ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
Advertisement

การบริหารจัดการศึกษาสู่คุณภาพการศึกษา ด้วยนวัตกรรมการพัฒนารูปแบบ การนิเทศภายในแบบร่วมพัฒนา โดยการส่งเสริมการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Leaning) ด้วยนวัตกรรม “PDCA For 5S Model”

1.สภาพปัจจุบัน ปัญหาของผลงานหรือนวัตกรรมที่นำเสนอ

1.1 สภาพปัจจุบัน / ปัญหา

จุดมุ่งหมายสำคัญของการปฏิรูปการศึกษา คือ การพัฒนาคุณภาพการศึกษาที่เรียกว่า Quality Education ซึ่งหมายถึง การพัฒนาคุณภาพของผู้เรียนให้เป็นคนดี คนเก่งและมีความสุข ปิยพจน์ ตุลาชม (2550) ได้เสนอแนะแนวทางในการปฏิรูปการศึกษาให้สำเร็จได้นั้น จะต้องเน้นปฏิรูปใน 4 ด้าน คือ 1) ปฏิรูปด้านสถานศึกษา 2) ปฏิรูปครู 3) ปฏิรูปหลักสูตรการเรียนการสอน และ 4) ปฏิรูประบบการบริหารการจัดการศึกษา ซึ่งการที่จะปฏิรูปทั้ง 4 ด้าน ดังกล่าวนั้น ต้องอาศัยการบริหาร จัดการศึกษาที่เน้นการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน มีความเป็นอิสระในการบริหารจัดการตามหลักการบริหาร โดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน (School Based Management : SBM) ซึ่งเป็นการสร้างรากฐานและความเข้มแข็งให้กับสถานศึกษา อย่างมีคุณภาพ ได้มาตรฐานและสามารถพัฒนาได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งหลักการบริหารจัดการในลักษณะดังกล่าวนี้ สอดคล้องกับแนวทางการกระจายอำนาจการจัดการศึกษา ของโรงเรียนผู้นำการเปลี่ยนแปลงการกระจายอำนาจและเป็นไปตามนโยบายของหน่วยงานต้นสังกัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพิษณุโลก เขต ๓ กำหนดนโยบายจุดเน้นคุณภาพการจัดการศึกษา ให้ความสำคัญกับการจัดการเรียนการสอน ให้นักเรียนอ่านออกเขียนได้มาอย่างต่อเนื่อง โดยได้ประกาศนโยบาย "เดินหน้าและพัฒนาการอ่านออกเขียนได้คิดเลขเป็น ปีการศึกษา ๒๕๖8” เพื่อให้นักเรียนทุกคนอ่านออกเขียนได้คิดเลขเป็นอย่างมีประสิทธิภาพ

จากการศึกษาหลักการ ทฤษฎีต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการบริหารงานวิชาการตามบทบาทหน้าที่ของผู้บริหาร กรอบการกระจายอำนาจ ตลอดจนแนวทางในการพัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษาอื่น ๆ แล้วพบว่า การนิเทศ เป็นอีกกระบวนการหนึ่งที่จะช่วยเพิ่มศักยภาพ ของครูผู้สอนในการปฏิบัติหน้าที่การสอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะนำไปสู่คุณภาพของผู้เรียนในโอกาสต่อไปทำการศึกษารูปแบบการนิเทศแบบต่าง ๆ และทำการวิเคราะห์บริบทของโรงเรียนที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการนิเทศภายในโรงเรียน เพื่อทำการออกแบบการนิเทศให้เหมาะสมกับบริบทของโรงเรียน โรงเรียนบ้านโคกใหญ่จึงได้นำมาสร้างเป็นโมเดลการนิเทศภายใน ขยายเครือข่ายการพัฒนาไปยังครูผู้สอนอื่น ๆ ตามกระบวนการนิเทศภายใน โรงเรียนบ้านโคกใหญ่ ตระหนักและเห็นความสำคัญจำเป็นในเรื่องการอ่านออกเขียนได้คิดเลขเป็น และการมีนิสัยรักการอ่านของนักเรียน จึงได้กำหนดนโยบายการพัฒนาคุณภาพการเรียนรู้และการส่งเสริมนิสัยรักการอ่านของโรงเรียนบ้านโคกใหญ่ขึ้น โดยศึกษารวบรวมข้อมูลพื้นฐานด้านคุณภาพผู้เรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ ถึงระดับมัธยมศึกษาปีที่ 3 ตั้งแต่ปีการศึกษา ๒๕๖6 โดยการบริหารคุณภาพการศึกษาของโรงเรียน มุ่งเน้นการมีส่วนร่วมของทุกฝ่ายในการบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน (school base management) มีคณะทำงานได้แก่ครูผู้สอน ศึกษานิเทศก์ประจำเครือข่าย ผู้บริหารสถานศึกษา คณะกรรมการสถานศึกษา และผู้ปกครองนักเรียน ร่วมเป็นทีมงานในการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน ตามกำหนดในพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พุทธศักราช ๒๕๔๒ และหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔

จากการประเมินผลสัมฤทธิ์ทางการอ่าน พบปัญหาคือนักเรียนส่วนหนึ่งอ่านหนังสือไม่ได้ตามเกณฑ์

ที่กำหนดไว้แต่ละระดับชั้น ซึ่งเป็นปัญหาที่มีมาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน ด้วยว่าโรงเรียนมีนักเรียนชาวพม่าและชาวมอญเข้ามาเรียนร่วมด้วย โดยการพูดและอ่านภาษาไทยได้บ้างและไม่ได้เลย โรงเรียนจึงได้ดำเนินการพัฒนา ส่งเสริม สนับสนุนและนิเทศติดตามในเรื่องการแก้ไขปัญหาของนักเรียนที่อ่านไม่ออก เขียนไม่ได้ มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนอยู่ในเกณฑ์ต่ำไม่เป็นไปตามมาตรฐาน โดยดำเนินการแก้ปัญหาดังกล่าวอย่างเป็นระบบ ด้วยการกำหนดขั้นตอนและกระบวนการดำเนินงานชัดเจน ดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง เน้นการมีส่วนร่วมของทุกฝ่าย ทั้งนี้เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายหลักในการพัฒนาผู้เรียน คือ

๑. ผู้เรียนอ่านออกเขียนได้คิดเลขเป็นตามมาตรฐานที่กำหนดในแต่ละระดับชั้น

๒. มีนิสัยรักการอ่าน ใฝ่เรียน ใฝ่รู้

๓. เป็นบุคคลแห่งการเรียนรู้

ซึ่งจะเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาชุมชนและสังคมให้เข้มแข็งและยั่งยืนต่อไป

โรงเรียนบ้านโคกใหญ่ จึงได้เริ่มจากการหาสาเหตุของปัญหาด้วยการจัดสนทนากลุ่ม(PLC) ระหว่าง ผู้บริหารโรงเรียน และครูผู้สอน เพื่อศึกษาสาเหตุและแนวทางในการแก้ไขปัญหาเรื่องการพัฒนาการจัดการเรียนรู้ทักษะการอ่าน การเขียนจากผลการสนทนากลุ่ม(PLC) ได้ข้อสรุป ดังนี้

ด้านนักเรียน สรุปได้ว่า นักเรียนยังขาดทักษะการอ่านทั้งการอ่านออกเสียง การอ่านในใจและ

ขาดนิสัยรักการอ่าน กล่าวคือ

๑.นักเรียนอ่านหนังสือไม่ออก อ่านไม่คล่อง อ่านตะกุกตะกัก อ่านตู่ตัว

๒.นักเรียนไม่มีสมาธิในการอ่าน โดยขณะอ่านจะให้ความสนใจกับสิ่งรอบข้างทำให้

การอ่านขาดความต่อเนื่อง

๓.นักเรียนอ่านเรื่องราวแล้วไม่เข้าใจความหมาย ไม่สามารถตอบคำถามได้

๔.นักเรียนขาดนิสัยรักการอ่าน โดยใช้เวลาในการอ่านแต่ละครั้งน้อยและไม่อ่านหนังสือ

อย่างสม่ำเสมอ

๕.นักเรียนขาดทักษะการอ่านจับใจความ เนื่องจากพื้นฐานการอ่านของนักเรียนในระดับ

ชั้นต้นๆ ไม่ดีพอ

๖.นักเรียนเขียนตัวหนังสือโย้เย้ เป็นถั่วงอก เขียนไม่สวย

๗.นักเรียนเขียนคำไม่ถูกต้อง เขียนผิด

๘.เขียนไม่เป็นประโยค เขียนตัดคำ เขียนคำภาษาพูด

ด้านครู สรุปได้ว่า ครู จัดกิจกรรมการเรียนรู้ในห้อง ด้วยวิธีการบรรยาย และอธิบายตามหนังสือเรียน ขาดเทคนิควิธีสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ กล่าวคือ

๑.ครูสอนประจำชั้น สอนไม่ตรงเอก จึงขาดความรู้และทักษะในการสอนภาษาไทย

๒.ครูมีเวลาในการเตรียมการสอนนักเรียนน้อย

๓.ครูขาดสื่อและอุปกรณ์ในการจัดการเรียนการสอน

๔.ครูขาดเทคนิควิธีการสอนภาษาไทยแบบ Active learning

๕.ครูขาดทักษะการโค้ช นักเรียนในการฝึกอ่าน และเขียน

๖.ครูมีเวลาจัดกิจกรรมฝึกทักษะการอ่าน และเขียนให้นักเรียนน้อยเกินไป

ด้านคุณภาพการจัดการศึกษา

พบว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ จากการทดสอบความสามารถด้านการอ่าน (RT) ปีการศึกษา ๒๕๖6 พบว่ามีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนด้านการอ่านคิดเป็นค่าเฉลี่ยร้อยละ 81.69 (สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน,๒๕๖6) ผลการทดสอบความสามารถพื้นฐานของผู้เรียนระดับชาติ (NT) ชั้น ป.๓ ความสามารถด้านการใช้ภาษา 37.50 ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาภาษาไทย จากการทดสอบระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) ปีการศึกษา ๒๕๖6 ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ พบว่ามีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาภาษาไทย มีค่าเฉลี่ยร้อยละ 49.08 วิชาคณิตศาสตร์ มีค่าเฉลี่ยร้อยละ 25.02 วิชาวิทยาศาสตร์ มีค่าเฉลี่ยร้อยละ 40.42 และวิชาภาษาอังกฤษ มีค่าเฉลี่ยร้อยละ 25.52 ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายที่โรงเรียนกำหนด (สถาบันการทดสอบแห่งชาติ,๒๕๖6) ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 พบว่ามีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาภาษาไทย มีค่าเฉลี่ยร้อยละ 49.22 วิชาคณิตศาสตร์ มีค่าเฉลี่ยร้อยละ 21.04 และวิชาภาษาอังกฤษ มีค่าเฉลี่ยร้อยละ 29.46 ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายที่โรงเรียนกำหนด(สถาบันการทดสอบแห่งชาติ,๒๕๖6)

ด้านการนิเทศภายในโรงเรียน

พบว่าการนิเทศเป็นลักษณะการนิเทศแบบการตรวจเยี่ยมชั้นเรียนยังไม่เน้นนิเทศการสอนเสนอแนะ หรือแก้ไขพัฒนาปรับปรุงการจัดการเรียนการสอน ขาดแผนงานและไม่ได้นิเทศตามตารางนิเทศ ทำให้ขาดความต่อเนื่องในการติดตามผลการนิเทศ

จากสาเหตุดังกล่าวและความจำเป็นด้านนโยบายของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และสภาพจริงที่ปรากฏในโรงเรียนบ้านโคกใหญ่ ผู้อำนวยการโรงเรียนได้ดำเนินการนิเทศภายในสถานศึกษาเพื่อเป็นการเก็บรวบรวมข้อมูลประเมินตามสภาพจริง พบว่ามีสาเหตุของปัญหาสอดคล้องกับที่ประชุมสนทนากลุ่ม (PLC) ในเรื่องการแก้ไขปัญหาของนักเรียนที่อ่านไม่ได้ เขียนไม่ได้ คิดเลขไม่เป็น ส่งผลให้นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนอยู่ในเกณฑ์ต่ำไม่ได้ตามมาตรฐาน โรงเรียนบ้านโคกใหญ่ มุ่งมั่นตั้งใจในแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยดำเนินการอย่างเป็นระบบ กำหนดขั้นตอนและกระบวนการดำเนินงานชัดเจน ดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง เน้นการมีส่วนร่วมของทุกฝ่าย ทั้งนี้เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายหลัก ได้แก่ ผู้เรียนมีผลสัมฤทธิ์สูงขึ้นสามารถอ่านออกเขียนได้คิดเลขเป็นตามมาตรฐานที่กำหนดในแต่ละระดับชั้น มีนิสัยรักการอ่าน ใฝ่เรียน ใฝ่รู้ และเป็นบุคคลแห่งการเรียนรู้ ซึ่งจะเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาชุมชนและสังคมให้เข้มแข็งและยั่งยืนได้

๑.๒ แนวทางการแก้ปัญหาและพัฒนา

จากปัญหาดังกล่าว โรงเรียนจึงได้ร่วมมือกับฝ่ายวิชาการอย่างจริงจัง นำการนิเทศภายใน เสริมสร้างความรู้ ทักษะ และทัศนคติที่ดีในการนิเทศ จัดทำคู่มือที่เป็นแนวทางในการปฏิบัติงานนิเทศภายใน สำหรับผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย สังเกตการจัดการเรียนรู้ในชั้นเรียนอย่างเป็นระบบ โดยใช้เครื่องมือที่พัฒนาขึ้นร่วมกัน และเน้นการให้ข้อมูลป้อนกลับที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาและรูปแบบการสอนในชั้นเรียน โดยครูประจำชั้นสอนแบบบูรณาการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในการจัดการเรียนการสอน และใช้กระบวนการ Active Learning ดังนั้นจึงม่งเน้นส่งเสริมพัฒนาครู มีการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ แบบให้นักเรียนเป็นศูนย์กลาง นักเรียนได้ฝึกฝนปฏิบัติ ลงมือทำ ได้ความรู้ และทักษะ การอ่านและเขียนภาษาไทยได้ดียิ่งขึ้น มีเจตคติที่ดี รักษ์ความเป็นไทย รักษ์ภาษาไทย การพัฒนาการจัดการเรียนรู้ของครูนั้นอาจทำได้หลายวิธี แต่วิธีหนึ่งที่น่าจะส่งผลโดยตรงทำให้ครูสามารถพัฒนาและปรับปรุงการจัดการเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพิ่มผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน คือ การนิเทศภายใน โดยนำนวัตกรรมการพัฒนารูปแบบการนิเทศภายในแบบร่วมพัฒนา โดยการส่งเสริมการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Leaning) ด้วยนวัตกรรม “PDCA For 5S Model”

กระบวนการนิเทศการสอน หมายถึง กระบวนการทำงานร่วมกันของผู้บริหาร ครูและบุคลากรทางการศึกษาด้วยการให้ความช่วยเหลือ แนะนำ ส่งเสริมให้เกิดการปรับปรุงการสอน เพื่อให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาตามธรรมชาติและเต็มตามศักยภาพ

การนิเทศแบบร่วมพัฒนา คือปฏิสัมพันธ์ทางการนิเทศระหว่างผู้บริหารสถานศึกษา ศึกษานิเทศก์และครู ในกระบวนการนิเทศการศึกษาที่มุ่งแก้ปัญหาและพัฒนาการเรียนการสอนอย่างเป็นระบบ โดยใช้เทคนิคการนิเทศการสอนเป็นปัจจัยหลัก บนพื้นฐานของสัมพันธ์ภาพแห่งการร่วมคิด ร่วมทำ พึ่งพา ช่วยเหลือ ยอมรับซึ่งกันและกัน ให้เกียรติและจริงใจต่อกันระหว่างผู้นิเทศ ผู้สอนและคู่สัญญา เพื่อร่วมกันพัฒนาทักษะวิชาชีพ อันจะส่งผลโยตรงต่อการพัฒนาคุณภาพการศึกษา

การจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) คือ การเรียนที่เน้นให้ผู้เรียนมีปฏิสัมพันธ์กับการ เรียนการสอน กระตุ้นให้ผู้เรียนเกิดกระบวนการคิดขั้นสูง (Higher-Order Thinking) ด้วยการวิเคราะห์ สังเคราะห์และประเมินค่า ไม่เพียงแต่เป็นผู้ฟัง ผู้เรียนต้องอ่าน เขียน ตั้งคำถาม และถาม อภิปรายร่วมกัน ผู้เรียนลงมือปฏิบัติจริง โดยต้องคำนึงถึงความรู้เดิมและความต้องการของผู้เรียนเป็นสำคัญ ทั้งนี้ผู้เรียนจะถูก เปลี่ยนบทบาทจากผู้รับความรู้ไปสู่การมีส่วนร่วมในการสร้างความรู้

หลักการนิเทศการสอนแบบร่วมพัฒนา

การบริหารจัดการศึกษาสู่คุณภาพการศึกษา ด้วยนวัตกรรมการพัฒนารูปแบบการนิเทศภายในแบบร่วมพัฒนา โดยการส่งเสริมการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Leaning) ด้วยนวัตกรรม “PDCA For 5S Model” นั้น ประเด็นสำคัญอยู่ที่การพัฒนาให้ตรงกับสภาพ ความต้องการ และการแก้ปัญหาที่เป็นปัญหาที่แท้จริงของโรงเรียน ดังนั้น การกำหนดจุดที่ต้องพัฒนา หรือการแก้ปัญหาต้องเกิดจากความร่วมมือของบุคลากรในโรงเรียนซึ่งเป็นผู้ที่อยู่กับปัญหา หรือมองภาพ การพัฒนาที่ต้องการให้เกิดขึ้นได้อย่างแท้จริง การกำหนดกระบวนการแก้ปัญหา กระบวนการพัฒนาจึง ต้องเริ่มตั้งแต่การวิเคราะห์สภาพความต้องการ สภาพปัญหา กำหนดเป้าหมายการพัฒนา กำหนดวิธีการพัฒนา และร่วมกันสรุปถึงผลที่เกิด เพื่อนำไปวางแผนพัฒนางานต่อไป การทำงานจึงต้องอาศัยผู้นำหรือทีมในการพัฒนางาน และต้องการมีการดำเนินงานอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง จึงจะเห็นผลสำเร็จตามเป้าหมาย โรงเรียนบ้านโคกใหญ่ ตระหนักถึงความสำคัญของสภาพการทำงานข้างต้น และให้ความสำคัญกับกระบวนการทำงานเพื่อพัฒนา คุณภาพงานวิชาการ บุคลากรในโรงเรียนจะสามารถพัฒนาและแก้ปัญหาการทำงานได้ตรงมากที่สุด ดังนั้น จึงได้กำหนดแนวทางการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษา “PDCA For 5S Model” ด้วยรูปแบบการนิเทศภายใน เพื่อพัฒนาระบบการการจัดการศึกษาภายในโรงเรียนให้มีความเข้มแข็ง และดำเนินการได้โดยทีมผู้นิเทศภายใน รูปแบบการนิเทศภายในนี้จะเน้น ที่การพัฒนาตนเองของครูผู้สอนให้มีศักยภาพในการพัฒนาผู้เรียน

วิธีการนิเทศเป็นรูปแบบหนึ่งที่ใช้กันมากในกลุ่มโรงเรียนและภายในโรงเรียน คือ “การนิเทศครูโดยเพื่อนครู”มาจากคำแปลที่ว่า “PEER SUPPERVISION” การนิเทศแบบนี้เริ่มต้นจากการที่ผู้บริหารและครูเห็นปัญหา จุดเด่น จุดด้อย ทางการจัดการเรียนการสอนของโรงเรียน และเห็นว่าครูเพื่อนครูแต่ละท่านมีความสามารถที่แตกต่างกันพร้อมที่จะแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ให้แก่กัน ปรึกษาหารือกัน ช่วยให้เกิดสนามพลังแห่งการเรียนรู้การนิเทศการสอนแบบร่วมพัฒนา (Cooperative Development Supervision) (ศิริวรรณ์ ฉายะเกษริน, 2542, Online) เป็นปฏิสัมพันธ์ทางการนิเทศระหว่างผู้บริหารสถานศึกษา ศึกษานิเทศก์และครูผู้สอน ในกระบวนการนิเทศการศึกษาที่มุ่งแก้ปัญหาและพัฒนาการเรียนการสอนอย่างเป็นระบบ โดยใช้เทคนิคการนิเทศการสอนเป็นปัจจัยหลักบนพื้นฐานของ สัมพันธ์ภาพแห่งการร่วมคิด ร่วมทำ พึ่งพา ช่วยเหลือ ยอมรับซึ่งกันและกัน ให้เกียรติและจริงใจต่อกันระหว่างผู้นิเทศ ผู้สอนและคู่สัญญา เพื่อร่วมกันพัฒนาทักษะวิชาชีพ อันจะส่งผล โดยตรงต่อการพัฒนาคุณภาพการศึกษา การนิเทศแบบนี้มุ่งแก้ปัญหา และพัฒนาการเรียนการสอนอย่างเป็นระบบ เพื่อยกระดับคุณภาพการเรียนของผู้เรียน โดยการปรับปรุงการปฏิบัติงาน ของผู้สอนให้เกิดประสิทธิภาพสูงขึ้น

สำนักงานคณะกรรมการประถมศึกษาแห่งชาติ (2541) ให้ความหมายของการนิเทศภายในโรงเรียนไว้ว่า การนิเทศภายในโรงเรียนหมายถึง การส่งเสริมสนับสนุนหรือให้ความ ช่วยเหลือในโรงเรียนให้ประสบความสำเร็จในการปฏิบัติตามภารกิจหลัก คือ การสอนหรือการสร้างเสริมพัฒนาการของนักเรียนทุกด้าน ทั้ง ร่างกาย สติปัญญา จิตใจ อารมณ์ และสังคม ให้เต็มวัยและตามศักยภาพ โดยความร่วมมือของบุคลากรในโรงเรียน นิเวศน์ คิดยาว(2542) กล่าวว่าการนิเทศภายในโรงเรียน หมายถึง การปฏิบัติงานร่วมกันของผู้บริหาร กับครูในโรงเรียนในอันที่จะแก้ไขพัฒนาการทำงานของครูให้มีประสิทธิภาพและส่งผลต่อคุณภาพของผู้เรียน สรุปได้ว่า การนิเทศภายในสถานศึกษา คือ กระบวนการหรือกิจกรรมในการปฏิบัติงานร่วมกันระหว่างผู้ นิเทศกับผู้รับการนิเทศเพื่อหาแนวทางปรับปรุงพัฒนาการจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญให้มีคุณภาพ และมีประสิทธิภาพ

รูปแบบการนิเทศการสอนแบบร่วมพัฒนา (ศิริวรรณ์ ฉายะเกษริน, 2542, Online)

กระบวนการนิเทศการสอนแบบร่วมพัฒนามีขั้นตอนดังนี้

1. คู่สัญญาตกลงร่วมกัน

2. วิเคราะห์ปัญหาการเรียนการสอนร่วมกัน

3. กำหนดวัตถุประสงค์ในการแก้ปัญหาหรือพัฒนา

4. วางแผนการสอนและผลิตสื่อ

5. วางแผนการนิเทศการสอน

6. สอนและสังเกตการณ์สอน

7. วิเคราะห์ผลการสอนและผลการสังเกตการสอน

8. ใหข้อมูลป้อนกลับซึ่งกันและกัน

9. วางแผนการสอนและการนิเทศการสอนต่อเนื่อง

กระบวนการนิเทศการสอน

การปฐมนิเทศ

๑. สร้างศรัทธา สร้างความสัมพันธ์ ไม่ตั้งตนเป็นอาจารย์แต่เป็นเพื่อนค่อยให้ขวัญและกำลังใจ แสดงออกอย่างจริงใจ ไม่ใช่การจับผิด หรือตำหนิ ข้อผิดพลาด ใช้ภาษาเชิงบวก เป็นธุระให้ รับฟังอย่างตั้งใจ

