การพัฒนาการจัดการเรียนรู้ด้วยการเปิดชั้นเรียน (Lesson Study) วิชาฟิสิกส์ เรื่อง การหาค่าดัชนีหักเหของแท่งแก้ว ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5
1. ความสำคัญของวิธีปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practice)
การจัดการเรียนรู้วิชาฟิสิกส์ในปัจจุบันยังคงเผชิญกับปัญหาหลายประการ เช่น นักเรียนขาดความเข้าใจเชิงลึกเกี่ยวกับแนวคิดทางฟิสิกส์ การเรียนการสอนที่เน้นการท่องจำมากกว่าการสร้างความเข้าใจผ่านการปฏิบัติจริง และขาดการบูรณาการเทคนิคการสอนที่ส่งเสริมการคิดวิเคราะห์และการแก้ปัญหา นอกจากนี้ ครูบางส่วนยังขาดแนวทางในการพัฒนาและปรับปรุงการสอนให้เหมาะสมกับผู้เรียน
หนึ่งในหัวข้อที่มักพบปัญหาคือ "การหาค่าดัชนีหักเหของแท่งแก้ว" ซึ่งเป็นแนวคิดที่เกี่ยวข้องกับหลักการหักเหของแสง นักเรียนมักสับสนเกี่ยวกับวิธีการทดลอง การวัดค่า และการนำหลักการไปใช้ในสถานการณ์จริง
การจัดการเรียนรู้โดยการเปิดชั้นเรียน Lesson Study เป็นกระบวนการที่สำคัญในการพัฒนาและปรับปรุงกระบวนการเรียนรู้อย่างเป็นระบบ กิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง การหาค่าดัชนีหักเหของแท่งแก้ว ผ่านกระบวนการเรียนรู้เชิงรุกที่นักเรียนได้สังเกต ทดลอง และสะท้อนคิดร่วมกัน เป็นการจัดการเรียนรู้ที่ผ่านกระบวนการ PLC – LS ที่ช่วยให้นักเรียนสามารถเข้าใจแนวคิดทางฟิสิกส์เชิงลึก การเรียนรู้แบบนี้ช่วยส่งเสริมการคิดวิเคราะห์ การแก้ปัญหา และการพัฒนาทักษะทางวิทยาศาสตร์ของนักเรียน โดยมีการทำงานร่วมกันระหว่างครูเพื่อพัฒนาและปรับปรุงแนวทางการสอนอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังช่วยสร้างวัฒนธรรมการเรียนรู้ในชุมชนวิชาชีพครู และนำไปสู่การพัฒนาการศึกษาที่ยั่งยืน
2. วัตถุประสงค์และเป้าหมายของการดำเนินงาน
2.1 วัตถุประสงค์
1. เพื่อให้นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2567 จำนวน 58 คน มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง การหาค่าดัชนีหักเหของแท่งแก้ว รายวิชาฟิสิกส์ รหัสวิชา ว32203 เพิ่มขึ้น
2. เพื่อให้นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2567 จำนวน 58 คน สามารถเชื่อมโยงองค์ความรู้ลงมือปฏิบัติได้จริง เกิดทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ (การคิดขั้นสูง)
3. เพื่อให้นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2567 จำนวน 58 คน มีเจตคติที่ดีต่อการเรียนวิชาฟิสิกส์
2.2 เป้าหมาย
เชิงปริมาณ คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2567 จำนวน 58 คน
เชิงคุณภาพ คือ
- นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2567 ร้อยละ 70 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาฟิสิกส์ เรื่อง การหาค่าดัชนีหักเหของแท่งแก้ว รายวิชาฟิสิกส์ รหัสวิชา ว32203 สูงขึ้น
- นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2567 ร้อยละ 70 มีทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์สูงขึ้น สามารถเชื่อมโยงองค์ความรู้ลงมือปฏิบัติได้จริง
- นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2567 ร้อยละ 80 มีเจตคติที่ดีต่อการเรียนวิชาฟิสิกส์มากขึ้น
3. ขั้นตอนการดำเนินการวิธีปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practice)
1. การกำหนดเป้าหมายและวัตถุประสงค์ของการเรียนรู้
- วิเคราะห์หลักสูตรและมาตรฐานการเรียนรู้ของวิชาฟิสิกส์ เรื่อง การหักเหของแสง
- กำหนดเป้าหมายของการเรียนรู้ให้สอดคล้องกับระดับผู้เรียนและแนวคิดทางฟิสิกส์
- ระบุสมรรถนะของผู้เรียนที่ต้องการพัฒนา เช่น การคิดวิเคราะห์ การแก้ปัญหา และการประยุกต์ใช้ความรู้
2. การออกแบบแผนการจัดการเรียนรู้ร่วมกัน
- จัดตั้งทีมครูที่ประกอบด้วยครูฟิสิกส์และครูในกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์
- ศึกษาแนวคิดและทฤษฎีทางการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับการสอนฟิสิกส์
- ออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ที่เน้นการสืบเสาะหาความรู้ (Inquiry-based Learning) และการแก้ปัญหา (Problem-based Learning)
- กำหนดวิธีการวัดและประเมินผลที่สะท้อนถึงพัฒนาการของผู้เรียน
3. การนำแผนการจัดการเรียนรู้ไปใช้ในชั้นเรียน
- นำแผนการจัดการเรียนรู้ไปใช้จริงในชั้นเรียน โดยมีครูในทีมร่วมสังเกตการณ์
- ใช้เทคนิคการสอนที่เน้นการมีส่วนร่วมของผู้เรียน เช่น การทดลอง การอภิปราย และการใช้เทคโนโลยีเพื่อเสริมการเรียนรู้
- จัดทำบันทึกการสังเกตพฤติกรรมและปฏิสัมพันธ์ของนักเรียนระหว่างการเรียน
4. การสะท้อนผลและปรับปรุงการสอน
- หลังจากการสอนเสร็จสิ้น ทีมครูประชุมสะท้อนผล (Reflection) เพื่อวิเคราะห์ผลการจัดการเรียนรู้
- พิจารณาจุดแข็งและจุดที่ต้องปรับปรุงของแผนการจัดการเรียนรู้
- นำข้อเสนอแนะที่ได้ไปปรับปรุงแผนการจัดการเรียนรู้เพื่อใช้ในการจัดการเรียนรู้ครั้งต่อไป
5. การเผยแพร่และขยายผลแนวปฏิบัติที่ดี
- สรุปผลการดำเนินงานและจัดทำรายงานผลการเปิดชั้นเรียน (Lesson Study) ในการพัฒนาการจัดการเรียนรู้วิชาฟิสิกส์ เรื่อง การหาค่าดัชนีเหของแท่งแก้ว
- ส่งรายงานการเปิดชั้นเรียน (Lesson Study) เข้าสู่ระบบนิเทศ ของ สพม.สุรินทร์ เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกับครูและศึกษานิเทศก์คนอื่น
- ส่งเสริมการพัฒนาวัฒนธรรมการเรียนรู้ร่วมกันในโรงเรียนและชุมชนวิชาชีพครูฟิสิกส์
6. การพัฒนาต่อเนื่องและยั่งยืน
- สร้างชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (Professional Learning Community: PLC) เพื่อพัฒนาการจัดการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง
- ใช้ข้อมูลจากการประเมินผลเพื่อนำไปปรับปรุงการจัดการเรียนรู้ในระยะยาว
- นำข้อมูลมาทำวิจัยในชั้นเรียน (Classroom Action Research) เพื่อพัฒนาแนวทางการจัดการเรียนรู้ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
4. ผลการดำเนินงาน/ประโยชน์ที่ได้รับ
4.1 ผลที่เกิดกับผู้เรียน
1. ร้อยละ 82.76 ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2567 จำนวน 58 คน ที่เรียนในรายวิชาฟิสิกส์3 รหัสวิชา ว32203 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง การหาค่าดัชนีหักเหของแท่งแก้ว เพิ่มขึ้น
2. ร้อยละ 75.86 ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2567 จำนวน 58 คน ที่เรียนในรายวิชาฟิสิกส์3 รหัสวิชา ว32203 สามารถเชื่อมโยงองค์ความรู้ ลงมือปฏิบัติได้จริง เกิดทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ (การคิดขั้นสูง) ผ่านเกณฑ์ที่กำหนด
3. ร้อยละ 86.21 ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2567 จำนวน 58 คน ที่เรียนในรายวิชาฟิสิกส์3 รหัสวิชา ว32203 มีเจตคติที่ดีต่อการเรียนวิชาฟิสิกส์เพิ่มขึ้น
4.2 ผลที่เกิดกับสถานศึกษา
1. เป็นสถานศึกษาต้นแบบฝึกปฏิบัติการเรียนรู้ในสภาพจริงจาก สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานหลักสูตรการพัฒนาข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาตำแหน่งผู้บริหารสถานศึกษา
2. โรงเรียนสนมวิทยาคารได้รับรางวัลระดับดีเยี่ยม รองชนะเลิศอันดับที่ 2 การส่งเสริมครูด้านการจัดการเรียนรู้เชิงรุก Active Learning ด้วยเทคนิคหรือนวัตกรรมการจัดการเรียนรู้ผ่านกระบวนการ PLC – LS การคัดเลือกนวัตกรรม/วิธิปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practices) สพม.สุรินทร์ ประจำปีการศึกษา 2567
4.3 ประโยชน์ที่ได้รับ
1. ผู้เรียนเกิดทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และทักษะในศตวรรษที่ 21 ในการค้นคว้าและสร้างองค์ความรู้ได้ด้วยตนเองจากกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ เกิดทักษะการคิดสร้างสรรค์ การคิดอย่างมีวิจารณญาณ และการคิดแก้ปัญหา สามารถตัดสินใจและแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ
2. ครูผู้สอนพัฒนาตนเอง ปรับวิธีการจัดการเรียนการสอนให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของการศึกษา และเป็นแนวทางการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) สำหรับครูผู้สอน ตลอดจนบุคลากรทางการศึกษาที่สนใจนำแนวทางไปประยุกต์และพัฒนาต่อยอด
5. ปัจจัยความสำเร็จ
ปัจจัยที่ส่งผลต่อความสำเร็จของการดำเนินการจัดการเรียนรู้เชิงรุก Active leaning ผ่านกระบวนการพัฒนาชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (PLC) ร่วมกับการเปิดชั้นเรียน (LS ) รายวิชาฟิสิกส์3 รหัสวิชา ว32203 เรื่อง การหาค่าดัชนีหักเหของแท่งแก้ว ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2567 ซึ่งได้ดำเนินการเตรียมความพร้อมในการเตรียมสื่ออุปกรณ์การทดลองอย่างง่าย กิจกรรมการเรียนรู้ที่นักเรียนได้ลงมือปฏิบัติด้วยตนเอง นักเรียนมีความพร้อมในการเรียนรู้ มีความมุ่งมั่น ตั้งใจ ใฝ่เรียนรู้ และให้ความร่วมมือในการจัดการเรียนรู้ ครูผู้สอนมีความรับผิดชอบและมีความตระหนักเห็นความสำคัญของทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 มีประสิทธิภาพในการวัดประเมินผล นอกจากนี้ยังมีปัจจัยที่ทำให้การดำเนินกิจกรรมประสบความสำเร็จ ได้แก่
ผู้บริหาร มีวิสัยทัศน์ในการทำงาน เห็นความสำคัญ ส่งเสริม สนับสนุนการดำเนินกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง สม่ำเสมอ โดยมีการกำหนดแนวทางและการกำกับ ติดตาม นิเทศ การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ และพัฒนาบุคลากรอย่างเป็นรูปธรรมและต่อเนื่อง
ครูผู้สอน มีการส่งเสริมการเรียนรู้ แนะนำวิธีการที่ตรงตามความสามารถ มีความมุ่งมั่นและทำงานเป็นทีม
ผู้ปกครอง ให้ความร่วมมือในการดูแลช่วยเหลือนักเรียนอยู่ในการปกครอง
