การวิจัย รูปแบบการบริหารจัดการระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนที่ส่งผลต่อคุณภาพผู้เรียนของโรงเรียนนาอินวิทยาคม เป็นการวิจัยและพัฒนา (Research and Development) ซึ่งใช้วิธีวิจัยแบบผสมผสานระหว่างวิธีการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และวิธีการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research)
มีวัตถุประสงค์ 4 ข้อ ดังนี้ เพื่อศึกษาสภาพ และแนวทางการบริหารจัดการระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน สร้างรูปแบบการบริหารจัดการระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน
ทดลองใช้รูปแบบการบริหารจัดการระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน และประเมินรูปแบบการบริหารจัดการระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนที่ส่งผลต่อคุณภาพผู้เรียนของโรงเรียนนาอินวิทยาคม วิธีดำเนินการวิจัย 4 ขั้น ผู้วิจัยขอนำเสนอสรุปผลการวิจัย ดังนี้
1. ผลการศึกษาสภาพ และแนวทางจัดการระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนที่ส่งผลต่อคุณภาพผู้เรียนของโรงเรียนนาอินวิทยาคม แบ่งเป็น 2 ด้าน พบว่า 1. สภาพการบริหารจัดการระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนที่ส่งผลต่อคุณภาพผู้เรียนของโรงเรียนนาอินวิทยาคม ด้านการวางแผน ประกอบด้วย ด้านนโยบายการดำเนินงาน ผู้บริหาร ครู และคณะกรรมการสถานศึกษาขาดการมีส่วนร่วมกำหนดวิสัยทัศน์ของโรงเรียนที่ ด้านแนวทางการบริหารจัดการ ผู้บริหารไม่มีการวิเคราะห์สภาพปัญหา ขาดการมีส่วนร่วมของชุมชน ด้านข้อมูลสารสนเทศโรงเรียน ไม่มีข้อมูลสารสนเทศผลการดำเนินงานที่แสดงให้เห็นว่านักเรียนทุกคนได้รับการดูแล ขาดการจัดทำสรุปข้อมูลพร้อมทั้งรายงานผล ด้านการดำเนินงาน โรงเรียนขาดวิธีการและเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูลนักเรียนเป็นรายบุคคล ด้านความปลอดภัยในสถานศึกษา ไม่ดำเนินการเสริมสร้างความปลอดภัยให้แก่นักเรียน ภายใต้มาตรการ 3 ป และดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาความไม่ปลอดภัย ในสถานศึกษาครอบคลุมทั้ง 4 ภัย ด้านการเสริมสร้างทักษะชีวิต โรงเรียนมีข้อมูลที่แสดงว่านักเรียนมีพัฒนาการด้านพฤติกรรมที่ดีขึ้น ครูขาดการใช้พฤติกรรมเชิงบวกในการจัดการชั้นเรียน เสริมสร้าง ด้านการคุ้มครองนักเรียน โรงเรียนขาดการจัดการศึกษาด้วยรูปแบบที่เหมาะสม ครอบคลุม ทุกกลุ่มเป้าหมาย เด็กที่เสี่ยงและหลุดออกจากระบบ ด้านการสร้างภาคีเครือข่าย ไม่มีส่วนร่วมในการดูแลช่วยเหลือนักเรียน ด้านการส่งเสริมนิเทศติดตาม ด้านการส่งเสริมพัฒนาครู ผู้บริหารขาดการส่งเสริมครูและบุคลากรทางการศึกษาทุกคนให้ได้รับการพัฒนาความรู้ ความเข้าใจ เรื่องระบบการดูแล ช่วยเหลือนักเรียน ด้านการส่งเสริมนิเทศติดตาม โรงเรียนขาดการ การนิเทศติดตามการดำเนินงานระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน ด้านการประเมินผลการดำเนินงาน ครูไม่มี
วิธีการและเครื่องมือประเมินผลการดำเนินงาน ระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน ด้านการสรุปและรายงานผล ครูไม่จัดทำและรายงานข้อมูลนักเรียน ไม่มีการสรุปรายงานผลการดูแลช่วยเหลือนักเรียนต่อสาธารณชนการรายงานปัญหาด้านระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนที่พบต่อผู้บริหารอย่างทันท่วงที 2. ผลการศึกษาแนวการบริหารจัดการระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนที่ส่งผลต่อคุณภาพผู้เรียนของโรงเรียนนาอินวิทยาคม พบว่า ด้านการวางแผน มีการวางแผนด้านนโยบาย มีการประชุมแต่งตั้งคณะทำงานทีมนำ ทีมประสาน และทีมทำ ด้านแนวทางการบริหารจัดการ โรงเรียนมีรูปแบบการบริหารจัดการ และด้านข้อมูลสารสนเทศโรงเรียนจัดทำข้อมูลนักเรียนพร้อมนำไปใช้งานระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน ด้านการดำเนินงาน โรงเรียนดำเนินการระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน เก็บรวบรวมข้อมูลนักเรียนเป็นรายบุคคล ดำเนินการด้านความปลอดภัยในสถานศึกษา ด้านการเสริมสร้างทักษะชีวิต และด้านการคุ้มครองนักเรียน โรงเรียนมีการสร้างภาคีเครือข่าย ด้านการส่งเสริมนิเทศติดตาม มีการส่งเสริมพัฒนาครู การนิเทศติดตาม และการประเมินผลการดำเนินงาน ด้านการสรุปและรายงานผล จัดทำข้อสรุปรายงานผลการดูแลช่วยเหลือนักเรียนต่อสาธารณชนการรายงานปัญหาด้านระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนที่พบต่อผู้บริหารอย่างทันท่วงที
