ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
Advertisement

การพัฒนารูปแบบการนิเทศที่ส่งเสริมสมรรถนะด้านการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ในชั้นเรียนของครู ในสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา

ชื่อเรื่อง การพัฒนารูปแบบการนิเทศที่ส่งเสริมสมรรถนะด้านการวัดและประเมินผลการเรียนรู้

ในชั้นเรียนของครู ในสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา

ผู้วิจัย จักรพงษ์ พร่องพรมราช

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาองค์ประกอบ สภาพ ความต้องการจำเป็น และแนวทางการนิเทศที่ส่งเสริมสมรรถนะด้านการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ในชั้นเรียนของครู ในสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา 2) เพื่อพัฒนารูปแบบและคู่มือการใช้รูปแบบการนิเทศที่ส่งเสริมสมรรถนะด้านการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ในชั้นเรียนของครู ในสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา 3) ศึกษาผลการใช้รูปแบบการนิเทศที่ส่งเสริมสมรรถนะด้านการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ในชั้นเรียนของครู ในสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา และ 4) ประเมินรูปแบบการนิเทศที่ส่งเสริมสมรรถนะด้านการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ในชั้นเรียนของครู ในสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา มีขั้นตอนการวิจัย 4 ขั้นตอน ได้แก่ ขั้นตอนที่ 1 การศึกษาองค์ประกอบ สภาพ ความต้องการจำเป็น และแนวทางการนิเทศที่ส่งเสริมสมรรถนะด้านการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ในชั้นเรียนของครู ในสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา แบ่งเป็น 4 ขั้นย่อย ได้แก่ ขั้นที่ 1.1 สังเคราะห์องค์ประกอบของสมรรถนะด้านการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ในชั้นเรียนของครู ในสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา เครื่องมือที่ใช้ใน การวิจัย ได้แก่ แบบบันทึกการสังเคราะห์เอกสาร การวิเคราะห์ข้อมูลโดยการวิเคราะห์เชิงเนื้อหา ขั้นที่ 1.2 ตรวจสอบความตรงเชิงโครงสร้างขององค์ประกอบและตัวบ่งชี้สมรรถนะด้านการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ในชั้นเรียนของครู ในสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา กลุ่มตัวย่าง คือ ครู ในโรงเรียนสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา จำนวน 500 คน โดยการสุ่มตัวอย่างแบบแบ่งชั้น เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบสอบถามเกี่ยวกับองค์ประกอบและตัวบ่งชี้สมรรถนะด้านการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ในชั้นเรียนของครู ในสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา การวิเคราะห์ข้อมูลโดยการวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยัน (CFA) ขั้นที่ 1.3 ศึกษาสภาพ และความต้องการจำเป็นในการพัฒนาสมรรถนะด้านการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ในชั้นเรียนของครู ในสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา กลุ่มตัวอย่าง คือ ครู ในโรงเรียนสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา จำนวน 310 คน โดยการสุ่มตัวอย่างแบบแบ่งชั้นเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบสอบถามสภาพปัจจุบัน และสภาพที่พึงประสงค์ของสมรรถนะด้านการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ในชั้นเรียนของครู ในสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา การวิเคราะห์ข้อมูลโดยการหาค่าดัชนีความต้องการจำเป็นแบบปรับปรุง (Priority Need Index : PNImodified) ขั้นที่ 1.4 ศึกษาแนวทางการนิเทศที่ส่งเสริมสมรรถนะด้านการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ในชั้นเรียนของครู ในสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา กลุ่มผู้ให้ข้อมูล ได้แก่ ผู้ทรงคุณวุฒิจำนวน 5 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย แบบสัมภาษณ์แนวทางการนิเทศที่ส่งเสริมสมรรถนะด้านการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ในชั้นเรียนของครู ในสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา การวิเคราะห์ข้อมูลโดยการวิเคราะห์เชิงเนื้อหา ขั้นตอนที่ 2 พัฒนารูปแบบและคู่มือ การใช้การนิเทศที่ส่งเสริมสมรรถนะด้านการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ในชั้นเรียนของครู ในสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา แบ่งเป็น 4 ขั้นย่อย ได้แก่ ขั้นที่ 2.1 ยกร่างรูปแบบและคู่มือการใช้การนิเทศที่ส่งเสริมสมรรถนะด้านการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ในชั้นเรียนของครู ในสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา โดยการประชุมเชิงปฏิบัติการ ซึ่งมีผู้เข้าร่วมประชุมเชิงปฏิบัติการ จำนวน 10 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบบันทึกร่างรูปแบบและคู่มือการใช้การนิเทศที่ส่งเสริมสมรรถนะด้านการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ในชั้นเรียนของครู ในสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา การวิเคราะห์ข้อมูลโดยการวิเคราะห์เชิงเนื้อหา ขั้นที่ 2.2 ตรวจสอบร่างรูปแบบและคู่มือการใช้รูปแบบการนิเทศที่ส่งเสริมสมรรถนะด้านการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ในชั้นเรียนของครู ในสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา โดยการสนทนากลุ่ม (Focus Group) กลุ่มผู้ให้ข้อมูล ได้แก่ ผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 9 คน โดยการเลือกแบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย 1) ประเด็นการสนทนากลุ่ม 2) แบบประเมินความเหมาะสมของรูปแบบการนิเทศ และ 3) แบบประเมินความเหมาะสมของคู่มือการใช้รูปแบบการนิเทศ การวิเคราะห์ข้อมูลโดยคำนวณหาค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์เนื้อหา ขั้นที่ 2.3 ปรับปรุงร่างรูปแบบและคู่มือ การใช้รูปแบบการนิเทศที่ส่งเสริมสมรรถนะด้านการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ในชั้นเรียนของครู ในสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา แหล่งข้อมูล ได้แก่ ข้อเสนอแนะของผู้ทรงคุณวุฒิจากการสนทนากลุ่ม ในขั้นที่ 2.2 เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบบันทึกการปรับปรุงร่างรูปแบบและคู่มือการใช้รูปแบบการนิเทศที่ส่งเสริมสมรรถนะด้านการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ในชั้นเรียน ของครู ในสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา การวิเคราะห์ข้อมูลโดยการวิเคราะห์เนื้อหา ขั้นที่ 2.4 ทดลองนำร่องการใช้รูปแบบการนิเทศที่ส่งเสริมสมรรถนะด้านการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ในชั้นเรียนของครู ในสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา กลุ่มเป้าหมายในการทดลองนำร่อง คือ โรงเรียนจำนวน 4 โรงเรียน ประกอบด้วย โรงเรียนขนาดใหญ่พิเศษ โรงเรียนขนาดใหญ่ โรงเรียนขนาดกลาง และโรงเรียนขนาดเล็ก ในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2567 ซึ่งมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมการนิเทศ ดังนี้ 1) ผู้ทรงคุณวุฒิ ประกอบด้วย ผู้อำนวยการสถานศึกษาหรือผู้แทน หัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ และศึกษานิเทศก์ จำนวน 25 คน 2) ครู จำนวน 20 คน และ 3) เพื่อนคู่คิดร่วมพัฒนางาน โดยเลือกทั้งครูในกลุ่มสาระการเรียนรู้เดียวกันหรือต่างกลุ่มสาระการเรียนรู้ จำนวน 20 คน รวมผู้เข้าร่วมกิจกรรมนิเทศ จำนวน 65 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) คู่มือการใช้รูปแบบการนิเทศ 2) แบบประเมินสมรรถนะด้านการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ในชั้นเรียนของครู และ 3) แบบสอบถามความพึงพอใจต่อการใช้ รูปแบบการนิเทศที่ส่งเสริมสมรรถนะด้านการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ในชั้นเรียนของครู ในสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา การวิเคราะห์ข้อมูลโดยการหาค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และทดสอบสถิติทีแบบกลุ่มเดียวกับเกณฑ์ ขั้นตอนที่ 3 ศึกษาผลการใช้รูปแบบการนิเทศที่ส่งเสริมสมรรถนะด้านการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ในชั้นเรียนของครู ในสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา กลุ่มเป้าหมายในการใช้รูปแบบการนิเทศ คือ โรงเรียนในสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา จำนวน 54 โรงเรียน ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2567 ซึ่งมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมการนิเทศ ดังนี้ 1) ผู้ทรงคุณวุฒิ ประกอบด้วย ผู้อำนวยการสถานศึกษาหรือผู้แทน หัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ และผู้วิจัยในฐานะศึกษานิเทศก์ จำนวน 325 คน 2) ครู จำนวน 270 คน และ 3) เพื่อนคู่คิดร่วมพัฒนางาน โดยเลือกทั้งครูในกลุ่มสาระการเรียนรู้เดียวกันหรือต่างกลุ่มสาระการเรียนรู้ จำนวน 270 คน รวมผู้เข้าร่วมกิจกรรมนิเทศ จำนวน 865 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) คู่มือการใช้รูปแบบการนิเทศ 2) แบบประเมินสมรรถนะด้านการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ในชั้นเรียนของครู การวิเคราะห์ข้อมูลโดยการหาค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และทดสอบสถิติทีแบบกลุ่มเดียวกับเกณฑ์ ขั้นตอนที่ 4 ประเมินรูปแบบการนิเทศที่ส่งเสริมสมรรถนะด้านการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ในชั้นเรียนของครู ในสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา กลุ่มเป้าหมาย คือ ครู ในโรงเรียนสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา จำนวน 270 คน ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2567 ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายที่ผ่านการใช้รูปแบบการนิเทศในภาคสนามมาแล้ว เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบประเมินประสิทธิภาพของรูปแบบการนิเทศที่ส่งเสริมสมรรถนะด้านการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ในชั้นเรียนของครู ในสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา การวิเคราะห์ข้อมูลโดยการหาค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน

ผลการวิจัยพบว่า

1. ผลการศึกษาองค์ประกอบ สภาพ ความต้องการจำเป็น และแนวทางการนิเทศที่ส่งเสริมสมรรถนะด้านการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ในชั้นเรียนของครู ในสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา พบว่า 1) องค์ประกอบและตัวบ่งชี้สมรรถนะด้านการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ในชั้นเรียนของครู ในสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ประกอบด้วย 4 ด้าน 29 ตัวบ่งชี้ ได้แก่ องค์ประกอบที่ 1 การวางแผนและออกแบบการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ในชั้นเรียน จำนวน 6 ตัวบ่งชี้ องค์ประกอบที่ 2 การประเมินตามสภาพจริง จำนวน 11 ตัวบ่งชี้ องค์ประกอบที่ 3 การสร้างและหาคุณภาพแบบทดสอบ จำนวน 4 ตัวบ่งชี้ และองค์ประกอบที่ 4 การรายงานและนำผลประเมินไปใช้ใน การพัฒนาผู้เรียน จำนวน 8 ตัวบ่งชี้ 2) โมเดลสมรรถนะด้านการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ในชั้นเรียนของครู ในสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา มีความสอดคล้องกับข้อมูลเชิงประจักษ์ โดยมีค่า Chi-Square= 172.03, df = 182,p = 0.69, Chi-Square/ df = 0.94, RMSER = 0.00, , GFI = 0.99, AGFI = 0.99 3) ความต้องการจำเป็นในการพัฒนาสมรรถนะด้านการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ในชั้นเรียนของครู ในสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา มีดัชนีความต้องการจำเป็นแบบปรับปรุงมีค่าอยู่ระหว่าง 0.479 – 0.562 สามารถเรียงลำดับความสำคัญของความต้องการจำเป็นจากมากไปหาน้อย ได้ดังนี้ ลำดับที่ 1 การสร้างและหาคุณภาพแบบทดสอบ (PNI = 0.562) ลำดับที่ 2 การรายงานและนำผลประเมินไปใช้ในการพัฒนาผู้เรียน (PNI = 0.552) ลำดับที่ 3 การประเมินตามสภาพจริง (PNI = 0.509) และลำดับที่ 4 การวางแผนและออกแบบการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ในชั้นเรียน (PNI = 0.479) และ 4) แนวทางการนิเทศที่เสริมสร้างสมรรถนะด้าน การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ในชั้นเรียนของครู ในสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา มีดังนี้ 1) ร่วมกันศึกษา สภาพ และความต้องการจำเป็น 2) กำหนดเป้าหมายในการพัฒนาครู ออกแบบแผนการนิเทศที่สอดคล้องกับความต้องการของครู 3) กำหนดปฏิทินการนิเทศ พัฒนาสื่อการนิเทศ เครื่องมือนิเทศ ติดตาม ใช้เครื่องมือการนิเทศ 4) การกำหนดกำหนดโครงสร้างองค์กร มอบหมายภาระงานที่รับผิดชอบ 5) พัฒนาหลักสูตรฝึกอบรมเพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจ 6) ใช้กระบวนการชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (PLC) การพัฒนาบทเรียนร่วมกัน (Lesson Study) เน้นการสะท้อนผล แลกเปลี่ยนเรียนรู้อย่างเป็นกัลยาณมิตร 7) การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างครูแบบเป็นกันเอง เพื่อให้ครูสามารถปรึกษาพูดคุยกันได้ ครูให้ความช่วยเหลือเกื้อกูลกันในการทำงานและร่วมกันแก้ปัญหาต่าง ๆ 8) ควรมีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้แนวปฏิบัติที่ดีเกี่ยวกับการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ในชั้นเรียนของครู 9) ให้ความสำคัญการนิเทศภายในและพัฒนาให้เป็นระบบ และ 10) มีการกำกับ ติดตาม และประเมินจากหน่วยงานต้นสังกัด