๒. แจ้งความมุ่งหมาย บอกจุดมุ่งหมายในการนิเทศ และเป้าหมายในการพัฒนาการจัดการเรียนการสอนเพื่อให้เด็กนักเรียนสามารถ อ่านออก เขียนได้ คิดเลขเป็น

๓. จัดเวลา ทำเป็นกิจวัตร ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งการการทำงาน

๔. กำหนดแผนงาน วางกิจกรรมการนิเทศการสอน และการปรับปรุงอย่างสม่ำเสมอ

ร่วมคิดร่วมทำ

๑. แนะนำ,สาธิต,แบบอย่าง ทำให้ดู อยู่ให้เห็น เป็นให้ปรากฏ งดงามในการพัฒนาใกล้ชิด

๒. ฝึกทำแผนการสอน อย่างสมดุล มีความสุข มีวัตถุประสงค์, จัดกิจกรรมอย่างสร้างสรรค์

ประเมินตามเป้าหมายเพื่อบรรลุจุดมุ่งหมาย

๓. ฝึกสร้างสื่อการสอน จัดหาและสร้างขึ้นอย่างง่ายๆใช้อุปกรณ์เครื่องมือรอบตัวเป็นสื่อการสอน น่าสนใจ และสามารถดึงดูดใจได้

๔. วิจัยในชั้นเรียน รู้จักสังเกตและตั้งคำถาม หาสาเหตุ หาแนวทางแก้ไข ดำเนินการแก้ไข

๕. เรียนรู้การวัดและประเมินผล เครื่องมือที่ใช้วัดและประเมินผลไม่ยุ่งยาก ใช้สะดวกวัดได้ตามเป้าหมายและตรงตามวัตถุประสงค์

สร้างสรรค์คุณภาพ

๑. ครูทดลองปฏิบัติจริง คอยโค้ช ค่อยบอกเทคนิค ไม่ปล่อยให้ดำเนินเพียงลำพัง

๒. ครูปรึกษาหารือแลกเปลี่ยนเรียนรู้ PLC จัดกลุ่มวงสนทนา

๓. ติดต่อสื่อสารเยี่ยมเยียน สอบถาม อย่างสม่ำเสมอ

๔. ช่วยกันแก้ไขปัญหา ระดมความคิดเพื่อร่วมกันแก้ปัญหา

๕. ให้กำลังใจ คอยให้กำลังใจซึ่งกันและกัน ชื่นชมกันเสมอๆ

ทบทวนวัดและประเมินผล

๑. การประเมินตนเอง ให้ครูเป็นผู้ประเมินตนเองให้คะแนนตัวเอง

๒. การประเมินผลงาน ประเมินตามเกณฑ์ที่เกิดขึ้นกับตัวนักเรียน

๓. การประเมินโดยกัลยาณมิตร ประเมินตามกระบวนการเชิงบวกด้วยกัลยามิตร

๔. การประเมินพัฒนาการเรียนรู้ ประเมินพัฒนาการนักเรียนเริ่มต้นและหลังพัฒนา

๑.๓ จุดประสงค์และเป้าหมายของการดำเนินงาน

๑.๓.๑ จุดประสงค์

๑) เพื่อพัฒนาคุณภาพการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนของครู โรงเรียนบ้านโคกใหญ่

๒) เพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ของนักเรียนโรงเรียนบ้านโคกใหญ่ ประจำปีการศึกษา ๒๕๖7

1.3.2 เป้าหมาย

1) ให้เกิดประสิทธิภาพ ด้านคุณภาพผู้เรียน อยู่ในระดับดี ไม่น้อยกว่าร้อยละ 80

2) ให้เกิดประสิทธิภาพ ด้านคุณภาพครู อยู่ในระดับดี ไม่น้อยกว่าร้อยละ 80

๒. ขั้นตอนการดำเนินงาน

2.1 การออกแบบผลงาน / นวัตกรรม

การบริหารจัดการศึกษาสู่คุณภาพการศึกษา ด้วยนวัตกรรมการพัฒนารูปแบบการนิเทศภายในแบบร่วมพัฒนา โดยการส่งเสริมการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Leaning) ด้วยนวัตกรรม “PDCA For 5S Model” เพื่อส่งเสริมประสิทธิภาพการดำเนินงานการนิเทศภายในสถานศึกษาโรงเรียนบ้านโคกใหญ่ โดยใช้กระบวนการ PDCA ในการพัฒนาโมเดล ดังนี้

ขั้นที่ 1 การวางแผน (Plan)

1.ศึกษาบริบทภาพรวมภายใน และภายนอกสถานศึกษา

2.วางแผนการสร้างกระบวนการดำเนินงานในรูปแบบ 5S Model เพื่อพัฒนาการนิเทศภายในโรงเรียนบ้านโคกใหญ่

3.ศึกษาเอกสารแนวคิด หลักการสำคัญ และทฤษฎีที่เกี่ยวกับกระบวนการพัฒนา 5S Model 5 S

S - student = คุณภาพผู้เรียน

-เรียนอย่างมีความสุข

-อ่านออกเขียนได้คิดเลขเป็น

-มีทักษะอาชีพตามหลักของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง

S - Study = คุณภาพการจัดการเรียนการสอน

-มีหลักสูตรสถานศึกษาสอดคล้องกับบริบทโรงเรียน

-มีสื่อนวัตกรรมที่หลากหลายต่อยอดได้

-วัดและประเมินผลตามสภาพจริง

-จัดการเรียนการสอนอย่างมืออาชีพใช้เทคโนโลยีอย่างสร้างสรรค์

S – School = คุณภาพโรงเรียน

-สถานศึกษาปลอดภัย

-บริหารงานตามหลักธรรมาภิบาล

-ประสานความร่วมมือจากทุกภาคส่วน

-ประกันคุณภาพภายในที่มั่นคงเข้มแข็ง

-สถานศึกษาต้นแบบแห่งการเรียนรู้อยู่อย่างพอเพียง

S – Society = คุณภาพของสังคมและชุมชน

-อนุรักษ์และสืบสานวัฒนธรรมประเพณีอันดีงาม

-แลกเปลี่ยนเรียนรู้กับภูมิปัญญาท้องถิ่นเพื่อสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้

-พัฒนาความร่วมมือกับชุมชนอย่างสร้างสรรค์

-ให้บริการด้านวิชาการแก่ชุมชน

S – Sustainable = คุณภาพที่ยั่งยืน

-ระบบการทำงานที่ชัดเจนโปร่งใส

-มีการทบทวนต่อยอดอย่างสม่ำเสมอ

-ประกันคุณภาพที่ยั่งยืนบนพื้นฐานทันต่อเหตุการณ์

และอุปกรณ์ที่มีคุณภาพ รวมทั้งการมีส่วนร่วมกับทุกภาคส่วนในการจัดการศึกษา ดังแนวคิดการบริหารงานที่ว่า อุปสรรคเป็นเรื่องธรรมดา เอาชนะได้ด้วย “สติปัญญา” และ “กำลังใจ”

ขั้นที่ 2 ออกแบบกิจกรรมเรียนรู้ (DO)

1.สร้างโมเดลกระบวนการคิด “PDCA For 5S Model”

ที่มา ความหมายและกระบวนการพัฒนากระบวนการคิด “PDCA For 5S Model”

“PDCA For 5S Model” มาจากการศึกษาบริบทโรงเรียนสอดคล้องกับนโยบายเขตพื้นที่การศึกษา มาเป็นแนวทางในการพัฒนานวัตกรรมโมเดล

ดังนั้น จึงเป็นที่มาของคำว่า “PDCA For 5S Model” ที่ใช้ในการพัฒนาการบริหารจัดการการนิเทศภายในสถานศึกษา เพื่อส่งเสริมประสิทธิภาพการดำเนินงานการนิเทศภายในสถานศึกษาโรงเรียนบ้านโคกใหญ่

2.การพัฒนาการบริหารจัดการการนิเทศภายในสถานศึกษา โดยใช้การบริหารแบบ “PDCA For 5S Model” เพื่อส่งเสริมประสิทธิภาพการดำเนินงานการนิเทศภายในสถานศึกษาโรงเรียนบ้านโคกใหญ่

PDCA FOR 5S MODEL

ขั้นที่ 3 ตรวจสอบ (Check)

1.การติดตามตรวจสอบคุณภาพการศึกษา ทั้งระดับบุคคลและระดับสถานศึกษา จัดให้มีนิเทศการจัดการเรียนการสอน ภาคเรียนละไม่น้อยกว่า 2 ครั้ง

2.รายงานและนำผลการติดตามตรวจสอบคุณภาพการศึกษาไปใช้ประโยชน์ในการปรับปรุงและพัฒนา

ขั้นที่ 4 ปรับปรุงและพัฒนา (Action)

1.ปรับปรุงรูปแบบกระบวนการบริหาร 5S Model ในการพัฒนาการการนิเทศภายใน โดยการพัฒนา ศึกษาบริบท การปฏิบัติ นำสะท้อนผล ความสำเร็จ

2.พัฒนากระบวนการบริหาร 5S Model ให้เป็นรูปธรรมที่เห็นได้ในเชิงประจักษ์ โดยเน้นการส่งเสริมให้ครูและบุคลากรทางการศึกษานำไปใช้ในการพัฒนานวัตกรรม การจัดการเรียนการสอน

ขั้นที่ 5 นำไปใช้

เมื่อดำเนินการแก้ไข ปรับปรุง และพัฒนากระบวนการบริหาร 5S Model และแผนการนิเทศภายในสถานศึกษา โดยใช้การบริหารจัดการศึกษา 5S Model เพื่อส่งเสริมประสิทธิภาพการดำเนินงานการนิเทศภายในสถานศึกษาโรงเรียนบ้านโคกใหญ่ ดังนี้

