ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
Advertisement

ผลการใช้รูปแบบการสอนทางตรง ด้วยเทคนิค Model - Lead - Test (MLT) ร่วมกับภาพประกอบ เพื่อพัฒนาทักษะช่วยเหลือตนเองในชีวิตประจำวัน สำหรับนักเรียนที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้มีจุดประสงค์เพื่อ เพื่อเปรียบเทียบความสามารถในการช่วยเหลือตนเองในชีวิตประจำวันของเด็กที่มีความบกพร่องทางสติปัญญาก่อนและหลังการฝึกโดยใช้รูปแบบการสอนทางตรง ด้วยเทคนิค Model - Lead - Test (MLT) ร่วมกับภาพประกอบ

ผลการวิจัยพบว่า 1) ผลการประเมินความความเหมาะสมของแผนการสอนโดยใช้รูปแบบการสอนทางตรง ด้วยเทคนิค Model - Lead - Test (MLT) ร่วมกับภาพประกอบประกอบ โดยผู้เชี่ยวชาญ 3 คน โดยรวมมีคุณภาพอยู่ในระดับเหมาะสมมาก ( x ̅ = 4.16 ) 2) ผลการประเมินความสามารถทักษะการช่วยเหลือตนเองในชีวิตประจำวัน เรื่อง การสวมเสื้อยืดคอกลม ของกลุ่มเป้าหมาย พบว่า ทักษะการช่วยเหลือตนเองในชีวิตประจำวัน เรื่อง การสวมเสื้อยืดคอกลม หลังการสอนดยใช้รูปแบบการสอนทางตรง ด้วยเทคนิค Model - Lead - Test (MLT) ร่วมกับภาพประกอบ คะแนนรวม 14 คะแนน ซึ่งมีความสามารถในทักษะช่วยเหลือตนอง อยู่ในระดับดี 3) ผลการเปรียบเทียบความสามารถในการช่วยเหลือตนเองในชีวิตประจำวันของเด็กที่มีความบกพร่องทางสติปัญญาก่อนและหลังการฝึกโดยใช้รูปแบบการสอนทางตรง ด้วยเทคนิค Model - Lead - Test (MLT) ร่วมกับภาพประกอบ หลังการใช้แผนการสอนโดยใช้รูปแบบการสอนทางตรง ด้วยเทคนิค Model - Lead - Test (MLT) ร่วมกับภาพประกอบประกอบสูงกว่าก่อนเรียน ผลต่างของคะแนนความก้าวหน้าเพิ่มขึ้น +7 ตามสมมติฐานการวิจัยที่ตั้งไว้

บทนำ

พระราชบัญญัติการจัดการศึกษาสำหรับคน พิการ พ.ศ. 2551 ได้ระบุว่า การจัดการศึกษาต้องจัดให้บุคคลมีสิทธิและโอกาสเสมอกันในการรับการศึกษา ขั้นพื้นฐานไม่น้อยกว่าสิบสองปีซึ่ง รวมไปถึงการได้รับสิทธิทางการศึกษาโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายตั้งแต่แรกเกิดหรือ พบความพิการจนตลอดชีวิต รวมไปถึงการได้รับเทคโนโลยีสิ่งอำนวยความสะดวก สื่อ บริการและความช่วยเหลืออื่นใดทางการศึกษา เลือกบริการทางการศึกษา สถานศึกษา ระบบและรูปแบบการศึกษาโดยคำนึงถึง ความสามารถ ความสนใจ ความถนัดและความต้องการจําเป็นพิเศษของบุคคลนั้นโดยที่รัฐจะต้องจัด ให้อย่างทั่วถึงและมีคุณภาพซึ่งในการจัดการศึกษาให้กับบุคคลที่มีความบกพร่องที่ต้องการการศึกษา ต้องได้รับการศึกษาที่มีมาตรฐานและประกันคุณภาพการศึกษารวมไปถึงการจัดหลักสูตรและกระบวนการเรียนรู้การทดสอบทางการศึกษาที่สอดคล้องกับความต้องการของคนพิการแต่ละประเภท (ราชกิจจานุเบกษา, 2551) ซึ่งตามประกาศกระทรวงศึกษาธิการเรื่องกำหนด ประเภทและหลักเกณฑ์ของคนพิการทางการศึกษา พ.ศ.2552 ได้กำหนดประเภทของคนพิการไว้ดังนี้ 1) บุคคลที่มีความบกพร่องทางการมองเห็น 2) บุคคลที่มีความบกพร่องทางการได้ยิน 3) บุคคลที่มี ความบกพร่องทางสติปัญญา 4) บุคคลที่มีความบกพร่องทางร่างกายหรือการเคลื่อนไหวหรือสุขภาพ 5) บุคคลที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ 6) บุคคลที่มีความบกพร่องทางการพูดและภาษา 7) บุคคล ที่มีความบกพร่องทางพฤติกรรมหรืออารมณ์ 8) บุคคลออทิสติก 9) บุคคลพิการซ้อน (กระทรวง ศึกษาธิการ, 2551)

เด็กบกพร่องทางสติปัญญาเป็นเด็กที่มีพัฒนาการในด้านต่างๆ ช้ากว่าเด็กพัฒนาการตามอายุจริง เมื่อวัดระดับสติปัญญาโดยใช้แบบทดสอบมาตรฐานแล้ว ปรากฏว่ามีสติปัญญาต่ำกว่าเกณฑ์ทั่วไป เมื่อสังเกตจากพฤติกรรมพบว่ามีพฤติกรรมที่เบี่ยงเบนจากบุคคลปกติมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนต่ำมีความสนใจสั้น มีปัญหาในการจำ จำสิ่งที่เรียนไปแล้วไม่ได้มีปัญหาในการถ่ายโยงความรู้และ ลักษณะเด่นที่เห็นชัดเจนอย่างหนึ่งของเด็กที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา คือ การช่วยเหลือตนเองในชีวิตประจำวัน เช่น ทักษะการรับประทานอาหาร ทักษะการแต่งกาย และทักษะขับถ่าย นักเรียนจะทำได้น้อยมากหรือทำไม่ได้เลย จำเป็นต้องพึ่งพาผู้อื่นตลอดเวลา (ศิรินันท์, 2563) จะเห็นได้ว่านักเรียนที่มีความบกพร่องทางสติปัญญาระดับรุนแรง มีความสามารถในด้านต่างๆ ที่แตกต่างไปจากเด็กปกติ คือ มีข้อจำกัดด้านการเรียนรู้ การพัฒนาการทางภาษา ในด้านการพูด การฟังและการเข้าใจคําสั่งต่างๆ การเคลื่อนไหวล่าช้า ไม่สามารถพึ่งพาตนเองได้เต็มที่ ในการดูแลตนเองนักเรียนยังต้องได้รับความช่วยเหลือ การฝากทักษะการช่วยเหลือตนเองของเด็กที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา จึงต้องใช้เวลาและวิธีฝึกเฉพาะ และมีความจำเป็นต้องฝึกอย่างสม่ำเสมอเป็นประจำจะทำให้นักเรียนพัฒนาได้เต็มศักยภาพ รู้จักช่วยเหลือและดูแลตนเองในชีวิตประจำวันได้ เนื่องจากเด็กที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา มีข้อจำกัดด้านการเรียนรู้

การจัดการศึกษาสำหรับเด็กที่มีความบกพร่องทางสติปัญญานั้นควรเน้นในด้านการฝึกทักษะพื้นฐานโดยเฉพาะการช่วยเหลือตนเอง ทักษะทางสังคมและทักษะที่จำเป็นต่อการดำเนินชีวิตและการประกอบอาชีพ เพื่อให้บุคคลเหล่านั้นสามารถอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุขและไม่เป็นภาระต่อสังคม (มาศพร แกล้วทนง, 2551)

เทคนิคการวิเคราะห์งานเป็นอีกเทคนิคที่นำมาสอนเด็กที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา โดยใช้การแบ่งงานออกเป็นขั้นตอนย่อย ๆ ตามความสำคัญและขั้นตอนความยากง่ายของงานเพื่อให้สอดคล้องกับลักษณะการเรียนรู้ของผู้เรียนเป็นรายบุคคล ระยะเวลาในการฝึกแต่ละขั้นตอนขึ้นอยู่กับศักยภาพของเด็กแต่ละคน เพื่อให้เด็กสามารถประสบผลสำเร็จในการทำกิจกรรมนั้นๆ เทคนิคนี้จึงเหมาะสำหรับการสอนทักษะการดำรงชีวิตสำหรับเด็กที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา (ธมลวรรณ ใจไหว, 2561) แต่สำหรับการสอนเด็กที่มีความบกพร่องทางสติปัญญาที่มีความสามารถในการเรียนรู้ที่ต่ำกว่าระดับปกติ การสอนด้วยวิธีการใดวิธีการหนึ่งอาจไม่สามารถส่งเสริมให้นักเรียนเกิดความสามารถหรือทักษะตามเป้าหมายได้ การใช้รูปภาพประกอบเป็นอีกวิธีการที่จะช่วยให้เด็กเกิดความสนใจในการเรียนรู้ โดยรูปภาพประกอบที่นำมาใช้ในนั้นจะต้องมีความสอดคล้องกับเนื้อหาที่ต้องการจะฝึกและมีความชัดเจนไม่ซับซ้อน สอดคล้องกับงานวิจัยของมาศพร แกล้วทะนง (2551) ที่ได้ศึกษาวิจัยเรื่อง การสอนทักษะการช่วยเหลือตนเองสำหรับนักเรียนที่บกพร่องทางสติปัญญา ระดับรุนแรง โดยการวิเคราะห์งานร่วมกับการใช้ภาพประกอบ ผลการวิจัยพบว่า นักเรียนที่มีความบกพร่องทางสติปัญญาระดับรุนแรง สามารถปฏิบัติทักษะการช่วยเหลือตนเองในการ ใช้ห้องน้ำได้ถูกต้องทุกขั้นตอนหลังได้รับการฝึกโดยการวิเคราะห์งานร่วมกับการใช้ภาพประกอบ จะเห็นได้ว่าหลังจากการ ใช้เทคนิคการวิเคราะห์งานในกิจกรรมต่างๆ ร่วมกับภาพประกอบของเด็กที่มีความบกพร่องทางสติปัญญาสามารถช่วย ให้เด็กที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา ทำกิจกรรมต่างๆ ได้ดีขึ้น

จากสภาพปัญหาของเด็กที่มีความบกพร่องทางสติปัญญาที่ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองในชีวิตประจำวัน จึงทำให้ผู้วิจัยสนใจที่จะศึกษาการช่วยเหลือตนเองในชีวิตประจำวันของนักเรียนที่มีความบกพร่องทางสติปัญญาโดยใช้รูปแบบการสอนทางตรง ด้วยเทคนิค Model - Lead - Test (MLT) ร่วมกับภาพประกอบ เพื่อให้นักเรียนความสามารถช่วยเหลือตนเองในชีวิตประจำวัน และดำเนินชีวิตประจำวันอย่างมีความสุข

วัตถุประสงค์ของงานวิจัย

เพื่อเปรียบเทียบความสามารถในการช่วยเหลือตนเองในชีวิตประจำวันของเด็กที่มีความบกพร่องทางสติปัญญาก่อนและหลังการฝึกโดยใช้รูปแบบการสอนทางตรง ด้วยเทคนิค Model - Lead - Test (MLT) ร่วมกับภาพประกอบ

ทบทวนวรรณกรรม

1. นักเรียนที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา

1.1 ความหมายของภาวะความบกพร่องทางสติปัญญา

1.2 สาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะความบกพร่องทางสติปัญญา

1.3 การแบ่งระดับภาวะความบกพร่องทางสติปัญญา

1.4 ลักษณธของเด็กที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา

2. หลักการฝึกทักษะสำหรับเด็กที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา

2.1 หลักการฝึกเด็กที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา

2.2 ทักษะการปรับตัวของเด็กที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา

2.3 การฝึกทักษะการปรับตัว

2.4 กิจกรรมการพัฒนาการพฤติกรรมการปรับตัว

3. ทักษะการช่วยเหลือตนเอง

3.1 ความหมายของทักษะการช่วยเหลือตนเอง

3.2 คุณค่าและประโยชน์ของการช่วยเหลือตนเอง

3.3 แนวทางการพัฒนาทักษะการดูแลช่วยเหลือตนเอง

3.4 วิธีการช่วยเหลือตนเอง

3.5 การช่วยเหลือตนเองด้านการแต่งกาย

3.6 การช่วยเหลือตนเองด้านการใช้ห้องน้ำ

4. การฝึกโดยใช้รูปแบบการสอนทางตรง ด้วยเทคนิค Model - Lead - Test (MLT)

4.1 ความหมายของรูปแบบการสอนทางตรง ด้วยเทคนิค Model - Lead - Test (MLT)

4.2 ทฤษฎีและแนวคิดรูปแบบการสอนทางตรง ด้วยเทคนิค Model - Lead - Test (MLT)

4.3 รูปแบบการสอนทางตรง ด้วยเทคนิค Model - Lead - Test (MLT)

5. การใช้ภาพประกอบ

5.1 ความหมายของรูปภาพ

5.2 หลักการใช้รูปภาพในการสอน

6. งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง

สมมติฐานวิจัย

ความสามารถในการช่วยเหลือตนเองในชีวิตประจำวันของนักเรียนที่มีความบกพร่องทางสติปัญญาหลังเรียนสูงขึ้นกว่าก่อนเรียนโดยใช้การวิเคราะห์งานร่วมกับภาพประกอบ

ขอบเขตงานวิจัย

ขอบเขตของเนื้อหา

การช่วยเหลือตนเองในชีวิตประจำวัน เรื่อง การแต่งกายสวมเสื้อยืดคอกลม

ขอบเขตของกลุ่มเป้าหมาย

นักเรียนที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา อายุระหว่าง 3 ปี ที่ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองในชีวิตประจำวันได้ ห้องเรียนเตรียมความพร้อมสติปัญญา ศูนย์การศึกษาพิเศษ เขตการศึกษา 4 จังหวัดตรัง ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2567 โดยวิธีการเลือกแบบเจาะจง จำนวน 1 คน

ขอบเขตของตัวแปรที่ศึกษา

1. ตัวแปรอิสระ ได้แก่ รูปแบบการสอนทางตรง ด้วยเทคนิค Model - Lead - Test (MLT) ร่วมกับภาพประกอบ

2. ตัวแปรตาม ได้แก่ ความสามารถในการช่วยเหลือตนเองในชีวิตประจำวัน เรื่องการแต่งกายสวมเสื้อยืดคอกลม

ประโยชน์ที่ได้รับจากงานวิจัย

1. ครูผู้สอนได้แนวทางในการนำรูปแบบการสอนทางตรง ด้วยเทคนิค Model - Lead - Test (MLT) ไปใช้ในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนในทักษะอื่นๆ หรือประยุกต์ใช้กับบุคคลที่มีความต้องการพิเศษประเภทอื่น

2. ผู้ปกครองนักเรียนสามารถนำผลการวิจัยไปใช้เป็นแนวทางในการฝึกการช่วยเหลือตนเองในชีวิตประจำวันของนักเรียน

กรอบแนวคิดงานวิจัย

เครื่องมือใช้ในการทดลอง

1. เครื่องมือที่ใช้ในการวัด

1.1 แบบประเมินความสามารถในการช่วยเหลือตนเองในชีวิตประจำวัน เรื่อง การแต่งกายสวมเสื้อยืดคอกลม

2. เครื่องมือที่ใช้ในการดำเนินการ

2.1 แผนการสอนเฉพาะบุคคลฝึกการช่วยเหลือตนเองในชีวิตประจำวัน เรื่อง การแต่งกายสวมเสื้อยืดคอ

2.2 สื่อรูปภาพประกอบแผนการฝึกการช่วยเหลือตนเองในชีวิตประจำวัน เรื่อง การแต่งกายสวมเสื้อยืดคอ

การวิเคราะห์ข้อมูล

1. สถิติพื้นฐานที่ใช้ในการวิเคราะห์ผล

1) ค่าเฉลี่ย (Mean)

2) ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน

3) ค่าร้อยละ

2. ความเที่ยงตรงตามเนื้อหา

สรุปผลการวิจัย

1. ผลการประเมินความเหมาะสมของแผนการสอนโดยใช้รูปแบบการสอนทางตรง ด้วยเทคนิค Model - Lead - Test (MLT) ร่วมกับภาพประกอบประกอบ โดยผู้เชี่ยวชาญ 3 คน โดยรวม มีคุณภาพอยู่ในระดับเหมาะสมมาก ( x ̅ = 4.16 )

2. ผลการประเมินความสามารถทักษะการช่วยเหลือตนเองในชีวิตประจำวัน เรื่อง การสวมเสื้อยืดคอกลม ของกลุ่มเป้าหมาย พบว่า ทักษะการช่วยเหลือตนเองในชีวิตประจำวัน เรื่อง การสวมเสื้อยืดคอกลม หลังการสอนดยใช้รูปแบบการสอนทางตรง ด้วยเทคนิค Model - Lead - Test (MLT) ร่วมกับภาพประกอบ คะแนนรวม 14 คะแนน ซึ่งมีความสามารถในทักษะช่วยเหลือตนองอยู่ในระดับดี

3. ผลการเปรียบเทียบความสามารถในการช่วยเหลือตนเองในชีวิตประจำวันของเด็กที่มีความบกพร่องทางสติปัญญาก่อนและหลังการฝึกโดยใช้รูปแบบการสอนทางตรง ด้วยเทคนิค Model - Lead - Test (MLT) ร่วมกับภาพประกอบ หลังการใช้แผนการสอนโดยใช้รูปแบบการสอนทางตรง ด้วยเทคนิค Model - Lead - Test (MLT) ร่วมกับภาพประกอบประกอบสูงกว่าก่อนเรียน ผลต่างของคะแนนความก้าวหน้าเพิ่มขึ้น +7 ตามสมมติฐานการวิจัยที่ตั้งไว้

การอภิปรายผล

1. ผลการเปรียบเทียบความสามารถในการช่วยเหลือตนเองในชีวิตประจำวันของเด็กที่มีความบกพร่องทางสติปัญญาก่อนและหลังการฝึกโดยใช้รูปแบบการสอนทางตรง ด้วยเทคนิค Model - Lead - Test (MLT) ร่วมกับภาพประกอบ หลังการใช้แผนการสอนโดยใช้รูปแบบการสอนทางตรง ด้วยเทคนิค Model - Lead - Test (MLT) ร่วมกับภาพประกอบประกอบสูงกว่าก่อนเรียน ผลต่างของคะแนนความก้าวหน้าเพิ่มขึ้น +7 ตามสมมติฐานการวิจัยที่ตั้งไว้ ซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัย กิ่งดาว เป็งคํามา (2559) การวิจัยครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อศึกษาความสามารถในการแปรงฟันที่ถูกวิธีของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1ที่มีความบกพร่องทางสติปัญญาระดับปานกลาง จากการสอนโดยใช้เทคนิคการแต่งพฤติกรรมร่วมกับวิธีสอน Model - Lead - Test กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยเป็นนักเรียนที่มีความบกพร่องทางสติปัญญาระดับปานกลาง กําลังศึกษาอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนฉะเชิงเทราปัญญานุกูล ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2558 จํานวน 6 คน ได้มาจากการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Samping) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้คือแผนการจัดการเรียนรู้การสอนการแปรงฟันที่ถูกวิธี จํานวน 10 แผน แบบประเมินความสามารถในการแปรงฟันที่ถูกวิธี แบบแผนการทดลองครั้งนี้เป็น One Group Pretest – Posttest Design และการวิเคราะห์ข้อมูลใช้ค่ามัธยฐาน(Median) ค่าพิสัยระหว่างควอไทล์ (Interguartile Range = IOR), The Signed Test for Median :One Sample และ The Wilcoxon Matched – Pairs Signed – Ranks Test ผลการวิจัยพบว่า1. ความสามารถในการแปรงฟันที่ถูกวิธีของนักเรียนที่มีความบกพร่องทางสติปัญญาระดับปานกลาง หลังจากการสอนโดยใช้เทคนิคการแต่งพฤติกรรมร่วมกับวิธีสอน Model - Lead –Test อยู่ในระดับดีมาก (ค่ามัธยฐาน = 31 คะแนน จากคะแนนเต็ม 52 คะแนน;n = 6, t = 6, p-value= 1.000)2. ความสามารถในการแปรงฟันที่ถูกวิธีของนักเรียนที่มีความบกพร่องทางสติปัญญาระดับปานกลาง หลังจากการสอนโดยใช้เทคนิคการแต่งพฤติกรรมร่วมกับวิธีสอนModel - Lead –Test สูงขึ้น (T = 0, P<.05) และผลการเปรียบเทียบความสามารถในการช่วยเหลือตนเองในชีวิตประจำวันของเด็กที่มีความบกพร่องทางสติปัญญาก่อนและหลังการฝึกโดยใช้รูปแบบการสอนทางตรง ด้วยเทคนิค Model - Lead - Test (MLT) ร่วมกับภาพประกอบ หลังการใช้แผนการสอนโดยใช้รูปแบบการสอนทางตรง ด้วยเทคนิค Model - Lead - Test (MLT) ร่วมกับภาพประกอบประกอบสูงกว่าก่อนเรียน ผลต่างของคะแนนความก้าวหน้าเพิ่มขึ้น +7 ตามสมมติฐานการวิจัยที่ตั้งไว้ อีกทั้งยังสอดคล้องกับ ณัฎฐนิชา ทับสว่าง (2566) การวิจัยครั้งนี้มีจุดมุ่งหมาย 1) เพื่อศึกษาความเข้าใจภาพสัญลักษณ์ในชีวิตประจำวัน ของนักเรียนที่มีความบกพร่องทางสติปัญญาระดับปานกลาง ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 หลังจากการใช้วิธีการสอนตรงร่วมกับหนังสือเล่มใหญ่ Big Book 2) เพื่อเปรียบเทียบความเข้าใจภาพสัญลักษณ์ในชีวิตประจำวัน ของนักเรียนที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา ระดับปานกลาง ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โดยใช้วิธีการสอนตรงร่วมกับหนังสือเล่มใหญ่ Big Book ก่อนการทดลองและหลังการทดลองกลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ คือ นักเรียนที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา ระดับปานกลางและไม่มีความพิการซ้อน จำนวน 4 คนที่กำลังศึกษาอยู่ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนสุพรรณบุรีปัญญานุกูล จังหวัดสุพรรณบุรี มีระดับเชาว์ปัญญา 35-49 สามารถสื่อสารได้ด้วยท่าทาง หรือการพูดโต้ตอบ ตอบคำถามจากแบบทดสอบได้ถูกต้องน้อยกว่า 5 ข้อ เป็นนักเรียนที่ไม่เข้าใจ ภาพสัญลักษณ์ในชีวิตประจำวัน ได้แก่ ภาพสัญลักษณ์ห้องน้าชาย-หญิง ภาพสัญลักษณ์ทางหนีไฟ ภาพสัญลักษณ์จุดรวมพล ภาพสัญลักษณ์ห้องปฐมพยาบาล ภาพสัญลักษณ์ทางม้าลาย ภาพสัญลักษณ์สัญญาณไฟจราจร แบบแผนวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยแบบทดลอง (The One –Group Pretest –Posttest Design)เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ประกอบด้วย 1) แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่องภาพสัญลักษณ์ในชีวิตประจำวัน โดยใช้วิธีการสอนตรงร่วมกับหนังสือเล่มใหญ่ Big Book จำนวน 6 แผน 2) หนังสือเล่มใหญ่ Big Book จำนวน 6 เล่ม ได้แก่ สัญลักษณ์ห้องน้ำเป็นแบบนี้เองจุดรวมพลอยู่ตรงนี้นะ ห้องพยาบาลอยู่ไหน ทางหนีไฟอยู่ไหนนะ ข้ามถนนต้องข้ามทางม้าลาย สัญญาณไฟจราจรตั้งอยู่ที่ทางแยกบนถนน 3) แบบทดสอบความเข้าใจก่อน-หลังเรียนเรื่องภาพสัญลักษณ์ในชีวิตประจำวัน จำนวน 1 ชุด ผู้วิจัยได้ทดลอง จัดการเรียนรู้ตามแผนการสอนเป็นเวลา 6 สัปดาห์ สอนสัปดาห์ละ 1 เรื่อง เรื่องละ 5 วัน วันละ 50 นาที รวมทั้งหมด 6 เรื่อง 6สัปดาห์ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ ค่าเฉลี่ย ค่าร้อยละและร้อยละความก้าวหน้าของคะแนนเฉลี่ย ผลการวิจัยพบว่า1)นักเรียนที่มีบกพร่องทางสติปัญญาระดับปานกลาง ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 เข้าใจภาพสัญลักษณ์ในชีวิตประจำวัน โดยใช้วิธีการสอนตรงร่วมกับหนังสือเล่มใหญ่ Big Book อยู่ในระดับดีมาก 2) นักเรียนที่มีบกพร่องทางสติปัญญาระดับปานกลาง ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 เข้าใจภาพสัญลักษณ์ในชีวิตประจำวัน สูงขึ้นกว่าก่อนการใช้วิธีการสอนตรงร่วมกับหนังสือเล่มใหญ่ Big Book คะแนนความก้าวหน้าเพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 65

ข้อเสนอแนะ

1. ควรมีการนำเทคนิควิธีการสอนมาใช้ในการจัดการเรียนรู้ที่เกิดขึ้นใหม่มาใช้กับนักเรียน

2. ควรมีการทำแผนการสอนเฉพาะบุคคล โดยใช้รูปแบบการสอนทางตรง ด้วยเทคนิค Model - Lead - Test (MLT) กับทักษะอื่นๆ ด้วย เพื่อเป็นการพัฒนาแผนการจัดการเรียนรู้ที่หลากหลาย และการวัดและประเมินผลที่หลากหลาย เพิ่มศักยภาพของนักเรียนให้เกิดการเรียนรู้มากขึ้น

บรรณานุกรม

กระทรวงศึกษาธิการ. (2551). พระราชบัญญัติการจัดการศึกษาสำหรับคนพิการ พ.ศ.2551. กรุงเทพฯ:

สำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน.

กระทรวงศึกษาธิการ. (2552). กำหนดประเภทและหลักเกณฑ์ของคนพิการทางการศึกษา. กรุงเทพฯ: กระทรวงศึกษาธิการ.

กิ่งดาว์ เป็งคำมา (2559). การศึกษาความสามารถในการแปรงฟันที่ถูกวิธี ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ที่มีความบกพร่องทางสติปัญญาระดับปานกลาง จากการสอนโดยใช้เทคนิคการแต่งพฤติกรรมร่วมกับวิธีสอน Model - Lead – Test . มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.

โพสต์โดย นาว : [3 เม.ย. 2568 (20:21 น.)]
อ่าน [96] ไอพี : 184.22.44.69
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
Advertisement

 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 10,759 ครั้ง
สมองที่ไร้ข้อมูล ความรู้และความคิด
สมองที่ไร้ข้อมูล ความรู้และความคิด

เปิดอ่าน 15,045 ครั้ง
สมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 20 ใช้พระนาม "สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ"
สมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 20 ใช้พระนาม "สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ"

เปิดอ่าน 27,918 ครั้ง
ดาวน์โหลดเอกสารมาตรฐานห้องสมุดโรงเรียน ฉบับใหม่ ปี 2556
ดาวน์โหลดเอกสารมาตรฐานห้องสมุดโรงเรียน ฉบับใหม่ ปี 2556

เปิดอ่าน 13,991 ครั้ง
ครูแท้แพ้ไม่เป็น ตอนที่1
ครูแท้แพ้ไม่เป็น ตอนที่1

เปิดอ่าน 89,364 ครั้ง
หลักการใช้ Verb to have
หลักการใช้ Verb to have

เปิดอ่าน 23,150 ครั้ง
เผด็จการคืออะไร
เผด็จการคืออะไร

เปิดอ่าน 117,843 ครั้ง
ฟุตซอล(Futsal):  กติกาข้อ 8  ระยะเวลาของการแข่งขัน
ฟุตซอล(Futsal): กติกาข้อ 8 ระยะเวลาของการแข่งขัน