2. รูปแบบการนิเทศที่เสริมสร้างสมรรถนะด้านการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ในชั้นเรียนของครู ในสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา พบว่า มี 5 องค์ประกอบ คือ หลักการ จุดมุ่งหมาย เนื้อหา กระบวนการ และการประเมินผล โดยกระบวนการนิเทศตามรูปแบบมีชื่อว่า 6S-5C มี 6 ขั้นตอน โดยแต่ละขั้นตอนใช้กระบวนการชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพผ่านการพัฒนาบทเรียนร่วมกัน ได้แก่ 1) การตรวจสอบสภาพการทำงาน (Scan : S1) 2) การกำหนดกลยุทธ์ (Set Strategies : S2) 3) การปฏิบัติการนิเทศ (Start to Implement : S3) 4) การประเมินผล (Summative Assessment : S4) 5) การแลกเปลี่ยนเรียนรู้และเสริมพลัง (Share and Empowerment : S5) และ 6) การสรุปและรายงานผล (Summarize : S6) ผลการประเมินความเหมาะสมของรูปแบบและคู่มือการใช้รูปแบบการนิเทศจากผู้ทรงคุณวุฒิ พบว่า รูปแบบและคู่มือการใช้รูปแบบการนิเทศมีความเหมาะสมในระดับมากที่สุด และผลการทดลองนำร่องการใช้รูปแบบการนิเทศ พบว่า หลังการใช้รูปแบบการนิเทศ ครูมีสมรรถนะด้านการวัดและประเมินผลการเรียนรู้นชั้นเรียน สูงกว่าเกณฑ์ร้อยละ 80 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 และครูมีความพึงพอใจต่อการใช้รูปแบบการนิเทศในระดับมากที่สุด

3. ผลการใช้รูปแบบการนิเทศที่เสริมสร้างสมรรถนะด้านการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ในชั้นเรียนของครู ในสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา พบว่า หลังการใช้รูปแบบ ครูมีสมรรถนะด้านการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ในชั้นเรียน สูงกว่าเกณฑ์ร้อยละ 80 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01

4. ผลการประเมินประสิทธิภาพของรูปแบบการนิเทศที่ส่งเสริมสมรรถนะด้านการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ในชั้นเรียนของครู ในโรงเรียนสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา โดยรวม มีประสิทธิภาพมากที่สุด เมื่อพิจารณารายด้าน พบว่า ด้านความเป็นไปได้และความเป็นประโยชน์อยู่ในระดับมากที่สุด

โพสต์โดย จักรพงษ์ พร่องพรมราช : [31 มี.ค. 2568 (13:00 น.)]
อ่าน [60264] ไอพี : 184.82.184.27
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
Advertisement

 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 20,667 ครั้ง
อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง
อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง

เปิดอ่าน 7,349 ครั้ง
เครื่องหมาย ฯลฯ (ไปยาลใหญ่ หรือ เปยยาลใหญ่)
เครื่องหมาย ฯลฯ (ไปยาลใหญ่ หรือ เปยยาลใหญ่)

เปิดอ่าน 22,005 ครั้ง
Adjectives(article) คำนามที่ไม่ต้องใช้ article
Adjectives(article) คำนามที่ไม่ต้องใช้ article

เปิดอ่าน 13,671 ครั้ง
วิธีขับสารพิษด้วยการหายใจ
วิธีขับสารพิษด้วยการหายใจ

เปิดอ่าน 10,822 ครั้ง
ท่องเที่ยวอย่างไรให้สบายเท้า
ท่องเที่ยวอย่างไรให้สบายเท้า

เปิดอ่าน 11,349 ครั้ง
พฤติกรรมทำร้ายกระดูกสันหลัง
พฤติกรรมทำร้ายกระดูกสันหลัง

เปิดอ่าน 28,562 ครั้ง
แมงมุม
แมงมุม

เปิดอ่าน 10,291 ครั้ง
6 ไอเดียเด็ดสื่อรักให้แม่ แบบไม่ต้องออกนอกกรุง
6 ไอเดียเด็ดสื่อรักให้แม่ แบบไม่ต้องออกนอกกรุง

เปิดอ่าน 14,550 ครั้ง
สูด "ควันบุหรี่มือสอง" แค่ 30 นาทีมีสิทธิเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจ
สูด "ควันบุหรี่มือสอง" แค่ 30 นาทีมีสิทธิเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจ

เปิดอ่าน 34,534 ครั้ง
FOCUS ประเด็นจาก PISA : การศึกษาเวียดนาม: ทำไมนักเรียนจึงมีผลการประเมินสูง
FOCUS ประเด็นจาก PISA : การศึกษาเวียดนาม: ทำไมนักเรียนจึงมีผลการประเมินสูง

เปิดอ่าน 36,107 ครั้ง
ตำนานเมืองสุรินทร์
ตำนานเมืองสุรินทร์

เปิดอ่าน 13,663 ครั้ง
แบบฝึกเพื่อพัฒนาทักษะการคิดเลขเร็ว ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-3
แบบฝึกเพื่อพัฒนาทักษะการคิดเลขเร็ว ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-3

เปิดอ่าน 19,351 ครั้ง
แอบดูไลน์ เป็นไปได้หรือไม่
แอบดูไลน์ เป็นไปได้หรือไม่

เปิดอ่าน 18,177 ครั้ง
"แก่นตะวัน" สมุนไพรที่คนไทยควรรู้จักพืชเพื่อสุขภาพ-เป็นพลังงานทดแทน
"แก่นตะวัน" สมุนไพรที่คนไทยควรรู้จักพืชเพื่อสุขภาพ-เป็นพลังงานทดแทน

เปิดอ่าน 21,053 ครั้ง
เพราะมาก "ไสว่าสิบ่ถิ่มกัน" เวอร์ชั่นนักเรียนร้องประสานเสียง
เพราะมาก "ไสว่าสิบ่ถิ่มกัน" เวอร์ชั่นนักเรียนร้องประสานเสียง

เปิดอ่าน 32,055 ครั้ง
คู่มือประเมินสมรรถนะสำคัญของผู้เรียนฯ ตามหลักสูตรแกนกลางฯ 2551 ชั้นม. 6
คู่มือประเมินสมรรถนะสำคัญของผู้เรียนฯ ตามหลักสูตรแกนกลางฯ 2551 ชั้นม. 6
เปิดอ่าน 18,515 ครั้ง
eco car เทรนด์ใหม่ รถเล็ก ประหยัดพลังงาน
eco car เทรนด์ใหม่ รถเล็ก ประหยัดพลังงาน
เปิดอ่าน 15,249 ครั้ง
นวดกดจุดบนใบหน้า ทางเลือกแก้นอนไม่หลับในผู้สูงอายุ
นวดกดจุดบนใบหน้า ทางเลือกแก้นอนไม่หลับในผู้สูงอายุ
เปิดอ่าน 16,447 ครั้ง
ตักขี้ควายขายรายได้เดือนละ 2 หมื่น
ตักขี้ควายขายรายได้เดือนละ 2 หมื่น
เปิดอ่าน 33,056 ครั้ง
ล้างพิษตับ ขับสารพิษ...เทรนด์สุขภาพสุดฮิต พ.ศ. นี้
ล้างพิษตับ ขับสารพิษ...เทรนด์สุขภาพสุดฮิต พ.ศ. นี้

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
ติวสอบ GED
ติวสอบ SAT
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