2. ผลการสร้างรูปแบบการบริหารจัดการระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนที่ส่งผลต่อคุณภาพผู้เรียนของโรงเรียนนาอินวิทยาคม พบว่า 1. ผลการยกร่างรูปแบบการบริหารจัดการระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนที่ส่งผลต่อคุณภาพผู้เรียนของโรงเรียนนาอินวิทยาคม ประกอบด้วย 5 ส่วน ดังนี้ ส่วนที่ 1 หลักการ ส่วนที่ 2 วัตถุประสงค์ ส่วนที่ 3 เงื่อนไข ส่วนที่ 4 การดำเนินงาน แยกเป็น 4 ขั้น ได้แก่ ขั้นที่ 1 วางแผนการ (Plan) ขั้นที่ 2 ดำเนินงานตามแผน (Do) ขั้นที่ 3 การส่งเสริมนิเทศติดตาม (Check) ขั้นที่ 4 การสรุปและรายงานผล (Act) และองค์ประกอบที่ 5 ผลการดำเนินงาน 2. ผลการประเมินความเหมาะสม และความสอดคล้องของร่างรูปแบบการบริหารจัดการระบบการดูแล
ช่วยเหลือนักเรียนที่ส่งผลต่อคุณภาพผู้เรียนของโรงเรียนนาอินวิทยาคม โดยผู้ทรงคุณวุฒิ ชุดที่ 1 ผู้ทรงคุณวุฒิ ชุดที่ 2 พบว่า ภาพรวม ผลการประเมินอยู่ในระดับมากที่สุด 3. ผลการประเมินความเป็นไปได้และเป็นประโยชน์ของรูปแบบการบริหารจัดการระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนที่ส่งผลต่อคุณภาพผู้เรียนของโรงเรียนนาอินวิทยาคม พบว่า โดยผู้บริหารสถานศึกษาและครู โรงเรียนบ้านโคนพิทยา โรงเรียนบ้านห้วยใต้ และโรงเรียนบ้านท่ามะปราง พบว่า ภาพรวม ผลการประเมินอยู่ในระดับมากที่สุด โดยครูผู้สอนโรงเรียนนาอินวิทยาคม พบว่า ภาพรวม ผลการประเมินอยู่ในระดับมากที่สุด และโดยผู้บริหารสถานศึกษาพบว่า ภาพรวมผลการประเมินอยู่ใน ระดับมากที่สุด
3. ผลการทดลองใช้รูปแบบการบริหารจัดการระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนที่ส่งผลต่อคุณภาพผู้เรียนของโรงเรียนนาอินวิทยาคม ปีการศึกษา 2566 พบว่า 1. ผลการบริหารจัดการระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนที่ส่งผลต่อคุณภาพผู้เรียน หลังการทดลองใช้รูปแบบการบริหารจัดการระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนที่ส่งผลต่อคุณภาพผู้เรียนของโรงเรียนนาอินวิทยาคม ภาพรวมมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด โดยพิจารณาแต่ละองค์ประกอบ ดังนี้ องค์ประกอบที่ 1 หลักการ ภาพรวมมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมากที่สุด องค์ประกอบที่ 2 วัตถุประสงค์ ภาพรวมมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมากที่สุด องค์ประกอบที่ 3 เงื่อนไข ภาพรวมมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมากที่สุด องค์ประกอบ
ที่ 4 การดำเนินงาน แบ่งออกเป็น 4 ขั้น ได้แก่ ขั้นการวางแผน (Plan) ขั้นการดำเนินงานตามแผน (DO) ขั้นการส่งเสริมนิเทศติดตาม (Check) ขั้นการสรุปและรายงานผล (Act) ซึ่งค่าเฉลี่ยทั้ง 4 ขั้น อยู่ในระดับมากที่สุด องค์ประกอบที่ 5 ผลการดำเนินงาน ภาพรวมมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมากที่สุด 2. ผลการศึกษาการศึกษาผลคุณภาพผู้เรียนหลังการทดลองใช้รูปแบบการบริหารจัดการระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนที่ส่งผลต่อคุณภาพผู้เรียนของโรงเรียนนาอินวิทยาคม ด้วยแบบตรวจสอบคุณภาพผู้เรียน 4 ด้าน ได้แก่ ผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ 8 ประการของผู้เรียนภาพรวมอยู่ในระดับดีมาก ผลการประเมินทักษะชีวิตของนักเรียน 4 ด้าน ภาพรวมอยู่ในระดับดีมาก
ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาพรวมอยู่ในระดับดีมาก และผลการทดสอบระดับชาติภาพรวมค่าเฉลี่ยสูงกว่าระดับประเทศ และผลที่ปรากฏต่อนักเรียน พบว่า ปีการศึกษา 2566 นักเรียนที่ได้รับการส่งเสริมพัฒนา ได้รับรางวัลระดับชาติและระดับเขตพื้นที่การศึกษา รวมผลงานที่มีความเป็นเลิศ 97 รายการ
4. ผลการประเมินความพึงพอใจของผู้เกี่ยวข้องที่มีต่อรูปแบบการบริหารจัดการระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนที่ส่งผลต่อคุณภาพผู้เรียนของโรงเรียนนาอินวิทยาคม ในภาพรวมพบว่า มีระดับความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อพบว่า มีระดับความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุดทุกรายการ