ความเป็นมาและความสำคัญ
ปัจจุบันสังคมไทยมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะการก้าวเข้าสู่โลกยุคดิจิทัลอย่างเต็มตัวประกอบกับรัฐบาลได้ประกาศนโยบาย Thailand 4.0 ซึ่งมีหัวใจสำคัญคือ การปรับเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจไปสู่เศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม มีการขับเคลื่อนประเทศด้วยเทคโนโลยี ความคิด สร้างสรรค์ และนวัตกรรมไปสู่ความ มั่งคั่ง มั่นคง และยั่งยืน ดังนั้นการจัดการเรียนรู้ในโลกยุคใหม่ จะต้องมีการปรับเปลี่ยน ถ้าการเรียนการสอนของครูอาจารย์ยังคงเน้นการถ่ายทอดวิชาความรู้เป็นลักษณะสั่งสอนความรู้ความจำเพื่อนำไปสอบ ย่อมส่งผลให้ผู้เรียนขาดทักษะด้านความคิดวิจารณญาณ ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ คิดไม่เป็น และไม่สามารถแก้ปัญหา การขับเคลื่อนประเทศด้วยนวัตกรรมเป็นไปได้ยาก ประกอบกับปัจจุบันเป็นยุคศตวรรษที่ 21 ซึ่งเป็นโลกของเศรษฐกิจการค้าโลกาภิวัฒน์ และเครือข่ายความเป็นเมือง การมีอายุยืนยาว ล้วนส่งผลต่อการดำรงชีพของคนในสังคม ผู้มีชีวิตอยู่ต้องปรับตัวให้สามารถดำรงอยู่ได้ การจัดการเรียนการสอนโดยใช้องค์ความรู้เดิมย่อมไม่เพียงพอต่อการมีคุณภาพชีวิตที่ดี ด้วยเหตุนี้การพัฒนาด้านการศึกษา การจัดการเรียนรู้ในยุคใหม่จึงสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อเป็นการเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ในอนาคต
การจัดการเรียนรู้เชิงรุก ( Active Learning) คือ การเรียนรู้ผ่านการปฏิบัติหรือการลงมือทำความรู้ ที่เกิดขึ้นเป็นความรู้ที่ได้จากประสบการณ์ กระบวนการในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ผู้เรียนต้องได้มีโอกาสลงมือกระทำมากกว่าการฟังเพียงอย่างเดียว ต้องจัดกิจกรรมให้ผู้เรียนได้ การเรียนรู้โดยการอ่าน การเขียน การโต้ตอบ และการแก้ปัญหา อีกทั้งให้ผู้เรียนได้ใช้กระบวนการคิดขึ้นสูง ได้แก่ การวิเคราะห์ การสังเคราะห์ และการประเมินค่า เป็นกระบวนการเรียนรู้ที่ให้ผู้เรียนได้เรียนรู้อย่างมีความหมาย โดยการร่วมมือระหว่างผู้เรียนด้วยกัน ในการนี้ ครูต้องลดบทบาทในการสอน และการให้ข้อความรู้แก่ผู้เรียนโดยตรง แต่ไปเพิ่มกระบวนการและกิจกรรมที่จะทำให้ผู้เรียนเกิดความกระตือรือร้นในการจะทำกิจกรรมต่าง ๆ มากขึ้นและหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการแลกเปลี่ยนประสบการณ์โดยการพูด การเขียน การอภิปรายกับเพื่อน ๆ เป็นกระบวนการจัดการเรียนรู้ที่ผู้เรียนทุกคนมีส่วนร่วมในการลงมือกระทำและใช้กระบวนการคิด โดยผู้เรียนจะเปลี่ยนบทบาทจากผู้รับความรู้ (Receivers) ไปสู่การมีส่วนร่วมในการสร้างความรู้ (Co - creators) ในศตวรรษที่ 21 เป็นยุคของข้อมูลข่าวสารและการเปลี่ยนแปลงด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยีสารสนเทศ ทำให้การสื่อสารไร้พรมแดน การเข้าถึงแหล่งข้อมูลสามารถทำได้ทุกที่ทุกเวลา ผลกระทบจากยุคโลกาภิวัฒน์นี้ส่งผลให้ผู้เรียน จำเป็นจะต้องมีความสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเองอย่างต่อเนื่อง และเป็นผู้แสวงหาความรู้อยู่ตลอดเวลา