ความเป็นมา
การแก้ไขและป้องกันปัญหาเด็กตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควร
ปัจจุบันปัญหาเด็กตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควรเป็นปัญหาใหญ่มากสำหรับประเทศไทย ขณะนี้ประเทศไทยมีเด็กวัยรุ่นตั้งครรภ์ถือเป็นอันดับ ๒ ในประเทศแถบอาเซียน เรื่องนี้เป็นประเด็นที่สังคมหลายฝ่ายกำลังให้ความสนใจและเร่งทำการป้องกันแก้ไข โดยเฉพาะเมื่อเกิดปัญหาแล้ว การแก้ไขนั้นเป็นเรื่องที่ครอบครัวทั้งฝ่ายหญิงและฝ่ายชาย จะต้องร่วมกันรับผิดชอบเยียวยาแก้ไขและหาทางออกที่เหมาะสม โดยมุ่งเน้นประโยชน์สูงสุดสำหรับเด็กทั้งเด็กหญิงที่กำลังตั้งครรภ์และเด็กชายที่ร่วมการก่อกำเนิดทารก รวมทั้งเด็กทารกที่กำลังจะคลอดออกมา เนื่องจากเด็กที่กำลังตั้งครรภ์ ยังจำเป็นต้องเติบโตและพัฒนาในฐานะที่เป็นเด็กและเยาวชน ในขณะที่เด็กทารกก็ควรจะได้รับการเลี้ยงดูที่ดีเพียงพอที่จะทำให้เขาเติบโตและพัฒนาตามที่ควรจะเป็น
สภาวะที่เป็นอยู่ในปัจจุบันเมื่อเกิดปัญหา ผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้องมักหาทางออกด้วยการจับเด็กที่ตั้งครรภ์แต่งงานและอยู่กินฉันสามีภรรยากับฝ่ายชายที่มักจะเป็นเด็กด้วยกันทั้งสองฝ่าย ในความเป็นจริงการแต่งงานมิได้แก้ไขปัญหา เนื่องจากเด็กทั้งสองฝ่ายยังไม่มีวุฒิภาวะเพียงพอที่จะปฏิบัติหน้าที่ในฐานะสามีภริยารวมทั้งการเป็นพ่อแม่ ที่สำคัญคือพวกเขายังต้องพึ่งพิงผู้ปกครองในฐานะที่ยังเป็นเด็กจึงยังไม่อาจพึ่งตนเอง ยังต้องการเวลาและโอกาสอีกมาก ในการพัฒนาตนเองขึ้นมาจนสามารถพึ่งตนเองและเป็นที่พึ่งให้แก่สมาชิกคนอื่นๆในครอบครัว จนสามารถก่อกำเนิดครอบครัวใหม่แยกจากครอบครัวเดิมของตนทั้งเด็กหญิงเด็กชาย รวมทั้งยังต้องรับผิดชอบร่วมกันดูแลอีกชีวิตหนึ่งที่กำลังจะเกิดมา ดังนั้น ทางแก้ไขจึงควรจะพิจารณาถึง
1. ความรับผิดชอบของทั้งเด็กผู้หญิงและเด็กผู้ชาย ที่จะต้องร่วมกันรับผิดชอบอย่างไรบ้าง แม้ว่าจะไม่ได้แต่งงานกัน ในการผ่อนเบาภาระต่างๆของครอบครัวที่ตนยังต้องพึ่งพาพ่อแม่ พร้อมทั้งทุ่มเทเวลาและความสามารถในการพัฒนาตนเองด้านการศึกษาการฝึกอาชีพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจะต้องรับผิดชอบในการดูแลเลี้ยงดูทารกร่วมกันอย่างไร โดยมีครอบครัวและญาติพี่น้องของทั้งสองฝ่าย ร่วมกันให้ความสนับสนุนและช่วยเหลืออย่างเต็มกำลัง ช่วยถ่ายทอดทักษะที่จำเป็นต่อการเลี้ยงดูเด็กทารก หากสมาชิกในครอบครัวไม่อาจช่วยเหลือถ่ายทอดด้วยตนเอง จะต้องแสวงหาความช่วยเหลือจากผู้มีทักษะเชี่ยวชาญจากภายนอก ทั้งนี้หน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้องควรจะเข้าไปให้ความช่วยเหลือหรือแนะนำวิถีการดำเนินชีวิตของทั้งสองฝ่าย
2. ความรับผิดชอบของทั้งเด็กผู้หญิงและเด็กผู้ชาย รวมถึงครอบครัวของทั้งสองฝ่าย ในการแก้ไขผลกระทบที่ติดตามมาจากการทำให้ตั้งครรภ์ร่วมกันอย่างไร เช่น การดูแลสุขภาพอนามัยของเด็กในครรภ์และแม่วัยเด็ก การพยายามสร้างโอกาสและเงื่อนไขให้แม่วัยเด็กสามารถดำเนินชีวิตเรื่องการศึกษาการฝึกอาชีพต่อไปได้โดยไม่ติดขัด ร่วมกันแก้ไขปัญหาความกดดันจากสังคมที่มีต่อแม่ตั้งครรภ์ในวัยเด็ก การสร้างสภาพแวดล้อมทางสังคมที่ทำให้แม่วัยเด็กมีความรู้สึกผ่อนคลาย ไม่มีความทุกข์ความเครียดความกังวลโดยครอบครัวและญาติพี่น้องของทั้งสองฝ่าย ทั้งนี้เพื่อป้องกันไม่ให้ทารกในครรภ์มีปัญหาสุขภาพต่างๆเช่น ความพิการทั่วไปและความพิการทางสมอง รวมทั้งทำให้การเจริญเติบโตของทารกในครรภ์เฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนาสมองของทารกเป็นไปด้วยดี ทั้งนี้ฝ่ายชายต้องมีบทบาทสำคัญในเรื่องเหล่านี้เพราะการแสดงบทบาทหน้าที่ในเรื่องเหล่านี้ของฝ่ายชาย มีผลอย่างยิ่งในการคลี่คลายปัญหาดังกล่าวข้างต้น
3. ความรับผิดชอบต่อตนเองที่ต้องเร่งพัฒนาตนเพื่อสามารถพึ่งตนเองโดยเร็ว รวมทั้งสามารถเป็นที่พึ่งของเด็กทารกได้ด้วย ทั้งนี้เมื่อขณะก่อนการตั้งครรภ์ เด็กทั้งคู่มีแต่ภาระเฉพาะการพัฒนาตนขึ้นมาจนสามารถพึ่งตนเองและเป็นที่พึ่งให้แก่สมาชิกคนอื่นๆในครอบครัว หรืออาจรับผิดชอบช่วยลดภาระต่างๆของครอบครัวเท่าที่จะทำได้เท่านั้น แต่เมื่อให้กำเนิดเด็กทารกก็จะมีภาระเพิ่มขึ้นในการดูแลและเลี้ยงดูเด็กทารก เมื่อมีภาระเพิ่มขึ้นทั้งของตนเองและของครอบครัวเช่นนี้ก็จำเป็นต้องเร่งรัดการปฏิบัติหน้าที่ต่างๆให้หนักแน่นจริงจังมากขึ้น เพื่อลดระยะเวลาในการต้องเป็นภาระของคนอื่นๆให้สั้นที่สุดของทั้งสองฝ่าย หากยังมีความรักผูกพันระหว่างเด็กหญิงและเด็กชายไม่ใช่เพียงเรื่องความต้องการทางเพศ ย่อมถึงเวลาอันเหมาะสมที่เขาทั้งสองจะร่วมชีวิตกันเป็นสามีภริยาอย่างแท้จริง
4. รับการบำบัดและฝึกฝนที่จะสามารถจัดการกับอารมณ์เพศได้อย่างสร้างสรรค์ แทนการมีเพศสัมพันธ์ การมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควรนั้น จะทำให้ความสามารถในการควบคุมตนเองในเรื่องเพศเฉพาะอย่างยิ่งอารมณ์เพศกระทำได้ยากหรืออาจไม่ได้เลย เป็นเหตุให้เด็กขาดแรงจูงใจที่จะพัฒนาตนเองในด้านต่างๆหันมาหมกมุ่นแต่เรื่องเพศ มีงานวิจัยจำนวนมากชี้ให้เห็นว่าเด็กที่มีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร ส่วนมากจะไม่ประสบความสำเร็จในด้านการศึกษาและอาชีพการงาน ทั้งนี้เพราะขาดการพัฒนาตนอย่างต่อเนื่องเกือบทุกด้าน โดยเฉพาะการแต่งงานแต่วัยเด็กทำให้ขาดช่วงชีวิตในวัยเด็กขาดโอกาสพัฒนาตน จึงจำเป็นต้องได้รับการบำบัดโดยทีมจิตบำบัด เพื่อให้เด็กสามารถควบคุมความต้องการทางเพศได้ในระดับปกติ โดยเฉพาะการรู้จักวิธีการสลายความกดดันอารมณ์เพศที่ช่วยป้องกันไม่ให้เกิดความเครียดและหมกมุ่นในเรื่องเพศ ด้วยกิจกรรมสร้างความสุขและออกกำลังกาย ไม่ว่าจะเป็นการเต้นแอโรบิก การท่องเที่ยวปีนเขา เดินป่า เล่นดนตรี เล่นกีฬา ทำงานศิลปะ ฯลฯ
สังคมไทยในปัจจุบันนี้ เรื่องปัญหาเด็กที่ท้องไม่พร้อมหรือตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควรมีสูงมาก เพราะการคบเพื่อนต่างเพศเป็นเรื่องที่ปกติของวัยรุ่น เด็กบางคนมีอิสระในการใช้ชีวิต สามารถทำอะไรได้ตามใจตัวเองมากขึ้น และเรื่องเทคโนโลยีก็ก้าวหน้าไปมากทำให้การติดต่อสื่อสารกันระหว่างเพื่อนต่างเพศเป็นเรื่องที่ง่ายมาก การตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควร คือการตั้งครรภ์ที่ทั้งฝ่ายหญิงและฝ่ายชายยังไม่พร้อมในช่วงวัยรุ่นการเจริญเติบโตและความสมบูรณ์ทางร่างกายทำให้เกิดความพร้อม ทางภาวการณ์เจริญพันธุ์สูงมาก และส่วนมากยังเป็นนักเรียนอยู่ เมื่อเกิดการตั้งครรภ์ อาจจะต้องออกจากโรงเรียน บางคนตัดสินใจด้วยการทำแท้ง
กระบวนการเรียนรู้เกี่ยวกับเพศที่ครอบคลุมพัฒนาการทางร่างกาย จิตใจ การทำงานของสรีระ และการดูแล สุขอนามัย ทัศนคติ ค่านิยม สัมพันธภาพ พฤติกรรมทางเพศมิติทางสังคมและวัฒนธรรมที่มีผลต่อวิถีชีวิตทางเพศ เป็น กระบวนการพัฒนาทั้งด้านความรู้ ความคิด ทัศนคติ อารมณ์ และทักษะที่จำเป็นสำหรับบุคคล ที่ช่วยให้สามารถเลือกดำเนิน ชีวิตทางเพศอย่างเป็นสุขและปลอดภัย สามารถพัฒนาและดำรงความสัมพันธ์กับผู้อื่นได้อย่างมีความรับผิดชอบและสมดุล (ศูนย์เฉพาะกิจคุ้มครองและช่วยเหลือเด็กนักเรียน กระทรวงศึกษาการ, 2558 )
นอกจากนั้นยังมีการอธิบายความหมายไว้ในพระราชบัญญัติการป้องกันและแก้ปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น พ.ศ 2559 (ราชกิจจานุเบกษา 31 มีนาคม 2559) อธิบายว่า เพศวิถีศึกษา เป็นกระบวนการเรียนรู้ในเรื่องเพศที่ครอบคลุมถึง พัฒนาการในแต่ละช่วงวัย การมีสัมพันธภาพกับผู้อื่น การพัฒนาทักษะส่วนบุคคล พฤติกรรมทางเพศ สุขภาวะทางเพศแมพะมิติ ทางสังคมและวัฒนธรรมที่ส่งผลกระทบต่อเรื่องเพศ รวมทั้งสิทธิการรับรู้ข้อมูลข่าวสารและความรู้เกี่ยวกับอนามัยการเจริญ พันธุ์ที่ให้ความสำคัญกับความหลากหลายและความเสมอภาคทางเพศ
ความสำคัญของปัญหา
ความสำคัญของเพศวิถีศึกษา การจัดการเรียนรู้เรื่อง เพศวิถีศึกษามีความสำคัญทั้งต่อผู้เรียน ผู้ปกครอง ครูและผู้เกี่ยวข้อง ตลอดจนชุมชนและ สังคม ดังนี้
ความสำคัญของเพศวิถีศึกษาที่มีต่อผู้เรียน การจัดการเรียนรู้เพศวิถีศึกษา มีความสำคัญโดยตรงกับผู้เรียน ดังนี้
1. ทำให้ผู้เรียนมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องเพศ ทั้งในส่วนของอัตลักษณ์ทางเพศ ความพึงพอใจทางเพศ พฤติกรรมทางเพศ พัฒนาการทางเพศในแต่ละช่วงวัย การมีสัมพันธภาพกับผู้อื่น การพัฒนาทักษะส่วนบุคคล สุขภาวะทางเพศ และมิติทางสังคมวัฒนธรรมที่ส่งผลกระทบต่อเรื่องเพศ
2. ผู้เรียนได้รู้จักตนเองมากขึ้น เนื่องจากมีโอกาสได้ศึกษา การได้สำรวจ วิเคราะห์ ในระหว่างเรียนจะทำให้เกิดความ เข้าใจตนเอง การบ่มเพาะค่านิยมและทัศนคติด้านบวกต่อเรื่องสุขภาวะทางเพศอนามัยเจริญการพันธ์ จะพัฒนาไปสู่การเคารพ ตนเอง เคารพสิทธิมนุษยชนและความเท่าเทียมทางเพศ
3. เพศวิถีศึกษาช่วยให้เยาวชนสามารถควบคุมพฤติกรรมของตน ในทางกลับกันช่วยให้ผู้เรียนรู้จักปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วย ความเคารพ ยอมรับ อดทน และเอาใจไม่ โดยไม่เลือกเพศชาติพันธุ์ เชื้อชาติ หรือวิถีทางเพศ ทำให้มีแนวทางในการเลือก ดำเนินชีวิตทางเพศอย่างเหมาะสม เป็นสุข และปลอดภัย
4. ผู้เรียนเกิดความตระหนักถึงจำเป็นในการเข้าใจตนเองและผู้อื่น เกี่ยวกับเรื่องเพศศึกษา
5. ทำให้ผู้เรียนมีทักษะชีวิต ที่ส่งเสริมให้เกิดการคิดเชิงวิพากษ์ การสื่อสาร การเจรจาต่อรอง การตัดสินใจ การกล้า แสดงออก ก่อให้เกิดผลดีต่อผู้เรียนทำให้มีแนวทางในการปฏิบัติเพื่อให้สามารถอยู่ร่วมกับเพื่อนนักเรียนที่มีสถานะทางเพศ เดียวกัน ตลอดจนการอยู่ร่วมกับบุคคลในครอบครัว บุคคลในสังคมที่มีเพศเดียวกันและต่างเพศกันได้อย่างเหมาะสม
ความสำคัญของเพศวิถีศึกษาที่มีต่อผู้ปกครอง ความรู้เรื่องเพศวิถีศึกษา มีความสำคัญต่อผู้ปกครอง ดังนี้
1. ทำให้เกิดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับอัตลักษณ์ทางเพศ พฤติกรรมทางเพศ พัฒนาการทางเพศของบุตรหลาน หรือบุคคลที่อยู่ในความดูแล
2. มีแนวทางในการปฏิบัติเกี่ยวกับเรื่องเพศวิถี การแสดงออก การวางตัว พฤติกรรมตาม บทบาท และสถานะที เหมาะสมกับบุตรหลาน และบุคคลในครอบครัว
3. ก่อให้เกิดเข้าใจและความสัมพันธ์อันดีระหว่างผู้ปกครอง กับบุตรหลาน และบุคคลในครอบครัว ซึ่งจะส่งผลต่อการอยู่ร่วมกันในครอบครัวอย่างมีความสุข
