้นจากปี พ.ศ. 2565 จำนวน 2.8% และประเทศ ไทยนำเข้าพลังงานไฟฟ้าจากต่างประเทศร้อยละ 9 ของพลังงานไฟฟ้าที่ใช้ในประเทศ ซึ่งคิดเป็น 3,387 เมกกะวัตต์ ปัญหาการขาดแคลนพลังงานไฟฟ้า ของไทยนับวันยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นและเป็นเรื่องใกล้ตัวเรามากขึ้นทุกที ดังจะเห็นได้จากข่าวการเกิดไฟฟ้าดับในบางช่วงเวลาในภาคใต้ นอกจากนี้ ข้อมูลจากการคาดการณ์ของทบวงพลังงาน โลก (International Energy Agency, 2020) ระบุว่า ความต้องการใช้พลังงานไฟฟ้าของประชากรทั่ว โลกในช่วง 20 ปีข้างหน้าจะเพิ่มมากขึ้นถึงร้อยละ 40 ของปริมาณการใช้ไฟฟ้าในปัจจุบัน ซึ่งสวนทาง กับปริมาณพลังงานไฟฟ้าที่ผลิตได้ทั่วโลก ด้วยเหตุนี้ รัฐบาลจึงได้มีนโยบายรณรงค์ให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์พลังงานไฟฟ้าและหันมาใช้พลังงานทางเลือก ส่งเสริมให้มีการวิจัยและพัฒนาพลังงานทางเลือก รวมทั้งพัฒนาองค์ความรู้ในการบริหารจัดการ พลังงาน ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการนับเป็นหน่วยงานหลักที่มีบทบาท สำคัญในการรณรงค์ปลูกจิตสำนึกในการอนุรักษ์ พลังงานไฟฟ้าให้แก่เยาวชน โดยกระทรวงพลังงานร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการได้ลงนามในบันทึก ข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการที่มีเป้าหมาย เพื่อให้นักเรียนและบุคลากรในโรงเรียนในสังกัด กระทรวงศึกษาธิการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้พลังงานไฟฟ้า โดย ร่วมกันลดใช้พลังงานไฟฟ้า

ความมุ่งหมายต่อการพัฒนาในปัจจุบันนั้นควรที่จะดำเนินอย่างควบคู่กันทั้ง 4 มิติคือเศรษฐกิจสังคมวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อมจึงจะเป็นไปเพื่อความสมดุลและยั่งยืนในสังคมทั้งนี้เพราะแต่ละมิติล้วนแล้วแต่มีความเกี่ยวเนื่องเชื่อมโยงและสัมพันธ์กันเสมอโดยเฉพาะอย่างยิ่งศาสตร์พระราชาซึ่งเป็นหลักการอ่านประกอบด้วยเหตุและผลอย่างบริบูรณ์ที่สุดแห่งยุคเกิดจากการเรียนรู้หลักการทรงงานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชที่ได้ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจเพื่อพสกนิกรชาวไทยให้อยู่เย็นเป็นสุขถึงพร้อมในทุกแง่ทุกมิติของการดำรงชีวิตของมวลมนุษยชาติได้แก่มิติเศรษฐกิจมิติสังคมมิติวัฒนธรรมและมิติสิ่งแวดล้อมมีเจตจำนงมุ่งหมายให้ประชาชนพ้นจากความขาดแคลนมีภูมิความรู้ (จิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา 2557)

ศาสตร์พระราชา คือ ศาสตร์เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน ด้วยหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ปรากฏความหมายเป็นเชิงนัยครั้งแรกในพระบรมราโชวาทและพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ในปี พ.ศ.2517 ซึ่งเป้าหมายในการพัฒนาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว คือ “การพัฒนาที่ยั่งยืน” เพื่อปรับปรุงชีวิตความเป็นอยู่ของคน โดยไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม ให้คนมีความสุข โดยต้องคำนึงเรื่องสภาพภูมิศาสตร์ ความเชื่อทางศาสนา เชื้อชาติ และภูมิหลังทางเศรษฐกิจ สังคม แม้ว่าวิธีการพัฒนามีหลากหลาย แต่ที่สำคัญ คือ นักพัฒนาจะต้องมีความรัก ความห่วงใย ความรับผิดชอบ และการเคารพในเพื่อนมนุษย์ จะเห็นได้ว่าการพัฒนาเกี่ยวข้องกับมนุษยชาติ และเป็นเรื่องของจิตใจ (ม.ร.ว.ดิศนัดดา ดิศกุล, 2555)

ปัจจุบันปัญหาสิ่งแวดล้อมถือเป็นปัญหาระดับชาติ ซึ่งมีแนวทางพัฒนาระบุไว้ดังแผนยุทธศาสตร์ชาติ ระยะ 20 ปี (พ.ศ. 2560-2579) ด้านการสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โรงเรียนจึงเป็นหน่วยงานหนึ่งที่จะช่วยในการปรับทัศนคติและปลูกฝังค่านิยมในการดำรงชีวิตให้อยู่บนพื้นฐานของความพอเพียง เพื่อนำไปสู่การใช้ทรัพยากรต่าง ๆ และการอยู่ร่วมกันในสังคม บนหลักการของความพอประมาณ ใช้เหตุผลและไม่ประมาท (มีภูมิคุ้มกัน) ผ่านการนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงบรรจุไว้ในหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน เพื่อให้เป็นกรอบและแนวทางในการพัฒนาเยาวชนรุ่นใหม่ให้มีค่านิยมและอุปนิสัย “อยู่อย่างพอเพียง”

โรงเรียนวัดน้ำคบ ตระหนักถึงความสำคัญของการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ดังกำหนดไว้ในวิสัยทัศน์

และพันธกิจของโรงเรียน ดำเนินการบริหารจัดการปรับรูปแบบการดำเนินกิจกรรมประจำวันของโรงเรียน ลด ละ เลิกการใช้ถุงพลาสติกและโฟม ตลอดจนจัดการเรียนรู้บูรณาการสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และฐานกิจกรรมการเรียนรู้ เกี่ยวกับการรณรงค์ลดขยะพลาสติกและโฟม การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม “เลิก ลด ใช้” วัสดุอย่างคุ้มค่า โดยน้อมนำศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน ยึดหลัก 3 ประการ คือ ความพอประมาณ มีเหตุผล และมีภูมิคุ้มกัน

1.2 แนวทางการแก้ปัญหา

ใช้กิจกรรมการอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อมในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน และขยายผลต่อชุมชน

1.3 กำหนดจุดประสงค์และเป้าหมาย

1.3.1 จุดประสงค์

1. เพื่อให้นักเรียนมีความรู้ ทัศนคติและพฤติกรรมที่ดีในการใช้พลังงานและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม อย่างมี ประสิทธิภาพ

2. เพื่อลดการใช้พลังงานไฟฟ้าของโรงเรียน (ระหว่างเดือน พฤษภาคม -พฤศจิกายน พ.ศ.2566 เปรียบเทียบกับ เดือน พฤษภาคม -พฤศจิกายน พ.ศ.2567)

3.เพื่อลดการใช้พลังงานไฟฟ้าที่บ้านนักเรียนลดลงร้อยละ 10 ขึ้นไปโดยเปรียบเทียบค่าหน่วยพลังงานไฟฟ้าของบ้านนักเรียนระหว่างเดือนพฤษภาคม-เดือนกันยายน พ.ศ.2567

1.3.2 เป้าหมาย

1. เป้าหมายเชิงปริมาณ

- นักเรียนโรงเรียนวัดน้ำคบชั้นอนุบาลปีที่ 2- ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ปีการศึกษา 2567 จำนวน 160 คน

2. เป้าหมายเชิงคุณภาพ

- นักเรียนมีความรู้ มีทักษะพื้นฐาน สามารถนำความรู้ที่ได้จากการเรียนรู้ผ่านกิจกรรมการเรียนรู้ ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างอย่างเหมาะสม

ผลสำเร็จที่ได้รับ

1. นักเรียนมีความรู้ ทัศนคติและพฤติกรรมที่ดีในการใช้พลังงานและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม อย่างมี ประสิทธิภาพ

2. การใช้พลังงานไฟฟ้าของโรงเรียนวัดน้ำคบลงลง 1,706 KWh ร้อยละ 13.23

3.จำนวนนักเรียนที่มีการใช้พลังงานไฟฟ้าลดลงร้อยละ 10 ขึ้นไปต่อบ้านจำนวน 57 คน ร้อยละ 35.19 หน่วยพลังงานไฟฟ้าลดลง 20,818 KWh

โพสต์โดย นายประโยชน์ ฟักคง : [13 พ.ค. 2568 (19:14 น.)]
อ่าน [59297] ไอพี : 223.207.236.226
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
Advertisement

 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 12,455 ครั้ง
"Li-Fi" เน็ตไร้สายเร็วกว่าไว-ไฟ100เท่า
"Li-Fi" เน็ตไร้สายเร็วกว่าไว-ไฟ100เท่า

เปิดอ่าน 47,876 ครั้ง
บาร์โค้ด ประวัติ การประดิษฐ์บาร์โค้ด รหัสแท่งมหัศจรรย์
บาร์โค้ด ประวัติ การประดิษฐ์บาร์โค้ด รหัสแท่งมหัศจรรย์