เปิดอ่าน 15,140 ครั้ง
เผยทีเด็ดชนะใจสาวอย่างง่ายที่สุด เล่าเรื่องตลกที่ ตัวเองหน้าแตก
เผยทีเด็ดชนะใจสาวอย่างง่ายที่สุด เล่าเรื่องตลกที่ ตัวเองหน้าแตก

เปิดอ่าน 17,620 ครั้ง
ชาวเน็ตร่วมพิสูจน์! คลิปพญานาคโผล่เล่นน้ำสกลนคร...จริงหรือ?
ชาวเน็ตร่วมพิสูจน์! คลิปพญานาคโผล่เล่นน้ำสกลนคร...จริงหรือ?

เปิดอ่าน 13,267 ครั้ง
หลักเกณฑ์ฯ เลื่อนวิทยฐานะครูใหม่ : ยิ่งแก้ ยิ่งวน
หลักเกณฑ์ฯ เลื่อนวิทยฐานะครูใหม่ : ยิ่งแก้ ยิ่งวน

เปิดอ่าน 12,957 ครั้ง
โรคกระดูกพรุน..ภัยเงียบที่คาดไม่ถึง
โรคกระดูกพรุน..ภัยเงียบที่คาดไม่ถึง

เปิดอ่าน 62,477 ครั้ง
ไอเดียทำธุรกิจแบบอินดี้ ทำก่อน รวยก่อน!
ไอเดียทำธุรกิจแบบอินดี้ ทำก่อน รวยก่อน!

เปิดอ่าน 14,059 ครั้ง
"นักวิทย์-นักคิด" ผู้ทรงอิทธิพลใน TIME 100
"นักวิทย์-นักคิด" ผู้ทรงอิทธิพลใน TIME 100

เปิดอ่าน 15,428 ครั้ง
ความลับของการเลี้ยงลูก พ่อแม่ยุคนี้ ช่วยสละเวลาสัก 2 นาที อ่านหน่อยเถอะ
ความลับของการเลี้ยงลูก พ่อแม่ยุคนี้ ช่วยสละเวลาสัก 2 นาที อ่านหน่อยเถอะ

เปิดอ่าน 19,117 ครั้ง
เผยวิธีหุงข้าว ที่กินแล้วไม่อ้วน
เผยวิธีหุงข้าว ที่กินแล้วไม่อ้วน

เปิดอ่าน 37,727 ครั้ง
"สาสน์" "สาส์น" และ "สาร"
"สาสน์" "สาส์น" และ "สาร"
เปิดอ่าน 11,738 ครั้ง
เทคนิคการเรียนรู้ของไฟยน์แมน (Feynman Learning Technique)
เทคนิคการเรียนรู้ของไฟยน์แมน (Feynman Learning Technique)
เปิดอ่าน 46,669 ครั้ง
ประกาศ สพฐ.หลักเกณฑ์ อัตรา และวิธีการนำเงินรายได้สถานศึกษาไปจ่ายเป็นค่าใช้จ่ายในสถานศึกษา
ประกาศ สพฐ.หลักเกณฑ์ อัตรา และวิธีการนำเงินรายได้สถานศึกษาไปจ่ายเป็นค่าใช้จ่ายในสถานศึกษา
เปิดอ่าน 66,448 ครั้ง
ทำไมเครื่องบินกระดาษจึงบินได้
ทำไมเครื่องบินกระดาษจึงบินได้
เปิดอ่าน 3,282 ครั้ง
เปิดทริกเพิ่ม "ไอคิว" ลูก เริ่มได้ตั้งแต่ตั้งครรภ์-กินนมแม่-เล่นอิสระ
เปิดทริกเพิ่ม "ไอคิว" ลูก เริ่มได้ตั้งแต่ตั้งครรภ์-กินนมแม่-เล่นอิสระ

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
โครงการบ้านเชียงใหม่
บ้านเชียงใหม่
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.

Thailand Web Stat

Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