บทคัดย่อ
บทความนี้เป็นการศึกษาเกี่ยวกับการพัฒนาคุณภาพการศึกษาเพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน (best practice) เนื่องจากนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 (Nation Test : NT) และนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 (Ordinary National Education Test : O-NET) โรงเรียนบ้านดินดำคำไฮ(หาญคุรุราษฎร์สามัคคี) มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนต่ำกว่ามาตรฐาน ดังนั้นผู้บริหารคณะครู นักเรียน จึงได้ดำเนินการการพัฒนาคุณภาพการศึกษาเพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เพื่อการพัฒนาจากผลการทดสอบความสามารถพื้นฐานของผู้เรียน โดย การออกแบบวิธีการ การดำเนินการตามแผน สร้างเครื่องมือหรือนวัตกรรมที่ออกแบบไว้ การดำเนินการจัดกิจกรรมพัฒนาตามเครื่องมือที่สร้าง
ความสำคัญของผลงานที่นำเสนอ
โรงเรียนบ้านดินดำคำไฮ(หาญคุรุราษฎร์สามัคคี) เป็นโรงเรียนขนาดเล็กจัดการเรียนการสอนตั้งแต่ชั้นอนุบาล 3 ถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีนักเรียนรวมทั้งสิ้น 49 คน ครู 6 คน ผู้บริหารสถานศึกษา 1 คน เขตพื้นที่บริการ 2 หมู่บ้าน คือ บ้านดินดำ (หมู่3) และบ้านคำไฮ(หมู่ 4) จากรายงานผลการทดสอบความสามารถพื้นฐานของผู้เรียนระดับชาติ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 (Nation Test : NT) และนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 (Ordinary National Education Test : O-NET) ปีการศึกษา 2565 สูงกว่าปีการศึกษา 2564 เป็นที่น่าพึงพอใจของคณะครู ผู้ปกครอง และคณะกรรมการสถานศึกษา ดังนั้นคณะครู ผู้ปกครองและคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานจึงร่วมกันจัดทำแผนพัฒนาคุณภาพการศึกษาเพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเพื่อใช้เป็นแนวทางในการเตรียมการและพัฒนาคุณภาพผู้เรียนให้มีความพร้อมรับการทดสอบความสามารถพื้นฐานของผู้เรียนระดับชาติชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 (Nation Test : NT) และนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 (Ordinary National Education Test : O-NET) ในปีการศึกษาต่อไปและมีผลสัมฤทธิ์ที่สูงขึ้นกว่าปีการศึกษาที่ผ่านมาและสถานศึกษาดำเนินงานตามแผนการขับเคลื่อนการพัฒนาคุณภาพการศึกษา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุบลราชธานี เขต 1 ซึ่งได้กำหนดกลยุทธ์ในการดำเนินงานดังนี้
กลยุทธ์ที่ 1 การสร้างโอกาสทางการศึกษา มี 5 จุดเน้น
กลยุทธ์ที่ 2 การพัฒนาคุณภาพการศึกษา มี 3 จุดเน้น
ศึกษาหลักสูตรและแนวทางคิดทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง
ทฤษฎีการสอนของกาเย่ ซึ่งมีแนวคิดว่า การเรียนรู้มีลำดับขั้นและผู้เรียนจะต้องเรียนรู้เนื้อหาจากง่ายไปหายาก
แนวคิดของบลูม ซึ่งกล่าวถึงธรรมชาติของผู้เรียนแต่ละคนว่ามีความแตกต่างกัน ผู้เรียนจะสามารถเรียนเนื้อหาในหน่วยย่อยต่างๆได้โดยใช้เวลาเรียนที่แตกต่างกัน
ทฤษฎีพฤติกรรมนิยมของสกินเนอร์ บุคคลเรียนรู้ด้วยการกระทำโดยมีตัวเสริมแรงเป็นตัวกลาง
ทฤษฎีลองผิดลองถูกของธอร์นไดด์ สรุปเกณฑ์การเรียนรู้คือ กฎความพร้อมหมายถึง การเรียนรู้จะเกิดขึ้นเมื่อบุคคลพร้อมที่จะทำ กฎผลที่ได้รับหมายถึง การเรียนรู้จะเกิดขึ้นเพราะบุคคลกระทำซ้ำและยิ่งทำมากความชำนาญจะเกิดขึ้นได้ง่าย
จากการศึกษาค้นคว้าตามทฤษฎีดำเนินการคัดกรองนักเรียนและจัดกลุ่มนักเรียนตามระดับความสามารถในการเรียนรู้ (สอดคล้องกับแนวคิดของบลูม) เลือกเทคนิคและวิธีการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญตลอดจนสื่อ เครื่องมือวัดและประเมินผลให้เหมาะสมสอดคล้องกับบริบทและความต้องการของผู้เรียนโดยคำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล (สอดคล้องกับแนวความคิดของบลูม) จัดทำแนวทางการพัฒนาผู้เรียนหรือแผนการจัดการเรียนรู้และจัดหาสื่อนวัตกรรมและแหล่งเรียนรู้ที่เหมาะสม ดำเนินการจัดการเรียนรู้ตามแนวทางการพัฒนาหรือแผนการจัดการเรียนรู้และมีการเสริมแรงโดยการชมเชยผู้ที่เรียนรู้ได้ดี และคอยให้กำลังใจคนที่เรียนรู้ช้ากว่าคนอื่น (สอดคล้องกับทฤษฎีพฤติกรรมนิยมของสกินเนอร์) ดำเนินวัดผลและประเมินผลทุกระยะเพื่อเป็นข้อมูลในการพัฒนาการเรียนการสอนและพัฒนาผู้เรียนรายบุคคลต่อไป กิจกรรมเติมวิชาการให้เข้มแข็ง โดยการดำเนินการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เสริมให้นักเรียนทั้งในและนอกเวลาเรียนตามที่โรงเรียนกำหนดเป็นจุดเน้นหรือดำเนินการปกติอยู่แล้ว เช่น กิจกรรมส่งเสริมการอ่าน กิจกรรมสอนซ่อมเสริม กิจกรรมท่องสูตรคูณ กิจกรรมท่องอาขยาน กิจกรรมเขียนเรียงความ เป็นต้น ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้จะดำเนินการซ้ำๆบ่อยๆเพื่อให้เกิดความชำนาญ (สอดคล้องกับทฤษฎีของธอร์นไดด์) โรงเรียนบ้านดินดำคำไฮ(หาญคุรุราษฎร์สามัคคี)จึงจัดให้มีการดำเนินงานอย่างหลากหลายและนำกิจกรรมมาบูรณาการเพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนการพัฒนาคุณภาพการศึกษาเพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรียนระดับกับชาติ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 (Nation Test : NT) และนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 (Ordinary National Education Test : O-NET)ให้สูงขึ้น
การดำนินงานการพัฒนาคุณภาพการศึกษาเพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน (best practice)
จุดประสงค์และเป้าหมายของการดำเนินงาน เพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 (Nation Test : NT) และนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 (Ordinary National Education Test : O-NET) ให้สูงกว่าปีการศึกษา 2564
กลุ่มเป้าหมาย ทุกห้องเรียนมีความพร้อมด้านเทคโนโลยีและองค์ประกอบเชิงโครงสร้างพื้นฐาน
ครูไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ความสามารถจัดการเรียนรู้เชิงรุก และออกแบบใช้เครื่องมือการสอนคิดในกระบวนการเรียนการสอน
กระบวนการปฏิบัติงาน ขั้นตอนการดำเนินงานการขับเคลื่อน การพัฒนาคุณภาพการศึกษาเพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน (best practice)โดยมีวิธีการดังนี้ ประชุมปฏิบัติการคณะครูเพื่อกำหนดตัวชี้วัดความสำเร็จรายปีของโครงการสร้างความตระหนักและการยอมรับของทุกคน สนับสนุนครุภัณฑ์และเทคโนโลยีรวมทั้งปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานแก่ห้องเรียนทุกห้องเพื่อให้ครูสามารถจัดการเรียนการสอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีการ Workshop เพื่อทบทวนกระบวนการจัดการเรียนรู้ และเทคนิคการใช้เครื่องมือการสอนคิดแก่บุคลากรทุกคน ใช้กลไกของการศึกษาห้องเรียน(Lesson Study) และการPLCแบบมี Growth mindset เป็นเครื่องมือในการพัฒนาคุณภาพการจัดการเรียนการสอน ตั้งแต่การนำแผนการจัดการเรียนรู้มาร่วมแบ่งปันและเปิดโอกาสให้เพื่อครูได้เสนอแนะในวง PLC การเปิดชั้นเรียนให้เพื่อนครูได้สังเกตการสอน และนำผลจากการศึกษาห้องเรียนมาร่วมพัฒนาปรับปรุง ซึ่งมีวงจรการพัฒนาตามแผนภาพ
โดยกำหนดให้ครูทุกคนร่วมสะท้อนคิดและร่วมเรียนรู้ ในกลุ่ม PLC อย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 ชั่วโมง และเข้าร่วมสังเกตการจัดการเรียนรู้ของเพื่อนครู และเปิดโอกาสให้เพื่อครูเข้าสังเกตห้องเรียน เดือนละ 1ครั้ง
ขั้นวางแผน (Plan) ประชุมครู แต่งตั้งคณะกรรมการการดำเนินงาน รู้จักนักเรียนรายบุคคลและคัดกรองนักเรียนออกเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้และคิดวิเคราะห์ไม่เป็น กลุ่มอ่านไม่คล่องเขียนไม่คล่องและคิดวิเคราะห์ไม่เป็น และกลุ่มอ่านคล่องเขียนคล่องคิดวิเคราะห์เป็น การออกแบบวิธีการหรือนวัตกรรม
การดำเนินการตามแผน (do) สร้างเครื่องมือหรือนวัตกรรมที่ออกแบบไว้ กิจกรรมเติมการสอนให้เข้มข้น เป็นกิจกรรมการเรียนการสอนทั้ง 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้ในเวลาเรียนปกติ แต่จะมีการวิเคราะห์และคัดกรองผู้เรียนออกเป็นกลุ่มๆโดยแต่ละกลุ่มจะใช้เทคนิคขั้นตอนจากง่ายไปหายาก (สอดคล้องกับทฤษฎีการสอนของกาเย่) จัดกลุ่มนักเรียนตามระดับความสามารถในการเรียนรู้ (สอดคล้องกับแนวคิดของบลูม) เลือกเทคนิคและวิธีการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญตลอดจนสื่อความต้องการของผู้เรียนโดยคำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล (สอดคล้องกับแนวความคิดของบลูม) จัดทำแนวทางการพัฒนาผู้เรียนหรือแผนการจัดการเรียนรู้แผนการจัดการเรียนรู้และมีการเสริมแรงโดยการชมเชยผู้ที่เรียนรู้ได้ดี และคอยให้กำลังใจคนที่เรียนรู้ช้ากว่าคนอื่น (สอดคล้องกับทฤษฎีพฤติกรรมนิยมของสกินเนอร์) ดำเนินวัดผลและประเมินผลทุกระยะเพื่อเป็นข้อมูลในการพัฒนาการเรียนการสอนและพัฒนาผู้เรียนรายบุคคลดำเนินการซ้ำๆบ่อยๆเพื่อให้เกิดความชำนาญ (สอดคล้องกับทฤษฎีของธอร์นไดด์)
