ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
Advertisement

แบบรายงานวิธีปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practice) การจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) เพื่อการแก้ไขทักษะทางวิทยาศาสตร์ของผู้เรียน โดยการใช้กระบวนการการจัดการเรียนรู้แบบใช้โครงงานเป็นฐาน (Project Based Learning)

ความเป็นมาและความสำคัญ

ปัจจุบันสังคมไทยมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะการก้าวเข้าสู่โลกยุคดิจิทัลอย่างเต็มตัวประกอบกับรัฐบาลได้ประกาศนโยบาย Thailand 4.0 ซึ่งมีหัวใจสำคัญคือ การปรับเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจไปสู่เศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม มีการขับเคลื่อนประเทศด้วยเทคโนโลยี ความคิด สร้างสรรค์ และนวัตกรรมไปสู่ความ “มั่งคั่ง มั่นคง และยั่งยืน” ดังนั้นการจัดการเรียนรู้ในโลกยุคใหม่ จะต้องมีการปรับเปลี่ยน ถ้าการเรียนการสอนของครูอาจารย์ยังคงเน้นการถ่ายทอดวิชาความรู้เป็นลักษณะสั่งสอนความรู้ความจำเพื่อนำไปสอบ ย่อมส่งผลให้ผู้เรียนขาดทักษะด้านความคิดวิจารณญาณ ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ คิดไม่เป็น และไม่สามารถแก้ปัญหา การขับเคลื่อนประเทศด้วยนวัตกรรมเป็นไปได้ยาก ประกอบกับปัจจุบันเป็นยุคศตวรรษที่ 21 ซึ่งเป็นโลกของเศรษฐกิจการค้าโลกาภิวัฒน์ และเครือข่ายความเป็นเมือง การมีอายุยืนยาว ล้วนส่งผลต่อการดำรงชีพของคนในสังคม ผู้มีชีวิตอยู่ต้องปรับตัวให้สามารถดำรงอยู่ได้ การจัดการเรียนการสอนโดยใช้องค์ความรู้เดิมย่อมไม่เพียงพอต่อการมีคุณภาพชีวิตที่ดี ด้วยเหตุนี้การพัฒนาด้านการศึกษา การจัดการเรียนรู้ในยุคใหม่จึงสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อเป็นการเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ในอนาคต

การจัดการเรียนรู้เชิงรุก ( Active Learning) คือ การเรียนรู้ผ่านการปฏิบัติหรือการลงมือทำ“ความรู้” ที่เกิดขึ้นเป็นความรู้ที่ได้จากประสบการณ์ กระบวนการในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ผู้เรียนต้องได้มีโอกาสลงมือกระทำมากกว่าการฟังเพียงอย่างเดียว ต้องจัดกิจกรรมให้ผู้เรียนได้ การเรียนรู้โดยการอ่าน การเขียน การโต้ตอบ และการแก้ปัญหา อีกทั้งให้ผู้เรียนได้ใช้กระบวนการคิดขึ้นสูง ได้แก่ การวิเคราะห์ การสังเคราะห์ และการประเมินค่า “เป็นกระบวนการเรียนรู้ที่ให้ผู้เรียนได้เรียนรู้อย่างมีความหมาย โดยการร่วมมือระหว่างผู้เรียนด้วยกัน ในการนี้ ครูต้องลดบทบาทในการสอน และการให้ข้อความรู้แก่ผู้เรียนโดยตรง แต่ไปเพิ่มกระบวนการและกิจกรรมที่จะทำให้ผู้เรียนเกิดความกระตือรือร้นในการจะทำกิจกรรมต่าง ๆ มากขึ้นและหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการแลกเปลี่ยนประสบการณ์โดยการพูด การเขียน การอภิปรายกับเพื่อน ๆ เป็นกระบวนการจัดการเรียนรู้ที่ผู้เรียนทุกคนมีส่วนร่วมในการลงมือกระทำและใช้กระบวนการคิด โดยผู้เรียนจะเปลี่ยนบทบาทจากผู้รับความรู้ (Receivers) ไปสู่การมีส่วนร่วมในการสร้างความรู้ (Co - creators) ในศตวรรษที่ 21 เป็นยุคของข้อมูลข่าวสารและการเปลี่ยนแปลงด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยีสารสนเทศ ทำให้การสื่อสารไร้พรมแดน การเข้าถึงแหล่งข้อมูลสามารถทำได้ทุกที่ทุกเวลา ผลกระทบจากยุคโลกาภิวัฒน์นี้ส่งผลให้ผู้เรียน จำเป็นจะต้องมีความสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเองอย่างต่อเนื่อง และเป็นผู้แสวงหาความรู้อยู่ตลอดเวลา ประกอบกับปัจจุบันมีองค์ความรู้ใหม่เกิดขึ้นมากมายทุกวินาที ทำให้เนื้อหาวิชามีมากเกินกว่าที่จะเรียนรู้จากในห้องเรียนได้หมด ซึ่งการสอนแบบเดิมด้วยการ “พูด บอก เล่า” ไม่สามารถจะพัฒนาให้ผู้เรียนให้นำความรู้ที่ได้จากการเรียนในชั้นเรียนไปปฏิบัติได้ดี ดังนั้น จึงจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนวิธีการจัดการเรียนรู้ให้ สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของสังคม เทคโนโลยี และการเรียนรู้ของผู้เรียน จากผู้สอนคือผู้ถ่ายทอดปรับเปลี่ยนบทบาทเป็นผู้ชี้แนะวิธีการค้นคว้าหาความรู้เพื่อพัฒนาผู้เรียนให้สามารถแสวงหาความรู้และ ประยุกต์ใช้ทักษะต่าง ๆ สร้างความเข้าใจด้วยตนเอง จนเกิดเป็นการเรียนรู้อย่างมีความหมาย (ไพฑูรย์ สินลารัตน์: 2545)

การจัดการเรียนรู้ในกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มุ่งเน้นให้นักเรียนได้เรียนรู้ผ่านกระบวนการเรียนรู้ที่หลากหลาย ฝึกทักษะกระบวนการคิด บูรณาการความรู้ มีความสามารถในการใช้เทคโนโลยีและประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้ ซึ่งนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนบ้านนาทม ขาดทักษะทางวิทยาศาสตร์ อันเป็นหัวใจสำคัญการของการเรียนรู้วิชาวิทยาศาสตร์ได้อย่างมีประสทธิภาพ ทำให้ขาดความสนใจในการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ส่งผลให้นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนต่ำ

ดังนั้นข้าพเจ้าจึงได้จัดกิจกรรมการการจัดการเรียนรู้รายวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อการแก้ไขทักษะทางวิทยาศาสตร์ของผู้เรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โดยการใช้กระบวนการการจัดการเรียนรู้แบบใช้โครงงานเป็นฐาน (Project Based Learning) จัดกิจกรรมที่ผู้เรียนได้ปฏิบัติจริงเน้นการมีส่วนร่วมและความสนุกสนาน เพื่อให้ผู้เรียนได้ฝึกทักษะทางวิทยาศาสตร์ให้เกิดความรู้ความเข้าใจ สามารถพัฒนาทักษะนักเรียนให้เตรียมพร้อมสู่ทักษะแห่งการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 รวมทั้งสามารถนำไปใช้หรือบูรณาการกับชีวิตประจำวันได้

2. เป้าหมายจุดประสงค์

2.1 จุดประสงค์

2.1.1 1. เพื่อแก้ไขทักษะทางวิทยาศาสตร์ของผู้เรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 โดยการใช้กระบวนการการจัดการเรียนรู้แบบใช้โครงงานเป็นฐาน (Project Based Learning)

2.1.2 เพื่อส่งเสริมให้นักเรียนมีทักษะการเรียนรู้อย่างรอบด้าน สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการดดำรงชีวิตประจำวันได้อย่างมีความสุข

2.1.3 เพื่อให้นักเรียนมีทักษะศตวรรษที่ 21 และมีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ที่ดี