เปิดอ่าน 12,141 ครั้ง
สิทธิบัตร อัจฉริยะ
สิทธิบัตร อัจฉริยะ

เปิดอ่าน 27,085 ครั้ง
แมลงมีพิษกัดต่อย
แมลงมีพิษกัดต่อย

เปิดอ่าน 62,505 ครั้ง
ประเทศที่ประสบความสำเร็จเขาดูแลครูอย่างไร
ประเทศที่ประสบความสำเร็จเขาดูแลครูอย่างไร

เปิดอ่าน 510 ครั้ง
เช็กลิสต์ 5 ข้อ ก่อนผ่าตัดเหนียง เลือก รพ. อย่างไรให้ปลอดภัย ไม่เสี่ยง
เช็กลิสต์ 5 ข้อ ก่อนผ่าตัดเหนียง เลือก รพ. อย่างไรให้ปลอดภัย ไม่เสี่ยง

เปิดอ่าน 17,801 ครั้ง
รู้ทันดอกเบี้ยบัตรเครดิต คิดให้ดีก่อนรูด
รู้ทันดอกเบี้ยบัตรเครดิต คิดให้ดีก่อนรูด

เปิดอ่าน 16,017 ครั้ง
วิธีการชมฝนดาวตกเจมินิดส์
วิธีการชมฝนดาวตกเจมินิดส์

เปิดอ่าน 24,516 ครั้ง
แบบคำร้องขอย้ายครู ตามหนังสือ ว 18/2565 หลักเกณฑ์และวิธีการย้ายข้าราชการครูและบุคคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครู สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ
แบบคำร้องขอย้ายครู ตามหนังสือ ว 18/2565 หลักเกณฑ์และวิธีการย้ายข้าราชการครูและบุคคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครู สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ

เปิดอ่าน 15,616 ครั้ง
หมอเตือนเชื้อปนเปื้อน"ข้าวมันไก่"ถึงตาย ระบุ ทั้งเนื้อไก่และเลือดไก่บูดเน่าได้ง่าย
หมอเตือนเชื้อปนเปื้อน"ข้าวมันไก่"ถึงตาย ระบุ ทั้งเนื้อไก่และเลือดไก่บูดเน่าได้ง่าย

เปิดอ่าน 16,163 ครั้ง
ความเหลื่อมล้ำและระบบอุปถัมภ์ในการศึกษาไทย - มติชน วีกเอ็นด์ 15 พ.ค. 59
ความเหลื่อมล้ำและระบบอุปถัมภ์ในการศึกษาไทย - มติชน วีกเอ็นด์ 15 พ.ค. 59

เปิดอ่าน 13,785 ครั้ง
ปวดท้องแบบไหน เป็นไส้ติ่งอักเสบ
ปวดท้องแบบไหน เป็นไส้ติ่งอักเสบ

เปิดอ่าน 3,525 ครั้ง
"ขุนหลวงท้ายสระ" พระมหากษัตริย์ไทยรัชกาลที่ 30 แห่งอาณาจักรอยุธยา
"ขุนหลวงท้ายสระ" พระมหากษัตริย์ไทยรัชกาลที่ 30 แห่งอาณาจักรอยุธยา

เปิดอ่าน 11,573 ครั้ง
ตูนส์ศึกษา : การศึกษาระดับประถมวัยของไทยคือการเตรียมพร้อมหรือการทำร้ายเผ่าพันธุ์มนุษย์
ตูนส์ศึกษา : การศึกษาระดับประถมวัยของไทยคือการเตรียมพร้อมหรือการทำร้ายเผ่าพันธุ์มนุษย์

เปิดอ่าน 16,620 ครั้ง
พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของไทย
พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของไทย

เปิดอ่าน 9,518 ครั้ง
ฟีฟ่า จับมือ กูเกิล เปิดเว็บเอาใจคอบอล
ฟีฟ่า จับมือ กูเกิล เปิดเว็บเอาใจคอบอล
เปิดอ่าน 17,935 ครั้ง
ตายเยอะแม้ป้องกันได้ มะเร็งปากมดลูก
ตายเยอะแม้ป้องกันได้ มะเร็งปากมดลูก
เปิดอ่าน 14,280 ครั้ง
การกระตุ้นพัฒนาการลูกในครรภ์
การกระตุ้นพัฒนาการลูกในครรภ์
เปิดอ่าน 10,023 ครั้ง
ทำไมคนเราถึงฝัน
ทำไมคนเราถึงฝัน
เปิดอ่าน 12,792 ครั้ง
7 วิธีทำให้หน้าเด็ก
7 วิธีทำให้หน้าเด็ก

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
ติวสอบ GED
ติวสอบ SAT
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