การตวจสอบ (check) ผู้บริหารนิเทศ กำกับ ติดตาม อย่างจริงจังและต่อเนื่อง ให้ครูประจำชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 และชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 รายงานผลการดำเนินงานทุกสิ้นเดือน สำรวจความพึงพอใจของครู ผู้ปกครองและนักเรียน
การรายงานผลเพื่อปรับปรุงพัฒนา (Action) ครูวิชาการสรุปรายงานผลการพัฒนาคุณภาพการศึกษาเพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 และชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ให้ผู้บริหารทราบ นำผลการประเมินมาวิเคราะห์ร่วมกันเพื่อที่จะนำไปเป็นข้อมูลในการวางแผนพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น
บทสรุป
ผลการการดำนินงานการพัฒนาคุณภาพการศึกษาเพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน (best practice) นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 (Nation Test : NT) และนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 (Ordinary National Education Test : O-NET) ปีการศึกษา 2565 เพิ่มขึ้นร้อยละ 5 ตามเป้าของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุบลราชธานี เขต 1 ผู้ปกครองและนักเรียนมีความพึงพอใจต่อการดำเนินการพัฒนาคุณภาพการศึกษาเพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน (NT) และ(O-NET)
ปัจจัยความสำเร็จ
ครูให้ความร่วมมือในการดำเนินงานอย่างเต็มศักยภาพและมีความต่อเนื่องในการดำเนินงาน
ผู้บริหารให้ความสำคัญและกำกับติดตามอย่างต่อเนื่อง ผู้ปกครองให้ความสำคัญและมีเวลาให้กับบุตรหลาน นักเรียนให้ความสำคัญและตั้งใจเรียน มีกระบวนการทำงานที่เป็นระบบ PDCA
ข้อเสนอแนะ
ในการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนเพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนโดยผ่านกิจกรรมการเรียนรู้ต้องคำนึงถึงองค์ประกอบของการจัดการความรู้ได้แก่ บุคลากรครู ผู้ปกครองนักเรียน สื่อ เทคโนโลยีและกระบวนการเรียนรู้เพื่อให้เกิดการพัฒนา วิธีการทำงานที่มีประสิทธิภาพ การทำงานที่เป็นระบบและความทุ่มเทเอาใจใส่ของคณะครู ผู้ปกครอง นักเรียนเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้การดำเนินงานบรรลุวัตถุประสงค์และเป้าหมายที่วางไว้
​
การเผยแพร่/การได้รับการยอมรับ/รางวัลที่ได้รับ
คณะครูผู้ปกครองนักเรียนและคณะกรรมการสถานศึกษาตลอดจนชุมชนมีความพึงพอใจต่อการดำเนินการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนเพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนในการทดสอบความสามารถพื้นฐานของผู้เรียนระดับชาติชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 (Nation Test : NT) และนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 (Ordinary National Education Test : O-NET)
ผลการทดสอบความสามารถพื้นฐานของผู้เรียนระดับชาติชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 (Nation Test : NT) และนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 (Ordinary National Education Test : O-NET) ปีการศึกษา 2565 สูงกว่า ปีการศึกษา 2564 ทุกรายวิชา
บรรณานุกรม
วิชาการ กรม การประเมินผลการใช้หลักสูตรประถมศึกษา พุทธศักราช 2521 (ฉบับปรับปรุงพ.ศ.2533)
ศูนย์พัฒนาหลักสูตร กรมวิชาการ โรงพิมพ์คุรุสภากรุงเทพมหานคร 2538
ทิศนา แขมมณี.(2547).ศาสตร์การสอน:องค์ความรู้เพื่อจัดการระบวนการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ.
พิมพ์ครั้งที่ 3 กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ทิศนา แขมมณี.(2548).ศาสตร์การสอน:การจัดการเรียนรู้โดยผู้เรียนใช้การวิจัยเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการเรียนรู้. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.