ประกอบกับปัจจุบันมีองค์ความรู้ใหม่เกิดขึ้นมากมายทุกวินาที ทำให้เนื้อหาวิชามีมากเกินกว่าที่จะเรียนรู้จากในห้องเรียนได้หมด ซึ่งการสอนแบบเดิมด้วยการ พูด บอก เล่า ไม่สามารถจะพัฒนาให้ผู้เรียนให้นำความรู้ที่ได้จากการเรียนในชั้นเรียนไปปฏิบัติได้ดี ดังนั้น จึงจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนวิธีการจัดการเรียนรู้ให้ สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของสังคม เทคโนโลยี และการเรียนรู้ของผู้เรียน จากผู้สอนคือผู้ถ่ายทอดปรับเปลี่ยนบทบาทเป็นผู้ชี้แนะวิธีการค้นคว้าหาความรู้เพื่อพัฒนาผู้เรียนให้สามารถแสวงหาความรู้และ ประยุกต์ใช้ทักษะต่าง ๆ สร้างความเข้าใจด้วยตนเอง จนเกิดเป็นการเรียนรู้อย่างมีความหมาย (ไพฑูรย์ สินลารัตน์: 2545)
การจัดการเรียนรู้ในกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มุ่งเน้นให้นักเรียนได้เรียนรู้ผ่านกระบวนการเรียนรู้ที่หลากหลาย ฝึกทักษะกระบวนการคิด บูรณาการความรู้ มีความสามารถในการใช้เทคโนโลยีและประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้ ซึ่งนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนบ้านนาทม ขาดทักษะทางวิทยาศาสตร์ อันเป็นหัวใจสำคัญการของการเรียนรู้วิชาวิทยาศาสตร์ได้อย่างมีประสทธิภาพ ทำให้ขาดความสนใจในการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ส่งผลให้นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนต่ำ
ดังนั้นข้าพเจ้าจึงได้จัดกิจกรรมการการจัดการเรียนรู้รายวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อการแก้ไขทักษะทางวิทยาศาสตร์ของผู้เรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โดยการใช้กระบวนการการจัดการเรียนรู้แบบใช้โครงงานเป็นฐาน (Project Based Learning) จัดกิจกรรมที่ผู้เรียนได้ปฏิบัติจริงเน้นการมีส่วนร่วมและความสนุกสนาน เพื่อให้ผู้เรียนได้ฝึกทักษะทางวิทยาศาสตร์ให้เกิดความรู้ความเข้าใจ สามารถพัฒนาทักษะนักเรียนให้เตรียมพร้อมสู่ทักษะแห่งการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 รวมทั้งสามารถนำไปใช้หรือบูรณาการกับชีวิตประจำวันได้
2. เป้าหมายจุดประสงค์
2.1 จุดประสงค์
2.1.1 1. เพื่อแก้ไขทักษะทางวิทยาศาสตร์ของผู้เรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 โดยการใช้กระบวนการการจัดการเรียนรู้แบบใช้โครงงานเป็นฐาน (Project Based Learning)
2.1.2 เพื่อส่งเสริมให้นักเรียนมีทักษะการเรียนรู้อย่างรอบด้าน สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการดดำรงชีวิตประจำวันได้อย่างมีความสุข
2.1.3 เพื่อให้นักเรียนมีทักษะศตวรรษที่ 21 และมีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ที่ดี
2.2 เป้าหมายของผลงาน
2.2.1 เชิงปริมาณ
1) ร้อยละ 80 ของนักเรียนโรงเรียนบ้านนาทม เมื่อได้รับการจัดการเรียนรู้โดยใช้ชุดฝึกทักษะโครงงานวิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 มีการพัฒนาด้านทักษะและกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ที่สูงขึ้น
2) ร้อยละ 80 ของนักเรียนโรงเรียนบ้านนาทมมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนผ่านเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนดไว้
3) ร้อยละ 80 ของนักเรียนโรงเรียนบ้านนาทมมีทักษะการเรียนรู้รอบด้าน ตลอดจนทักษะศตวรรษที่ 21 สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการดำรงชีวิตประจำวันได้อย่างมีความสุข
4) ร้อยละ 80 ของนักเรียนโรงเรียนบ้านนาทมมีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ที่ดี
2.2.2 เชิงคุณภาพ
1) นักเรียนโรงเรียนบ้านนาทม มีทักษะและสามารถปฏิบัติกิจกรรมตามกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ได้อย่างถูกต้องเหมาะสม
2) นักเรียนโรงเรียนบ้านนาทม มีทักษะการเรียนรู้รอบด้าน ตลอดจนทักษะศตวรรษที่ 21 สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการดำรงชีวิตประจำวันได้อย่างมีความสุขอยู่ในระดับคุณภาพดีขึ้นไป
3) นักเรียนโรงเรียนบ้านนาทมมีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ที่ดี
3. ขั้นตอนการดำเนินงาน
การดำเนินการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) เพื่อการแก้ไขทักษะทางวิทยาศาสตร์ของผู้เรียน โดยการใช้กระบวนการการจัดการเรียนรู้แบบใช้โครงงานเป็นฐาน (Project Based Learning) ใช้กระบวนการดำเนินการตามหลักการ PDCA ดังนี้
- การวางแผน (Plan)
1. ศึกษา วิเคราะห์ และสังเคราะห์ข้อมูล แนวคิด และทฤษฎีพื้นฐานเกี่ยวกับกระบวนการ จัดการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการทดลองเพื่อเสริมสร้างทักษะและกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ของผู้เรียน
2. ออกแบบกิจกรรมการจัดการเรียนรู้รายวิชาวิทยาศาสตร์เพิ่มเติม โดยจัดทำเป็นชุดฝึกทักษะโครงงานวิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1
3. แลกเปลี่ยนเรียนรู้เพื่อตรวจสอบคุณภาพของชุดฝึกทักษะโครงงานวิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1
4. ปรับปรุง/พัฒนาชุดฝึกทักษะโครงงานวิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 รายวิชาวิทยาศาสตร์เพิ่มเติม
- การปฏิบัติ (Do)
1. นำชุดฝึกทักษะโครงงานวิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ผ่านการปรับปรุงแล้วไปจัดการเรียนรู้กับกลุ่มเป้าหมาย
- การตรวจสอบ (Check)
1. ศึกษาประสิทธิผลของการจัดการเรียนรู้โดยใช้ชุดฝึกทักษะทักษะโครงงานวิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1
- การปรับปรุงแก้ไข (Act)
1. ปรับปรุงแก้ไขชุดฝึกทักษะโครงงานวิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1
1.1 รวบรวมข้อมูลตอบกลับจากผู้เรียน (Feedback) ต่อกระบวนการจัดการเรียนรู้โดยใช้ชุดฝึกทักษะโครงงานวิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 เพื่อแยกประเด็นในการพัฒนากระบวนการจัดการเรียนรู้
1.2 นำประเด็นดังกล่าวเข้าสู่วง PLC เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลและแนวทางการพัฒนาตามประเด็น
1.3 ศึกษาตัวแปรที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาแล้วจัดทำเป็นสารสนเทศเพื่อใช้แก้ปัญหาในรอบปีถัดไป