พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พุทธศักราช 2542 หมวด 4 แนวทางการจัดการศึกษา มาตรา 22 บัญญัติว่า การจัดการศึกษาต้องยึดหลักว่า ผู้เรียนทุกคนมีความสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้ และถือว่าผู้เรียนมีความสำคัญที่สุด กระบวนการจัดการศึกษาต้องส่งเสริมให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาตามธรรมชาติและเต็มตามศักยภาพ (พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 (ฉบับอัพเดท), 2562) และดังเป้าหมายการจัดการศึกษาที่กําหนดไว้ใน แผนการศึกษาชาติ พ.ศ.2560 2579 และมาตรฐานการศึกษาของชาติ พ.ศ.2561 ที่ล้วนมุ่งพัฒนาผลลัพธ์ที่เกิดในตัวผู้เรียน (สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา, 2561) ซึ่งมีความสอดคล้องกับนโยบายและจุดเน้นของกระทรวงศึกษาธิการประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 ด้านการยกระดับคุณภาพการศึกษา ได้กำหนดไว้ว่า ส่งเสริม สนับสนุนให้สถานศึกษานำหลักสูตรฐานสมรรถนะไปสู่การปฏิบัติอย่างเต็มรูปแบบ เพื่อสร้างสมรรถนะที่สำคัญจำเป็นสำหรับศตวรรษที่ 21 ให้กับผู้เรียน และจัดการเรียนรู้ให้ผู้เรียนได้ค้นพบพรสวรรค์ ความสนใจ ความถนัดในอาชีพของตนเอง ด้วยการเรียนรู้จากการลงมือปฏิบัติจริง (Active Learning) (ประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง นโยบาย และจุดเน้นของกระทรวงศึกษาธิการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566, 2564) และยังมีความสอดคล้องกับนโยบายและจุดเน้นประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 ของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน จุดเน้นที่ 6 ที่กำหนดว่า ส่งเสริมการจัดการเรียนรู้ผ่านกระบวนการเรียนการสอนที่เน้นให้ผู้เรียนมีส่วนร่วม และมีปฏิสัมพันธ์กับกิจกรรมการเรียนรู้ผ่านการปฏิบัติที่หลากหลายรูปแบบ (Active Leaming) มีการวัดประเมินผลในชั้นเรียน เพื่อพัฒนาการเรียนรู้และสมรรถะของผู้เรียน (Assessment for Learning) ทุกระดับ (ประกาศสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เรื่อง นโยบายและจุดเน้นของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖, 2564)
จากความสำคัญดังกล่าวจึงเห็นได้ว่า กระบวนการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนถือเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะพัฒนาผู้เรียนให้เป็นไปตามธรรมชาติและเต็มตามศักยภาพ นำพาให้ผู้เรียนให้เกิดการเรียนรู้ ตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ และเกิดผลลัพธ์ในตัวผู้เรียนจากการลงมือปฏิบัติจริง
ในการนี้ ข้าพเจ้าซึ่งเป็นครูผู้สอนรายวิชาภาษาอังกฤษ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ ได้วิเคราะห์สภาพปัญหาในการเรียนวิชาภาษาอังกฤษของนักเรียน พบว่านักเรียนยังคงมีภาวะถดถอยทางการเรียนรู้ และขาดทักษะการใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสาร ซึ่งนักเรียนมีพื้นฐานและประสบการณ์ในการใช้ภาษาอังกฤษน้อยมาก อีกทั้งนักเรียนยังขาดแรงจูงใจในการเรียนภาษาอังกฤษ เพราะคิดว่าวิชาภาษาอังกฤษเป็นวิชาที่ยาก กลัวการออกเสียงหรืออ่านผิด และไม่ได้นำภาษาอังกฤษไปใช้หรือสื่อสารในชีวิตประจำวัน และที่สำคัญที่สุดนักเรียนในยุคปัจจุบัน มีสมาธิและความสนใจในการเรียนรู้ในห้องเรียนค่อนข้างสั้น ด้วยเพราะอุปกรณ์เทคโนโลยีสมัยใหม่ที่เข้ามามีบทบาทกับนักเรียนมากขึ้น ทำให้นักเรียนบางคนขาดสมาธิในการเรียนและขาดทักษะทางด้านสังคม
แนวทางการพัฒนา
จากสภาพปัญหาดังกล่าวข้างต้นประกอบกับการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ จึงทำให้ข้าพเจ้าสนใจที่จะพัฒนาคุณภาพของนักเรียน ในด้านทักษะภาษาอังกฤษทั้ง 4 ทักษะ นั่นคือ ทักษะการฟัง ทักษะการพูด ทักษะการอ่านและทักษะการเขียน รวมถึงการสร้างเจตคติที่ดีต่อการเรียนภาษาอังกฤษและการมีความมั่นใจในการสื่อสารภาษาอังกฤษของนักเรียน เพื่อที่จะพัฒนาคุณภาพของนักเรียนตามศักยภาพ และจัดประสบการณ์ทางภาษาให้กับนักเรียนให้มากที่สุด ซึ่งข้าพเจ้าได้ศึกษาแนวคิด กระบวนการจัดการเรียนการสอน ที่สอดคล้องกับบริบทปัญหา นักเรียน และสถานศึกษา รวมถึงได้ศึกษาเทคนิค วิธีการจัดการเรียนรู้ แนวทางในการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน โดยการร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับคณะครูในกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ ผ่านกระบวนการ PLC ในการที่จะลดช่องว่างปัญหา การเรียนรู้ของนักเรียน ทั้งด้านความรู้พื้นฐาน กระบวนการเรียนรู้ รวมถึงทำให้นักเรียนเห็นคุณค่าต่อสิ่งที่เรียนรู้และสามารถนำไปใช้ได้จริง พบว่า
1. การจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active learning) เป็นกระบวนการเรียนการสอนที่ส่งเสริมให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในชั้นเรียน สร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างครูผู้สอนกับผู้เรียน มุ่งให้ผู้เรียนลงมือปฏิบัติ โดยมีครูเป็นผู้อำนวยความสะดวก (Facilitator) สร้างแรงบันดาลใจ ให้คำปรึกษา ดูแล แนะนำ ทำหน้าที่เป็นโค้ชและพี่เลี้ยง (Coach & Mentor) แสวงหาเทคนิควิธีการจัดการเรียนรู้ และแหล่งเรียนรู้ที่หลากหลาย ให้ผู้เรียนได้เรียนรู้อย่างมีความหมาย (Meaningful learning) ผู้เรียนสร้างองค์ความรู้ได้ มีความข้าใจในตนเอง ใช้สติปัญญา คิด วิเคราะห์ สร้างสรรค์ผลงานนวัตกรรมที่บ่งบอกถึงการมีสมรรถนะสำคัญในศตวรรษที่ 21 มีทักษะวิชาการ ทักษะชีวิต และทักษะวิชาชีพ บรรลุเป้าหมายการเรียนรู้ตามระดับช่วงวัย (หน่วยศึกษานิเทศก์ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน.2562 : 4)
2. กิจกรรมการเรียนรู้ เป็นกระบวนการปฏิบัติต่าง ๆ ของผู้เรียนที่ก่อให้เกิดการเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพ ได้แก่ วิธีการหรือกิจกรรมที่ครูหรือผู้เกี่ยวข้อง นำมาใช้เพื่อให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ตามเป้าหมายวัตถุประสงค์ สอดคล้องเชื่อมโยงกับมาตรฐานตัวชี้วัดที่กำหนดไว้ในหลักสูตรสถานศึกษา โดยมีองค์ประกอบที่สำคัญของการจัดการเรียนรู้ คือกระบวนการหรือวิธีการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่เหมาะสม ซึ่งจะมีผลต่อการเรียนรู้ของผู้เรียนอย่างแท้จริง โดยกิจกรรมการเรียนรู้มีผลต่อผู้เรียนในการกระตุ้นความสนใจ สนุกสนาน ตื่นตัวในการเรียน มีการเคลื่อนไหว เปิดโอกาสให้ผู้เรียนประสบความสำเร็จในการเรียนรู้ ปลูกฝังความเป็นประชาธิปไตย การใช้ทักษะชีวิต ฝึกความรับผิดชอบ การทำงานร่วมกัน ช่วยเหลือเกื้อกูลตามศักยภาพ และคุณลักษณะที่ดี นอกจากนี้ กิจกรรมการเรียนรู้ยังต้องส่งเสริมทักษะกระบวนการต่าง ๆ เช่น การคิดสร้างสรรค์ การสื่อสาร การแก้ปัญหา กระบวนการกลุ่ม การบริหารจัดการ ฝึกการใช้เทคโนโลยีให้เกิดประโยชน์ เป็นเครื่องมือการเรียนรู้ตลอดชีวิต สร้างปฏิสัมพันธ์ที่ดีระหว่างผู้เรียนกับผู้เรียน กับครู และบุคคลที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ สร้างความเข้าใจบทเรียนและส่งเสริมพัฒนาการผู้เรียนในทุก ๆ ด้าน (หน่วยศึกษานิเทศก์ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน.2562 : 36)
3. รูปแบบการเรียนรู้โดยใช้กิจกรรมเป็นฐาน (Activity-Based Learning) การเรียนรู้โดยใช้กิจกรรมเป็นฐาน เป็นวิธีการจัดการเรียนรู้ที่พัฒนามาจากแนวคิดในการจัดการเรียนการสอนที่เผยแพร่ในปลายศตวรรษที่ 20 ที่เรียกว่า การเรียนรู้ที่เน้นบทบาท และการมีส่วนร่วมของผู้เรียน หรือ การเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ซึ่งหมายถึง รูปแบบการเรียนการสอน ที่มุ่งเน้นส่งเสริมให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการเรียนรู้ และบทบาทในการเรียนรู้ของผู้เรียน "ใช้กิจกรรมเป็นฐาน" หมายถึง นำกิจกรรมเป็นที่ตั้งเพื่อที่จะฝึกหรือพัฒนาผู้เรียนให้เกิดการเรียนรู้ให้บรรลุวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายที่กำหนด (หน่วยศึกษานิเทศก์ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน.2562 : 8)
4. การเรียนการสอนที่มีประสิทธิภาพนั้น ครูจะต้องสามารถใช้สื่อการสอนได้อย่างหลากหลายและเหมาะสม เพื่อให้นักเรียนได้ลงมือปฏิบัติ ฝึกประสบการณ์ ทำให้เกิดการเรียนรู้ด้วยตนเอง โดยที่ครูสามารถออกแบบการเรียนการสอนได้ด้วยตนเอง อาจเริ่มจากการตั้งคำถามก่อนนำเข้าสู่บทเรียน เพื่อเป็นการฝึกให้เด็กได้จับใจความสำคัญ หรือแม้แต่การอภิปรายหลังดูวิดีโอจบ ก็ถือเป็นการต่อยอดการเรียนรู้ได้ เป็นอย่างดี สื่อการสอนที่มีการนำเสนอเนื้อหาและบทเรียนที่ซับซ้อนให้เข้าใจและจดจำได้ง่าย สามารถนำมาสร้างกิจกรรมเวิร์กช็อปที่เชื่อมโยงกับบทเรียนให้ครูสามารถนำไปใช้ในห้องเรียนได้ ฝึกคิด แก้ปัญหา และสร้างเนื้องาน เพราะกิจกรรมที่สนุก ครูจะมีการต่อยอดในห้องเรียนได้ดี ทั้งนี้ การนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในการจัดการการเรียนการสอน ครูต้องเข้าใจความสำคัญของเทคโนโลยีเสียก่อนว่า ปัจจุบันโลกของธุรกิจต้องการคนที่มีทักษะ ไม่ใช่คนที่มีความรู้เพียงอย่างเดียว เพราะฉะนั้น ครูต้องเลือกใช้วิธีการที่หลากหลายและสอดคล้องกับเด็กให้มากที่สุด (ธานี จันทร์นาง, 2558)