ความสำคัญของเพศวิถีศึกษาที่มีต่อครูและผู้เกี่ยวข้องกับผู้เรียน การจัดการเรียนการสอนเพศวิถีศึกษา มีความสำคัญต่อครูและผู้เกี่ยวข้องกับผู้เรียน ดังนี้
1. ทำให้ครูมีความรู้ความเข้าใจผู้เรียนได้ดียิ่งขึ้น มีทัศนคติที่ดีต่อนักเรียนที่มีอัตลักษณ์ทางเพศที่แตกต่างกัน นำไปสู่ การมีบรรยากาศการเรียนการสอน และการทำงานร่วมกันอย่างมีความสุข
2. ครูผู้สอน และผู้เกี่ยวข้องมีข้อมูลความรู้พื้นฐานที่ใช้ในการพิจารณากำหนดกิจกรรมการเรียนการสอน เพื่อให้ สอดคล้องกับอัตลักษณ์และพัฒนาการทางเพศของนักเรียนที่อยู่ในความดูแล
3. ทำให้ครูเกิดความตระหนักถึงความสำคัญของการจัดการเรียนรู้เพื่อให้เกิดความเคารพในสิทธิมนุษยชน และยอมรับในความแตกต่างของผู้อื่นมากยิ่งขึ้น
4. ครูผู้ทำหน้าที่แนะแนวมีความรู้ความเข้าใจ สามารถให้คำปรึกษา แนะนำ ตลอดจนหาทางช่วยเหลือหรือแก้ปัญหา แก่ผู้เรียนที่มีเพศวิถีที่แตกต่างกันได้อย่างเหมาะสม
ความสำคัญของเพศวิถีศึกษาที่มีต่อชุมชนและสังคม
1. การจัดการเรียนรู้เทศวิถีศึกษา ช่วยส่งเสริมให้คนในชุมชนและสังคมเกิดความเข้าใจเกี่ยวกับพฤติกรรมทางเพศ ของสมาชิกในชุมชนและสังคมที่มีความแตกต่างกันสมาชิกครอบครัวที่หอมจะไม่ชอบให้ใครแสดงความรักด้วยการกอดหรือหอมแก้ม ในขณะที่ตุ๊ดหรือกระเทยจะชอบให้พ่อแม่ กอดและหอมแก้ม เป็นต้น
ผลกระทบเรื่องเพศวิถีที่มีต่อครู และผู้เกี่ยวข้องกับการจัดการศึกษา
สถานศึกษาเป็นแหล่งเรียนรู้ของเด็ก เยาวชน และผู้สนใจไม่เรียนรู้ ซึ่งมีหน้าที่หลักในการจัดการเรียนรู้แก่ผู้เรียน ความรู้เรื่องเพศวิถีเป็นความรู้ที่จำเป็นสำหรับผู้เรียนทุกระดับ จึงกล่าวได้ว่าเพศวิถีมีความสำคัญ ผลกระทบของเพศวิถีที่มีต่อครูและผู้เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการด้านการศึกษาในด้านต่างๆ ของสถานศึกษา ได้แก่
1. ผลกระทบด้านการจัดหลักสูตรและกิจกรรมการเรียนรู้
ความรู้เรื่องเพศศึกษาเป็นความรู้ที่โรงเรียนจะต้องจัด หลักสูตรและกิจกรรมการเรียนรู้ให้ผู้เรียน ในสังคมไทยปัจจุบัน ปรากฏให้เห็นว่ามีผู้เรียนที่มีความเบี่ยงเบนทางเพศอยู่ใน สถานศึกษาทุกระดับทั้งในระดับประถม มัธยมศึกษา และอุดมศึกษา สถานศึกษาจำเป็นที่จะต้องปรับเปลี่ยนหลักสูตรให้ผู้เรียน ได้เรียนรู้และเข้าใจถึงสภาพจิตใจและพฤติกรรมของบุคคลที่มีความเบี่ยงเบนทางเพศ โดยจัดให้มีการเรียนการสอนเรื่องเพศวิถี ศึกษาในสถานศึกษา โดยพิจารณาจัดการเรียนการสอนให้เหมาะสม นอกจากการจัดหลักสูตรให้ผู้เรียนได้เรียนรู้เกี่ยวกับเพศ วิธีศึกษาแล้ว ผลกระทบด้านการจัดการเรียนการสอนในสถานศึกษาอีกประการหนึ่งคือ เกี่ยวกับสาระของหลักสูตรที่จัดขึ้น ต้องจัดให้สอดคล้องกับความสนใจและบริบทของผู้เรียน ตัวอย่างเช่น การจัดหลักสูตรและการเรียนรู้แก่ผู้เรียนเป็นหญิงล้วน ผู้เรียนที่เป็นชายล้วน หรือคละเพศ ย่อมต้องมีการจัดหลักสูตรและกิจกรรมการเรียนรู้ที่แตกต่างกัน
2. ผลกระทบด้านการดำเนินงานด้านบุคลากร
ผู้บริหารสถานศึกษาจะต้องดำเนินการเพื่อให้ครูและผู้เกี่ยวข้องมี ความรู้ ความเข้าใจในเรื่องเพศวิถี ซึ่งจะส่งผลให้ครูและผู้เกี่ยวข้องเหล่านั้นสามารถปฏิบัติตนตามบทบาทหน้าที่ มีการ แสดงออกต่อนักเรียนหรือผู้มาติดต่อที่มีเพศวิถีต่างๆ ได้อย่างถูกต้องเหมาะสมตามกาละ เทศะ ได้ เช่น การปฏิบัติต่อผู้ปกครองที่เป็นกระเทย หรือทอมควรมีปฏิสัมพันธ์ด้วยในลักษณะใด เป็นต้น นอกจากนั้นสถานศึกษาในฐานะผู้นำชุมชน อาจ แสดงออกถึงการไม่กีดกันทางเพศโดยการมอบหมายงานตามความสามารถของบุคคลเป็นสำคัญ เช่น การจ้างผู้ชายที่มีเพศวิถี เป็นหญิงทำหน้าที่เป็นแม่ครัว เป็นครูนาฏศิลป์ หรือการจ้างครูผู้หญิงที่มีเพศวิถีเป็นชายสอนงานไม้ งานช่าง เป็นต้น
3. ผลกระทบด้านบุคลิกภาพ การแสดงออกและการปฏิสัมพันธ์กับนักเรียน
ครูและบุคลากรควรทราบว่า เพศวิถี เป็นเรื่องของสิทธิส่วนบุคคล ในสถานศึกษาที่มีผู้เรียนหรือเพื่อนครูที่เพศวิถีอื่นๆ ที่แตกต่างจากเพื่อน ควรมีการให้คำแนะนำ แก่ครูและบุคลากรถึงเรื่องบุคลิกภาพที่เหมาะสม การปฏิบัติตน การแสดงออกทั้งทางกาย วาจา ใจ เพื่อให้นักเรียน ครู และ บุคลากรของโรงเรียนเกิดการยอมรับ ตลอดจนแสดงพฤติกรรมต่อผู้ที่มีเพศวิถีต่างๆ ได้อย่างเหมาะสม และสามารถอยู่ร่วมกัน ได้อย่างมีความสุข
4. การดำเนินงานในฐานะผู้นำทางความคิดแก่ชุมชน
ควรดำเนินการให้สมาชิกในชุมชนมีความรู้ ความเข้าใจ ตระหนักถึงสิทธิส่วนบุคคลในเรื่องเพศวิถี ซึ่งอาจทำได้โดยการทำป้ายประชาสัมพันธ์กฎหมายหรือพระราชบัญญัติเกี่ยวกับเพศ วิธี การปฏิบัติตนที่ถูกต้องเกี่ยวกับค่านิยม ทัศนคติและทักษะ วัฒนธรรม สังคม และสิทธิมนุษยชน พัฒนาการของมนุษย์ พฤติกรรมทางเพศ สุขภาพทางเพศ และอนามัยการเจริญพันธุ์ เพื่อให้ประชาชนศึกษาหาความรู้ และรู้เท่าทันความเป็นไปของ สังคมระดับชาติและนานาชาติ
แนวทางการแก้ปัญหา /แนวทางการพัฒนา
แนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น
กล่าวคือ วัยรุ่นมีสิทธิตัดสินใจด้วยตนเอง และมีสิทธิได้รับข้อมูลข่าวสารและความรู้ ได้รับการบริการอนามัยการเจริญพันธุ์ ได้รับการรักษาความลับและความเป็นส่วนตัว ได้รับการจัดสวัสดิการสังคมอย่างเสมอภาคและไม่ถูกเลือกปฏิบัติ และได้รับสิทธิอื่นใดที่เป็นไปเพื่อประโยชน์ตามพระราชบัญญัตินี้อย่างถูกต้องครบถ้วนเพียงพอ
ให้สถานศึกษาดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น
1. จัดให้มีการเรียนการสอนเรื่องเพศวิถีศึกษาให้เหมาะสมกับช่วงวัยของนักเรียนหรือนักศึกษา
2. จัดหาและพัฒนาผู้สอนให้สามารถสอนเพศวิถีศึกษา และให้คำปรึกษาในเรื่อง การป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่นแก่นักเรียนหรือนักศึกษา
3. จัดให้มีระบบการดูแลช่วยเหลือ และคุ้มครองนักเรียนหรือนักศึกษาซึ่งตั้งครรภ์ ให้ได้รับการศึกษาด้วยรูปแบบที่เหมาะสมและต่อเนื่อง รวมทั้งจัดให้มีระบบการส่งต่อให้ได้รับบริการ อนามัยการเจริญพันธุ์ และการจัดสวัสดิการสังคมอย่างเหมาะสม
4. ให้ข้อมูลข่าวสารและความรู้เกี่ยวกับการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ใน วัยรุ่นแก่ผู้รับบริการซึ่งเป็นวัยรุ่นอย่างถูกต้อง ครบถ้วน และเพียงพอ
5. จัดให้มีบริการให้คำปรึกษาและบริการอนามัยการเจริญพันธุ์ที่ได้มาตรฐาน สำหรับผู้รับบริการซึ่งเป็นวัยรุ่น และสอดคล้องกับสิทธิ รวมทั้งจัดให้มีระบบการส่งต่อให้ ได้รับการจัดสวัสดิการสังคมอย่างเหมาะสม
หลักการสำคัญในการป้องกันและแก้ปัญหาการตั้งครรภ์ก่อนวัย
ประเทศไทยมีเด็กวัยรุ่นตั้งครรภ์ถือเป็นอันดับ ๒ ในประเทศแถบอาเซียน เรื่องนี้เป็นประเด็นที่สังคมหลายฝ่ายกำลังให้ความสนใจและเร่งทำการป้องกันแก้ไข โดยเฉพาะเมื่อเกิดปัญหาแล้ว การแก้ไขนั้นเป็นเรื่องที่ครอบครัวทั้งฝ่ายหญิงและฝ่ายชาย จะต้องร่วมกันรับผิดชอบเยียวยาแก้ไขและหาทางออกที่เหมาะสม
การป้องกันปัญหาท้องก่อนวัยอันควรที่ได้ผลที่สุดคือหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ ทว่าความรักในวัยรุ่นมักมีเรื่องเพศเข้ามาเกี่ยวข้อง ดังนั้น การคุมกำเนิดอย่างถูกต้องเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ได้ ปัจจุบันมีวิธีการคุมกำเนิดให้เลือกใช้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการใช้ถุงยางอนามัย การรับประทานยาคุมกำเนิดหรือยาคุมฉุกเฉิน การฉีดยาคุม การฝังยาคุม การใช้แผ่นแปะคุมกำเนิด หรือการใช้ห่วงอนามัย
นอกจากนี้ ปัจจุบันทางภาครัฐได้เปิดโอกาสให้วัยรุ่นอายุ 10-20 ปีเข้ารับบริการฝังยาคุมกำเนิดชนิด กึ่งถาวรที่โรงพยาบาลรัฐทั่วประเทศได้ฟรี อย่างไรก็ตาม วิธีคุมกำเนิดดังกล่าวมาทั้งหมดไม่อาจช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 100 เปอร์เซ็นต์ แต่ช่วยลดความเสี่ยงได้มาก และควรใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งเพื่อป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์