2.2 เป้าหมายของผลงาน

2.2.1 เชิงปริมาณ

1) ร้อยละ 80 ของนักเรียนโรงเรียนบ้านนาทม เมื่อได้รับการจัดการเรียนรู้โดยใช้ชุดฝึกทักษะโครงงานวิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 มีการพัฒนาด้านทักษะและกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ที่สูงขึ้น

2) ร้อยละ 80 ของนักเรียนโรงเรียนบ้านนาทมมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนผ่านเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนดไว้

3) ร้อยละ 80 ของนักเรียนโรงเรียนบ้านนาทมมีทักษะการเรียนรู้รอบด้าน ตลอดจนทักษะศตวรรษที่ 21 สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการดำรงชีวิตประจำวันได้อย่างมีความสุข

4) ร้อยละ 80 ของนักเรียนโรงเรียนบ้านนาทมมีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ที่ดี

2.2.2 เชิงคุณภาพ

1) นักเรียนโรงเรียนบ้านนาทม มีทักษะและสามารถปฏิบัติกิจกรรมตามกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ได้อย่างถูกต้องเหมาะสม

2) นักเรียนโรงเรียนบ้านนาทม มีทักษะการเรียนรู้รอบด้าน ตลอดจนทักษะศตวรรษที่ 21 สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการดำรงชีวิตประจำวันได้อย่างมีความสุขอยู่ในระดับคุณภาพดีขึ้นไป

3) นักเรียนโรงเรียนบ้านนาทมมีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ที่ดี

3. ขั้นตอนการดำเนินงาน

การดำเนินการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) เพื่อการแก้ไขทักษะทางวิทยาศาสตร์ของผู้เรียน โดยการใช้กระบวนการการจัดการเรียนรู้แบบใช้โครงงานเป็นฐาน (Project Based Learning) ใช้กระบวนการดำเนินการตามหลักการ PDCA ดังนี้

- การวางแผน (Plan)

1. ศึกษา วิเคราะห์ และสังเคราะห์ข้อมูล แนวคิด และทฤษฎีพื้นฐานเกี่ยวกับกระบวนการ จัดการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการทดลองเพื่อเสริมสร้างทักษะและกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ของผู้เรียน

2. ออกแบบกิจกรรมการจัดการเรียนรู้รายวิชาวิทยาศาสตร์เพิ่มเติม โดยจัดทำเป็นชุดฝึกทักษะโครงงานวิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1

3. แลกเปลี่ยนเรียนรู้เพื่อตรวจสอบคุณภาพของชุดฝึกทักษะโครงงานวิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1

4. ปรับปรุง/พัฒนาชุดฝึกทักษะโครงงานวิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 รายวิชาวิทยาศาสตร์เพิ่มเติม

- การปฏิบัติ (Do)

1. นำชุดฝึกทักษะโครงงานวิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ผ่านการปรับปรุงแล้วไปจัดการเรียนรู้กับกลุ่มเป้าหมาย

- การตรวจสอบ (Check)

1. ศึกษาประสิทธิผลของการจัดการเรียนรู้โดยใช้ชุดฝึกทักษะทักษะโครงงานวิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1

- การปรับปรุงแก้ไข (Act)

1. ปรับปรุงแก้ไขชุดฝึกทักษะโครงงานวิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1

1.1 รวบรวมข้อมูลตอบกลับจากผู้เรียน (Feedback) ต่อกระบวนการจัดการเรียนรู้โดยใช้ชุดฝึกทักษะโครงงานวิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 เพื่อแยกประเด็นในการพัฒนากระบวนการจัดการเรียนรู้

1.2 นำประเด็นดังกล่าวเข้าสู่วง PLC เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลและแนวทางการพัฒนาตามประเด็น

1.3 ศึกษาตัวแปรที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาแล้วจัดทำเป็นสารสนเทศเพื่อใช้แก้ปัญหาในรอบปีถัดไป

โพสต์โดย นาทม : [23 เม.ย. 2568 (20:54 น.)]
อ่าน [60115] ไอพี : 223.206.219.46
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
Advertisement

 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 11,741 ครั้ง
โยคะในรถยามจราจรติดขัด
โยคะในรถยามจราจรติดขัด

เปิดอ่าน 104,335 ครั้ง
หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พ.ศ. 2560
หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พ.ศ. 2560

เปิดอ่าน 52,268 ครั้ง
ซอฟต์แวร์ Open Source คืออะไร?
ซอฟต์แวร์ Open Source คืออะไร?

เปิดอ่าน 10,893 ครั้ง
หลากหลายวิธี ช่วยให้อารมณ์ดี ทันตาเห็น
หลากหลายวิธี ช่วยให้อารมณ์ดี ทันตาเห็น

เปิดอ่าน 8,971 ครั้ง
ระบบการศึกษาไม่สมดุล (2)
ระบบการศึกษาไม่สมดุล (2)

เปิดอ่าน 18,485 ครั้ง
"ครูโซ่" คือใคร ใครคือ "ครูโซ่" มาดูลีลาสอนวิชา "คณิตศาสตร์" สุดจี๊ด ท
"ครูโซ่" คือใคร ใครคือ "ครูโซ่" มาดูลีลาสอนวิชา "คณิตศาสตร์" สุดจี๊ด ท

เปิดอ่าน 49,518 ครั้ง
การซ่อมแซมเสื้อผ้า
การซ่อมแซมเสื้อผ้า

เปิดอ่าน 11,694 ครั้ง
จุดกำเนิดของ Google.com
จุดกำเนิดของ Google.com

เปิดอ่าน 10,098 ครั้ง
กังนัมสไตล์ ฮิตขนาดน้องหมาเลียนแบบ
กังนัมสไตล์ ฮิตขนาดน้องหมาเลียนแบบ

เปิดอ่าน 40,106 ครั้ง
เลือกเฟอร์นิเจอร์อย่างไร? ให้สะดวกและเหมาะสมสำหรับโรงเรียน
เลือกเฟอร์นิเจอร์อย่างไร? ให้สะดวกและเหมาะสมสำหรับโรงเรียน

เปิดอ่าน 12,610 ครั้ง
แหล่งเรียนรู้ต้นแบบเพื่อการเรียนรู้นอกห้องเรียน
แหล่งเรียนรู้ต้นแบบเพื่อการเรียนรู้นอกห้องเรียน

เปิดอ่าน 24,035 ครั้ง
สเตียรอยด์ (Steroids) คืออะไร ?
สเตียรอยด์ (Steroids) คืออะไร ?

เปิดอ่าน 53,247 ครั้ง
ศัพท์บัญญัติการศึกษา
ศัพท์บัญญัติการศึกษา

เปิดอ่าน 38,623 ครั้ง
ลายมือมหาเศรษฐี
ลายมือมหาเศรษฐี

เปิดอ่าน 12,669 ครั้ง
"พิกุล" สรรพคุณดีกว่าที่คิด
"พิกุล" สรรพคุณดีกว่าที่คิด

เปิดอ่าน 13,122 ครั้ง
การถ่ายภาพอาหารด้วยสมาร์ทโฟนช่วยลดน้ำหนักได้
การถ่ายภาพอาหารด้วยสมาร์ทโฟนช่วยลดน้ำหนักได้
เปิดอ่าน 19,180 ครั้ง
วางตำแหน่งถ่ายภาพแบบไหนจึงสวย
วางตำแหน่งถ่ายภาพแบบไหนจึงสวย
เปิดอ่าน 22,664 ครั้ง
วิธีดูแลเล็บให้สวยงามแข็งแรง
วิธีดูแลเล็บให้สวยงามแข็งแรง
เปิดอ่าน 10,652 ครั้ง
คนไทย80% กินอาหารเกินจำเป็นร่างกาย
คนไทย80% กินอาหารเกินจำเป็นร่างกาย
เปิดอ่าน 12,351 ครั้ง
กระบวนท่าแก้ปวดหลัง
กระบวนท่าแก้ปวดหลัง

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
ติวสอบ GED
ติวสอบ SAT
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