โพสต์โดย โรงเรียนบ้านโคกใหญ่ : [9 พ.ค. 2568 (14:15 น.)]
อ่าน [535] ไอพี : 110.171.122.165
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
Advertisement

 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 8,680 ครั้ง
วิตามินไม่ป้องกันโรคหัวใจ คนทั่วโลกเป็นล้านหลงกินกันมานมนาน
วิตามินไม่ป้องกันโรคหัวใจ คนทั่วโลกเป็นล้านหลงกินกันมานมนาน

เปิดอ่าน 41,358 ครั้ง
แนะครูกระตุ้นเด็กขี้สงสัย
แนะครูกระตุ้นเด็กขี้สงสัย

เปิดอ่าน 12,745 ครั้ง
สังเกตมะเร็งชนิดต่างๆ ก่อนชีวิตจะเสี่ยง
สังเกตมะเร็งชนิดต่างๆ ก่อนชีวิตจะเสี่ยง

เปิดอ่าน 14,204 ครั้ง
เป่ายิ้งฉุบเป็นของชาติไหน
เป่ายิ้งฉุบเป็นของชาติไหน

เปิดอ่าน 16,368 ครั้ง
5 กลิ่นอาหาร ที่จะช่วยให้คุณผอม!
5 กลิ่นอาหาร ที่จะช่วยให้คุณผอม!

เปิดอ่าน 29,954 ครั้ง
สัมภาษณ์ ดร.พิษณุ ตุลสุข เลขาธิการคณะกรรมการ สกสค. "ปัญหาหนี้สินครู"
สัมภาษณ์ ดร.พิษณุ ตุลสุข เลขาธิการคณะกรรมการ สกสค. "ปัญหาหนี้สินครู"

เปิดอ่าน 19,729 ครั้ง
อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง
อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง

เปิดอ่าน 29,640 ครั้ง
การนวดท้องแบบ"ชิเนซัง"(Shi-Nei-Tsang) ปลดปล่อยสารพิษในร่างกาย
การนวดท้องแบบ"ชิเนซัง"(Shi-Nei-Tsang) ปลดปล่อยสารพิษในร่างกาย

เปิดอ่าน 9,323 ครั้ง
หลักฟื้นสภาพจิตใจหลังน้ำลด
หลักฟื้นสภาพจิตใจหลังน้ำลด

เปิดอ่าน 7,677 ครั้ง
เกาะติดการปิดเปิดเทอม มหาวิทยาลัยไทยตามอาเซียน
เกาะติดการปิดเปิดเทอม มหาวิทยาลัยไทยตามอาเซียน

เปิดอ่าน 11,202 ครั้ง
คู่มือการป้องกันผลประโยชน์ทับซ้อน
คู่มือการป้องกันผลประโยชน์ทับซ้อน

เปิดอ่าน 100,483 ครั้ง
มช.เจ๋งพบสารเซซมิน"งาดำ" รักษามะเร็งครั้งแรกของโลก
มช.เจ๋งพบสารเซซมิน"งาดำ" รักษามะเร็งครั้งแรกของโลก

เปิดอ่าน 29,245 ครั้ง
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศ
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศ

เปิดอ่าน 16,040 ครั้ง
บ้าเก่าไม่ทันหาย....บ้าใหม่กำลังมา
บ้าเก่าไม่ทันหาย....บ้าใหม่กำลังมา

เปิดอ่าน 34,861 ครั้ง
วัฏจักรของเทคโนโลยี
วัฏจักรของเทคโนโลยี

เปิดอ่าน 259 ครั้ง
5 เหตุผลที่ Digital Marketing จำเป็นสำหรับธุรกิจในยุคดิจิทัล
5 เหตุผลที่ Digital Marketing จำเป็นสำหรับธุรกิจในยุคดิจิทัล
เปิดอ่าน 22,308 ครั้ง
10 เคล็ดลับการถ่ายภาพสวย สำหรับมือสมัครเล่น
10 เคล็ดลับการถ่ายภาพสวย สำหรับมือสมัครเล่น
เปิดอ่าน 17,439 ครั้ง
คนทึ่ง ชมคลิปวาดภาพเหมือน "มอร์แกน ฟรีแมน" บนไอแพด 9 ล้านวิว
คนทึ่ง ชมคลิปวาดภาพเหมือน "มอร์แกน ฟรีแมน" บนไอแพด 9 ล้านวิว
เปิดอ่าน 447,395 ครั้ง
บางคนเกษียณแล้วร้องไห้หนักมาก เพราะไม่รู้สิบข้อนี้
บางคนเกษียณแล้วร้องไห้หนักมาก เพราะไม่รู้สิบข้อนี้
เปิดอ่าน 19,081 ครั้ง
ไม้มงคลประจำวันเกิด ปลูกเสริมโชคลาภ
ไม้มงคลประจำวันเกิด ปลูกเสริมโชคลาภ

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