บทสรุปสำหรับผู้บริหาร
รายงานการศึกษาส่วนบุคคล เรื่อง แนวทางในการพัฒนาภาวะผู้นำเชิงจิตวิญญาณที่สร้างแรงบันดาลใจในการอุทิศตนทางการศึกษาของครู กรณีศึกษาสังฆมณฑลอุบลราชธานี มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาสภาพปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อแรงบันดาลใจในการอุทิศตนทางการศึกษาของครูโรงเรียนสังกัดสังฆมณฑลอุบลราชธานี และเพื่อเสนอแนวทางในการพัฒนาภาวะผู้นำเชิงจิตวิญญาณที่สร้างแรงบันดาลใจในการอุทิศตนทางการศึกษาของครูโรงเรียนสังกัดสังฆมณฑลอุบลราชธานีครั้งนี้ พื้นที่สำหรับการศึกษาในครั้งนี้เป็นโรงเรียนสังกัดสังฆมณฑลอุบลราชธานี จำนวน 10 แห่ง ผู้ให้ข้อมูลสำคัญ 3 กลุ่ม คือ 1) กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 110 คน 2) ผู้ทรงคุณวุฒิด้านภาวะผู้นำทางการศึกษา จำนวน 1 คน 3) ผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 12 คน
ผลการศึกษาสรุปได้ ดังนี้
1. สภาพปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อแรงบันดาลใจในการอุทิศตนทางการศึกษาของครูโรงเรียนสังกัดสังฆมณฑลอุบลราชธานี
จากผลการวิเคราะห์ข้อมูลแบบสอบถามครูโรงเรียนสังกัดสังฆมณฑลอุบลราชธานี จำนวน 110 คน พบว่า ปัจจัยหลักที่ทำให้ครูขาดแรงบันดาลใจในการทำงานคือ ภาระงานที่นอกเหนือจากการสอนที่มากเกินไป ซึ่งเป็นสาเหตุให้ครูเกิดความเครียดและความเหนื่อยล้าอย่างมาก ประกอบกับรายได้ที่ไม่เพียงพอยิ่งส่งผลให้ครูรู้สึกท้อแท้และไม่มีแรงกระตุ้นในการทำงาน นอกจากนั้นการสนับสนุนช่วยเหลือจากทางโรงเรียนก็ยังเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ครูขาดแรงบันดาลใจและไม่อุทิศตนอย่างเต็มที่ และปัญหาสุขภาพยังเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อความสามารถในการทำงานของครู โดยเฉพาะเมื่อครูต้องเผชิญกับความเครียดที่สะสมจากการทำงานที่หนัก ทำให้ขาดโอกาสในการพัฒนาตนเองและที่สุดก็รู้สึกว่าตนเองไม่มีความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน อีกทั้งการขาดการยอมรับจากผู้บริหาร จากเพื่อนร่วมงาน หรือแม้กระทั่งขาดการยอมรับจากนักเรียนส่งผลให้รู้สึกไม่มั่นคงในหน้าที่การงานก็เป็นปัจจัยที่ทำให้ครูรู้สึกไม่พึงพอใจในงานที่ทำอยู่ ส่งผลให้ครูบางคนรู้สึกโดดเดี่ยวและขาดความเชื่อมั่นในตนเอง แม้ว่าครูจำนวนน้อยที่สุดจะมีความกังวลใจเกี่ยวกับการออกจากงานหรือการเลิกจ้าง แต่ก็ถือเป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงความไม่พอใจและความไม่มั่นคงในอนาคตหากไม่มีการแก้ไขปัญหาเหล่านี้ อีกทั้งยังมีปัจจัยเสริมที่ทำให้ครูขาดแรงบันดาลใจ เช่น การขาดวิสัยทัศน์ร่วมในการทำงาน การทำงานที่ไม่เห็นแก่ความรักผู้อื่น และการขาดความหวังและความศรัทธาในงานที่ทำ สร้างสภาวะที่ยากลำบากและส่งผลให้ครูขาดแรงบันดาลใจในการอุทิศตนอย่างเต็มที่
2. เสนอแนวทางในการพัฒนาภาวะผู้นำเชิงจิตวิญญาณที่สร้างแรงบันดาลใจในการอุทิศตนทางการศึกษาของครูโรงเรียนสังกัดสังฆมณฑลอุบลราชธานี
จากการสัมภาษณ์เชิงลึก (In-depth Interview) ดร.ชัยณรงค์ มนเทียรวิเชียรฉาย เป็นผู้ที่องค์ประกอบของภาวะผู้นำเชิงจิตวิญญาณครบถ้วน เป็นผู้อิทธิพลเชิงบวก เป็นต้นแบบผู้นำด้านการศึกษาและด้านอื่น ๆ ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ และจาการสนทนากลุ่ม (Focus Group) ประกอบด้วย รองศึกษาธิการจังหวัดสุรินทร์ ผู้อำนวยการกลุ่มส่งเสริมการศึกษาเอกชน ผู้อำนวยการฝ่ายการศึกษาสถานศึกษาคาทอลิก ผู้บริหารโรงเรียนสังกัดสังฆมณฑลอุบลราชธานี และผู้บริหารโรงเรียนเอกชนประเภทสามัญศึกษา จำนวน 10 คน โดยใช้ข้อมูลจากการวิเคราะห์สภาพปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อแรงบันดาลใจในการอุทิศตนทางการศึกษาของครูโรงเรียนสังกัดสังฆมณฑลอุบลราชธานี และการศึกษาองค์ประกอบของภาวะผู้นำเชิงจิตวิญญาณของ Fry (2003) ประกอบด้วย 3 ด้าน คือ 1) ด้านวิสัยทัศน์ 2) ด้านความรักที่เห็นแก่ผู้อื่น และ 3) ด้านความเชื่อ/ความศรัทธา (Spiritual Leadership) วิเคราะห์และสังเคราะห์นำเสนอเป็นแนวทางเป็นรายด้าน ดังนี้
1. ด้านวิสัยทัศน์ (Vision) ใช้แนวคิด Change for the Better: การเปลี่ยนแปลงสู่สิ่งที่ดีกว่า และ We are on the Same Page: พวกเราคิดเรื่องเดียวกันในเวลาเดียวกัน ใช้เพื่อสร้างแรงบันดาลใจและความมุ่งมั่นให้กับครู การสร้างวิสัยทัศน์ร่วมกันระหว่างผู้บริหารและครู โดยการมีส่วนร่วมในกำหนดวิสัยทัศน์ ผ่านการประชุมเชิงปฏิบัติการ การสื่อสารอย่างโปร่งใสและต่อเนื่อง และการสนับสนุนครูด้วยทรัพยากรและคำแนะนำที่เหมาะสม การเน้นการทำงานเป็นทีมและสร้างวัฒนธรรมการทำงานที่เห็นแก่ผู้อื่น ยังเป็นส่วนสำคัญในการสร้างบรรยากาศที่ส่งเสริมให้ครูมีความมุ่งมั่นและอุทิศตนอย่างเต็มที่
2. ด้านความรักที่เห็นแก่ผู้อื่น (Altruistic Love) มีแนวทางในการพัฒนา คือ การใช้แนวคิด Positive Leadership คือ ภาวะผู้นำเชิงบวกที่มุ่งเน้นไปที่การใช้พลังงานเชิงบวกเพื่อสร้างแรงบันดาลใจและส่งเสริมบุคลากรให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเน้นไปที่การสร้างความสัมพันธ์ที่ดี การแสดงความชื่นชม และการสร้างบรรยากาศที่เป็นบวกในองค์กร และแนวคิด Happy Workplace องค์กรแห่งความสุข (สสส.) เพื่อช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตบุคลากร หลังพบคนทำงานเครียดสูง สาเหตุจาก งานเร่ง งานล้น มีภาวะหมดไฟในการทำงาน การส่งเสริมการทำงานที่เน้นความใส่ใจและเมตตาต่อผู้อื่น การพัฒนาทางจิตใจและจิตวิญญาณ และการให้คำปรึกษา สามารถช่วยเสริมสร้างความมุ่งมั่นและความรักต่อการทำงานเพื่อประโยชน์ส่วนรวมของครูได้มากยิ่งขึ้น
3. ด้านความหวังความศรัทธา (Hope/Faith) มีแนวทางการพัฒนาคือ การใช้บุคคลต้นเเบบเพื่อเสริมสร้างเเรงจูงใจในตนเอง (Emulating Role Models Traits for Increasing Self-Motivation) บุคคลต้นแบบในที่นี้หมายถึงผู้บริหารสถานศึกษา การส่งเสริมความหวังและความศรัทธาในงานของครูโดยการตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนและท้าทาย แต่เป็นไปได้ การสนับสนุนครูเมื่อเผชิญกับความท้าทาย และการสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่เป็นบวก สามารถช่วยเพิ่มแรงจูงใจและความศรัทธาของครูในการทำงานเพื่อสังคมและการศึกษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
แนวทางในการพัฒนาภาวะผู้นำเชิงจิตวิญญาณที่สร้างแรงในการอุทิศตนทางการศึกษาของครู กรณีศึกษาสังฆมณฑลอุบลราชธานี เหมาะแก่การนำไปปรับใช้ตามบริบทและสภาพจริงของสถานศึกษาที่มีความพร้อมและมีมุ่งมั่นตั้งใจที่พัฒนาแรงบันดาลใจของครู เพื่อให้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจ มีแรงจูงใจในการอุทิศตนเพื่อประโยชน์ส่วนรวมและสามารถปฏิบัติหน้าที่อย่างมีความสุขและมีคุณภาพอย่างยั่งยืน
ข้อเสนอแนะในการศึกษาครั้งต่อไป
1) ควรนำผลการศึกษาในครั้งนี้มาเป็นข้อมูลพื้นฐานในการต่อยอดสู่การวิจัยเชิงพัฒนาที่เกี่ยวกับแนวทางการพัฒนาครูบุคลากรโรงเรียนเอกชนมีแรงบันดาลใจในปฏิบัติงานด้วยความมุ่งมั่นอุทิศตนและมีความรักภักดีต่อโรงเรียนอย่างยั่งยืน และสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับโรงเรียนในสังกัดอื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผล
2) ควรมีการนำแนวทางการพัฒนาภาวะผู้นำเชิงจิตวิญญาณที่สร้างแรงบันดาลใจในการอุทิศตนของครูในโรงเรียนสังกัดสังฆมณฑลอุบลราชธานีสู่การปฏิบัติจริงในโรงเรียนสังกัดสังฆมณฑลอุบลราชธานีทั้ง 10 แห่ง เพื่อเก็บข้อมูลเพื่อใช้เป็นข้อมูลย้อนกลับและถอดบทเรียนเพื่อการพัฒนาต่อยอดจากผลการปฏิบัติจริง อาจนำมาสู่การปรับเปลี่ยนเพิ่มเติมในแนวทางในการสร้างแรงบันดาลใจเพื่อความมุ่งมั่นอุทิศตนอย่างเต็มศักยภาพ