งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนด้านคำศัพท์ภาษาอังกฤษและความคงทนของความรู้ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 โดยประยุกต์ใช้ทฤษฎีความจำใช้งานของ Baddeley and Hitch ซึ่งมุ่งเน้นกลไกการเก็บรักษาและดึงข้อมูลจากหน่วยความจำระยะสั้นและระยะยาวอย่างมีประสิทธิภาพ การศึกษานี้มีพื้นฐานจากปัญหาที่พบว่า นักเรียนในระดับประถมศึกษายังคงมีข้อจำกัดในการจดจำและนำคำศัพท์ภาษาอังกฤษไปใช้ แม้ว่าจะมีการท่องจำคำศัพท์เป็นประจำ แต่ยังขาดกลยุทธ์ที่ช่วยเสริมสร้างการจดจำในระยะยาว
การวิจัยนี้เป็นการทดลองเชิงปฏิบัติการที่ดำเนินการกับกลุ่มตัวอย่างนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2/3 โรงเรียนบ้านเนินพลับหวาน อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี โดยออกแบบกระบวนการเรียนรู้ที่พัฒนาขึ้นจากทฤษฎีความจำใช้งาน มุ่งเน้นการฝึกฝนทักษะการจดจำผ่านกิจกรรมที่หลากหลาย เช่น การอ่านออกเสียงประกอบการใช้สื่อภาพ การฝึกเขียนคำศัพท์ และการทบทวนความจำ (Recall) เป็นระยะเพื่อกระตุ้นการดึงข้อมูลจากหน่วยความจำระยะยาว นักเรียนได้รับการทดสอบความสามารถด้านคำศัพท์ 2 ครั้ง ได้แก่ การทดสอบทันทีหลังจบบทเรียน และการทดสอบหลังผ่านไป 14 วัน เพื่อประเมินระดับความคงทนของความรู้
ผลการศึกษาพบว่า ในเชิงปริมาณ นักเรียนร้อยละ 78 สามารถผ่านการทดสอบการอ่านออกเสียงและบอกความหมายคำศัพท์ทันทีหลังจบบทเรียน และร้อยละ 72 ยังคงสามารถผ่านการทดสอบครั้งที่สองหลังจากผ่านไป 14 วัน แสดงให้เห็นว่ากระบวนการเรียนรู้ที่ออกแบบตามทฤษฎีความจำใช้งานสามารถส่งเสริมการจดจำคำศัพท์และเพิ่มระดับความคงทนของความรู้ได้อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ในเชิงคุณภาพ พบว่านักเรียนร้อยละ 83 มีทัศนคติที่ดีขึ้นต่อการเรียนภาษาอังกฤษ และมีความกระตือรือร้นในการเรียนรู้มากขึ้น อันเป็นผลจากแนวทางการสอนที่กระตุ้นการมีส่วนร่วมและการเรียนรู้เชิงลึก
งานวิจัยนี้สะท้อนให้เห็นว่า การประยุกต์ใช้ทฤษฎีความจำใช้งานสามารถช่วยพัฒนาทักษะการจดจำคำศัพท์ของนักเรียนระดับประถมศึกษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังเป็นแนวทางที่สามารถนำไปใช้ในการออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ที่สอดคล้องกับหลักการทางปริชานศาสตร์ (Cognitive Science) เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ที่ยั่งยืนและเพิ่มศักยภาพทางวิชาการของผู้เรียนในระยะยาว
คำสำคัญ: ทฤษฎีความจำใช้งาน, การจดจำคำศัพท์, ความคงทนของความรู้, การเรียนรู้เชิงปริชาน, การพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษ