ชื่อเรื่อง การพัฒนารูปแบบการเรียนรู้ภาษาไทยตามทฤษฎีการสร้างความรู้ร่วมกับการเรียนรู้
แบบร่วมมือเทคนิค CIRC เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านและการเขียนภาษาไทย
เรื่อง มาตราตัวสะกด สำหรับนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3
ผู้วิจัย นางปาริยา หานาวี
หน่วยงาน โรงเรียนเทศบาลบ้านม่วง กองการศึกษา เทศบาลเมืองแก่งคอย จังหวัดสระบุรี
ปีที่ทำการวิจัย ปีการศึกษา 2566
บทคัดย่อ
ในการวิจัยในครั้งนี้มีความมุ่งหมายของการวิจัยเพื่อ 1) ศึกษาสภาพปัจจุบันและความต้องการในการพัฒนาการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านและการเขียนภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 2) พัฒนาและสร้างรูปแบบการเรียนรู้ภาษาไทยตามทฤษฎีการสร้างความรู้ร่วมกับการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค CIRC เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านและการเขียนภาษาไทย เรื่อง มาตราตัวสะกด สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 3) ศึกษาผลการใช้รูปแบบที่พัฒนาขึ้น ดังนี้ 3.1) หาประสิทธิภาพของรูปแบบที่พัฒนาขึ้น ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 3.2) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียนด้วยรูปแบบที่พัฒนาขึ้น 3.3) เปรียบเทียบทักษะการอ่านและการเขียนภาษาไทยของนักเรียนระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียนด้วยรูปแบบที่พัฒนาขึ้น 4) ประเมินความพึงพอใจของนักเรียนต่อการเรียนด้วยรูปแบบที่พัฒนาขึ้น การวิจัยแบ่งเป็น 4 ระยะ ดังนี้ ระยะที่ 1 กลุ่มเป้าหมายคือ ครูผู้สอนรายวิชาภาษาไทย ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนในสังกัดเทศบาลเมืองแก่งคอย จำนวน 4 คน และนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนเทศบาลบ้านม่วง จำนวน 12 คน เครื่องมือที่ใช้ ได้แก่ แบบสัมภาษณ์ครูและแบบสัมภาษณ์นักเรียนแบบมีโครงสร้าง ระยะที่ 2 กลุ่มผู้ให้ข้อมูลคือ ผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 7 คน เครื่องมือที่ใช้ ได้แก่ แบบประเมินรูปแบบการจัดการเรียนรู้ ระยะที่ 3 กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3/3 จำนวน 26 คน ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 โรงเรียนเทศบาลบ้านม่วง สังกัดเทศบาลเมืองแก่งคอย จังหวัดสระบุรี เครื่องมือที่ใช้ ได้แก่ 1) แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ จำนวน 18 แผน 2) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน มีค่าความยากง่าย (p) ตั้งแต่ 0.32 - 0.76 และมีค่าอำนาจจำแนก (B) ตั้งแต่ 0.24 - 0.80 และค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ 0.93 3) แบบประเมินทักษะการอ่านและการเขียนภาษาไทย มีค่าดัชนีความสอดคล้อง (IOC) ตั้งแต่ 0.80 1.00 และระยะที่ 4 กลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3/3 จำนวน 26 คน เครื่องมือที่ใช้ ได้แก่ แบบสอบถามความพึงพอใจ มีค่าดัชนีความสอดคล้อง (IOC) ตั้งแต่ 0.80 1.00 มีค่าอำนาจจำแนกรายข้อ (r) ตั้งแต่ 0.28 - 0.70 มีค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ 0.88 สถิติที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบ t-test (Dependent Sample)
ผลการวิจัยพบว่า
1. ผลการศึกษาข้อมูลพื้นฐาน พบว่า ผลการจัดการเรียนการสอนรายวิชาภาษาไทยยังไม่บรรลุตามเป้าหมาย ครูส่วนใหญ่สอนแบบบรรยาย อธิบายเนื้อหาให้นักเรียนเข้าใจ เน้นการท่องจำมากกว่าการฝึกให้นักเรียนได้คิดและลงมือปฏิบัติด้วยตนเอง ครูผู้สอนต้องหาวิธีแก้ไขและปรับปรุงวิธีการสอน โดยควรเน้นรูปแบบการสอนที่หลากหลาย และมีการพัฒนาสื่อการเรียนการสอนให้ทันสมัย มีความน่าสนใจและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น จึงควรพัฒนารูปแบบการสอนโดยเน้นให้นักเรียนสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเองและลงมือปฏิบัติจริง เพื่อให้นักเรียนได้ฝึกอ่านและเขียนมากยิ่งขึ้น
2. ผลการพัฒนารูปแบบการเรียนรู้ภาษาไทยตามทฤษฎีการสร้างความรู้ร่วมกับการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค CIRC เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านและการเขียนภาษาไทย เรื่อง มาตราตัวสะกด สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 (ISALA Model) มี 6 องค์ประกอบ คือ 1) หลักการ 2) วัตถุประสงค์ 3) กระบวนการจัดการเรียนรู้ 4) ระบบสังคม 5) หลักการตอบสนอง และ 6) สิ่งสนับสนุน มีขั้นตอนการจัดการเรียนรู้ 5 ขั้นตอน คือ ขั้นที่ 1 ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน (Introduction : I) ขั้นที่ 2 การแสวงหาความรู้ใหม่ (Seeking New Knowledge : S) ขั้นที่ 3 ขั้นปฏิบัติการเรียนรู้ (Action of Learning : A) ขั้นที่ 4 ขั้นสรุปบทเรียน (Lesson Summary : L) และขั้นที่ 5 ขั้นการประยุกต์ใช้ความรู้ (Application : A) และผลการประเมินความเหมาะสมของรูปแบบจากผู้ทรงคุณวุฒิ มีคุณภาพเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด
3. ผลการใช้รูปแบบการเรียนรู้ภาษาไทยตามทฤษฎีการสร้างความรู้ร่วมกับการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค CIRC เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านและการเขียนภาษาไทย เรื่อง มาตราตัวสะกด สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ดังนี้
3.1 รูปแบบที่พัฒนาขึ้นมีประสิทธิภาพ (E1/E2) เท่ากับ 84.09/83.27 ซึ่งมีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80
3.2 นักเรียนที่เรียนด้วยรูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่พัฒนาขึ้น มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
3.3 นักเรียนที่เรียนด้วยรูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่พัฒนาขึ้น มีทักษะการอ่านและการเขียนภาษาไทยหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
4. นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการเรียนด้วยรูปแบบการเรียนรู้ภาษาไทยตามทฤษฎีการสร้างความรู้ร่วมกับการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค CIRC เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านและการเขียนภาษาไทย เรื่อง มาตราตัวสะกด สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โดยภาพรวมมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก