ชื่อผู้วิจัย : นิติมา มณีวิทย์
ปีการศึกษา : 2566
บทคัดย่อ
การวิจัย เรื่อง รูปแบบการบริหารการจัดการเรียนรู้เชิงรุกแบบมีส่วนร่วมเพื่อเสริมสร้างทักษะครูผู้สร้างนวัตกร ของโรงเรียนวิทยาศาสตรจุฬาภรณราชวิทยาลัย สตูล มีวัตถุประสงค์การวิจัย ดังนี้ 1) เพื่อศึกษาสภาพปัจจุบันและสภาพที่พึงประสงค์ของรูปแบบการบริหารการจัดการเรียนรู้เชิงรุกแบบมีส่วนร่วมเพื่อเสริมสร้างทักษะครูผู้สร้างนวัตกร ของโรงเรียนวิทยาศาสตรจุฬาภรณราชวิทยาลัย สตูล 2) เพื่อพัฒนารูปแบบการบริหารการจัดการเรียนรู้เชิงรุกแบบมีส่วนร่วมเพื่อเสริมสร้างทักษะครูผู้สร้างนวัตกร ของโรงเรียนวิทยาศาสตรจุฬาภรณราชวิทยาลัย สตูล 3) เพื่อศึกษาผลการทดลองใช้รูปแบบการบริหารแบบมีส่วนร่วมเพื่อพัฒนาทักษะครูผู้สร้างนวัตกรของโรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัย สตูล และ 4) เพื่อประเมินรูปแบบการบริหารการจัดการเรียนรู้เชิงรุกแบบมีส่วนร่วมเพื่อเสริมสร้างทักษะครูผู้สร้างนวัตกร ของโรงเรียนวิทยาศาสตรจุฬาภรณราชวิทยาลัย สตูล การวิจัยครั้งนี้ใช้ระเบียบวิธีวิจัยแบบการวิจัยและพัฒนา (Research and Development) โดยใช้การเก็บข้อมูล เชิงคุณภาพและเชิงปริมาณ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ผู้บริหาร จำนวน 4 คน (ไม่รวมผู้วิจัย) ครูผู้สอน จำนวน 60 คน ประธานคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน จำนวน 1 คน โรงเรียน วิทยาศาสตรจุฬาภรณราชวิทยาลัย สตูล ในปีการศึกษา 2566 จำนวน 65 คน ได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย แบบสอบถาม แบบประเมิน แบบสัมภาษณ์ และแบบบันทึก ซึ่งผ่านการตรวจสอบความตรงเชิงเนื้อหาจากผู้เชี่ยวชาญ การวิเคราะห์ข้อมูลวิเคราะห์โดยใช้ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) และวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis)
ผลการวิจัย พบว่า
1. ผลการศึกษาสภาพปัจจุบันและสภาพที่พึงประสงค์ของการพัฒนารูปแบบการบริหารการจัดการเรียนรู้เชิงรุกแบบมีส่วนร่วมเพื่อเสริมสร้างทักษะครูผู้สร้างนวัตกร ของโรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัย สตูล พบว่า ในภาพรวมอยู่ในระดับมาก และมีความต้องการจำเป็นด้าน การจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ แบบการจัดการเรียนรู้เชิงรุกที่พัฒนาทักษะนวัตกร เป็นลำดับแรก ด้านคุณลักษณะตามอุดมการณ์ของโรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัย สตูล ด้านที่ 3 มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ มีจิตวิญญาณของความเป็นนักวิจัย นักประดิษฐ์ คิดค้นและนักพัฒนา ด้านคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ในระดับเดียวกันกับนักเรียนโรงเรียนวิทยาศาสตร์ชั้นนำของนานาชาติ เป็นลำดับแรก ด้านระดับทักษะครูผู้สร้างนวัตกร ของครูโรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัย สตูล ด้านมีค่าเฉลี่ยสูงสุด ได้แก่ ทักษะการเชื่อมโยง (Associating Skill) และผลการศึกษาแนวทางรูปแบบการบริหารการจัดการเรียนรู้เชิงรุกแบบมีส่วนร่วมเพื่อเสริมสร้างทักษะครูผู้สร้างนวัตกร ของโรงเรียนวิทยาศาสตรจุฬาภรณราชวิทยาลัย สตูล มี 4 ด้าน ประกอบด้วย 1) ด้านการออกแบบกิจกรรมและจัดทำแผนการเรียนรู้แบบการจัดการเรียนรู้เชิงรุกที่พัฒนาทักษะนวัตกร 2) ด้านการจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญแบบการจัดการเรียนรู้เชิงรุกที่พัฒนาทักษะนวัตกร 3) ด้านการใช้และพัฒนาสื่อและแหล่งเรียนรู้แบบการจัดการเรียนรู้เชิงรุกที่พัฒนาทักษะนวัตกร และ 4) ด้าน การประเมินผลการเรียนการสอนแบบการจัดการเรียนรู้เชิงรุกที่พัฒนาทักษะนวัตกร
2. ผลการพัฒนารูปแบบการบริหารการจัดการเรียนรู้เชิงรุกแบบมีส่วนร่วมเพื่อเสริมสร้างทักษะครูผู้สร้างนวัตกร ของโรงเรียนวิทยาศาสตรจุฬาภรณราชวิทยาลัย สตูล ประกอบด้วย 3 ส่วน ได้แก่ ส่วนที่ 1 ส่วนนำ ส่วนที่ 2 ส่วนเนื้อหา: กระบวนการบริหาร ประกอบด้วย 1) การวิเคราะห์ช่องว่างทางทักษะ (Identify Skills Gaps) 2) การจัดทำแผนพัฒนาบุคลากรรายบุคคล (Professional Development Plan) 3) กระบวนการพัฒนา (Development Process) 4) การแลกเปลี่ยนเรียนรู้จากชุมชนแห่งการปฏิบัติ (Professional Learning Community) 5) การประเมินผลการพัฒนาทางวิชาชีพ (Evaluation for Professional Development) และส่วนที่ 3 ส่วนปัจจัยสนับสนุน รวมทั้งผลการตรวจสอบของผู้ทรงคุณวุฒิ ต่อรูปแบบการบริหารการจัดการเรียนรู้เชิงรุกแบบมีส่วนร่วมเพื่อเสริมสร้างทักษะครูผู้สร้างนวัตกร และคู่มือรูปแบบการบริหารการจัดการเรียนรู้เชิงรุกแบบมีส่วนร่วมเพื่อเสริมสร้างทักษะครูผู้สร้างนวัตกร ของโรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัย สตูล ค่าเฉลี่ยด้านความเป็นไปได้ ด้านความเป็นประโยชน์ และด้านความเหมาะสม อยู่ในระดับมากที่สุด
3. ผลการทดลองใช้รูปแบบการบริหารการจัดการเรียนรู้เชิงรุกแบบมีส่วนร่วมเพื่อเสริมสร้างทักษะครูผู้สร้างนวัตกร ของโรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัย สตูล พบว่า
3.1 ด้านคุณภาพครู พบว่า ครูมีระดับทักษะเพิ่มขึ้นในทุกทักษะ เมื่อพิจารณารายด้านโดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด และด้านที่มีระดับทักษะเพิ่มขึ้นสูงสุด คือ ทักษะการใช้เครือข่ายทางความคิด (Networking Skill) และครูมีพฤติกรรมการจัดการเรียนรู้ตามรูปแบบการบริหาร การจัดการเรียนรู้เชิงรุกแบบมีส่วนร่วมเพื่อเสริมสร้างทักษะครูผู้สร้างนวัตกร โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุดและด้านที่มีระดับทักษะเพิ่มขึ้นสูงสุดคือ ด้านการจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญแบบการจัดการเรียนรู้เชิงรุกที่พัฒนาทักษะนวัตกร และรายการทุกรายการผ่านเกณฑ์การประเมิน
3.2 ด้านคุณภาพผู้เรียน พบว่า ผู้เรียนมีคุณลักษณะตามอุดมการณ์ของนักเรียนโรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัย สตูล ปีการศึกษา 2566 โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อพิจารณารายด้าน พบว่า ด้านที่ 3 มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ มีจิตวิญญาณของความเป็นนักวิจัย นักประดิษฐ์ คิดค้นและนักพัฒนา ด้านคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ในระดับเดียวกันกับนักเรียนโรงเรียนวิทยาศาสตร์ชั้นนำของนานาชาติ ค่าเฉลี่ยผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ปีการศึกษา 2566 ของนักเรียนโรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัย สตูล ในภาพรวมนักเรียนมีค่าเฉลี่ยผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนทุกระดับชั้น ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้อยู่ในระดับดีเยี่ยม โดยระดับชั้นที่มีค่าเฉลี่ยผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงที่สุด คือ ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1-3 ผลการทดสอบระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) ปีการศึกษา 2566 พบว่า มีค่าเฉลี่ยสูงกว่าค่าเฉลี่ยระดับชาติทุกลุ่มสาระการเรียนรู้ และรางวัลที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาโครงงานและนวัตกรรมในการแข่งขันเพิ่มขึ้นทั้งระดับชาติและระดับนานาชาติ
4. ผลการประเมินรูปแบบการบริหารการจัดการเรียนรู้เชิงรุกแบบมีส่วนร่วมเพื่อเสริมสร้างทักษะครูผู้สร้างนวัตกร ของโรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัย สตูล พบว่า
4.1 ผลการประเมินความเป็นประโยชน์ของรูปแบบการบริหารการจัดการเรียนรู้เชิงรุกแบบมีส่วนร่วมเพื่อเสริมสร้างทักษะครูผู้สร้างนวัตกร ของโรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัย สตูล โดยการสอบถาม พบว่า โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อพิจารณารายด้าน พบว่า ด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุดคือ ด้านประโยชน์ต่อผู้เรียน ด้านประโยชน์ต่อครูและบุคลากรทางการศึกษา และด้านประโยชน์ต่อสถานศึกษา ตามลำดับ และทุกรายการผ่านเกณฑ์การประเมิน
4.2 ผลการประเมินความพึงพอใจ ที่มีต่อการใช้รูปแบบการบริหารการจัดการเรียนรู้เชิงรุกแบบมีส่วนร่วมเพื่อเสริมสร้างทักษะครูผู้สร้างนวัตกร ของโรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัย สตูล โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อพิจารณารายด้านพบว่า ด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด 3 อันดับแรกได้แก่ ประโยชน์ของรูปแบบที่เกิดขึ้นกับครูในโรงเรียน ประโยชน์ของรูปแบบที่เกิดขึ้นกับนักเรียน และผลงานรางวัลที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาโครงงานและนวัตกรรมของนักเรียน ตามลำดับ