ด้านการบริหารจัดการองค์กร สถานศึกษามีการจัดการองค์กร โครงสร้างระบบการบริหารงานและการพัฒนาองค์กรอย่างเป็นระบบ ครบวงจร มีการบริหารและการจัดการศึกษาโดยใช้สถานศึกษาเป็นฐาน มีการจัดหลักสูตรและกระบวนการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ
6. บทเรียนที่ได้รับ
1. นักเรียนสามารถเชื่อมโยงองค์ความรู้ ได้ลงมือปฏิบัติจริง เกิดทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ (การคิดขั้นสูง)
2.ครูผู้สอนได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้กับคณะครูกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเกี่ยวกับแนวทางการแก้ปัญหาโดยใช้กระบวนการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (Inquiry Process : 5Es) การทดลองทางวิทยาศาสตร์ และการใช้ปัญหาเป็นฐาน (Problem Based Learning)
3. แนวทางการพัฒนาเพิ่มเติม เพื่อให้นวัตกรรมประสบความสำเร็จมากยิ่งขึ้น คือ การที่ครูนั้นได้เพิ่มเติมกิจกรรมการเรียนรู้ หรือสื่อนวัตกรรมให้เหมาะสมกับผู้เรียน โดยคำนึงถึงความก้าวหน้าทางความรู้ของผู้เรียน ผ่านความมุ่งมั่น มานะตั้งใจของครู โดยมีผู้บริหารคอยอำนวยการ และเพื่อนครูคอยสนับสนุนและส่งเสริมให้กำลังใจ
7. การเผยแพร่/การได้รับการยอมรับ/รางวัลที่ได้รับ
7.1 การเผยแพร่
1. เผยแพร่บทความทางวิชาการเข้าร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ภายใต้โครงการ OBEC Fair Share and Learn : จากผลงานสู่การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ “เรียนดี มีความสุข” ปีพุทธศักราช 2567
2. การคัดเลือกนวัตกรรม/วิธีปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practices) ในหัวข้อ การส่งเสริมครูด้านการจัดการเรียนรู้เชิงรุก Active Learning ด้วยเทคนิคหรือนวัตกรรมการจัดการเรียนรู้ผ่านกระบวนการ PLC – LS จัดโดยสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาสุรินทร์ ประจำปีการศึกษา 2567
7.2 การได้รับการยอมรับ/รางวัลที่ได้รับ
1. ได้รับการยกย่องจากคุรุสภาในตำแหน่ง Model Teacher โครงการการสร้างเครือข่ายพัฒนาสมรรถนะครูในการจัดการเรียนรู้เชิงรุก โดยใช้กระบวนการชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ ผ่านการพัฒนาบทเรียนร่วมกัน “ภายใต้กิจกรรมพัฒนาวิชาชีพแบบชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (Professional Learning Community : PLC) ประจำปี 2567
2. ได้รับเกียรติบัตรผลงานจาก สพฐ. ภายใต้โครงการ OBEC Fair Share and Learn : จากผลงานสู่การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ “เรียนดี มีความสุข” ปีพุทธศักราช 2567
3. ได้รับเกียรติบัตรรางวัลสุดยอดครูระดับมัธยมศึกษา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ประจำปีการศึกษา 2567 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สาขาวิชาฟิสิกส์
4. โรงเรียนสนมวิทยาคารได้รับรางวัลระดับดีเยี่ยม รองชนะเลิศอันดับที่ 2 การส่งเสริมครูด้านการจัดการเรียนรู้เชิงรุก Active Learning ด้วยเทคนิคหรือนวัตกรรมการจัดการเรียนรู้ผ่านกระบวนการ PLC – LS การคัดเลือกนวัตกรรม/วิธิปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practices) สพม.สุรินทร์ ประจำปีการศึกษา 2567