การเรียนรู้นาฏศิลป์ไทยเพื่อพัฒนาทักษะภายในสู่ภายนอก โดยใช้เทคนิคการสอนบูรณาการทักษะชีวิต (RCA) เพื่อพัฒนาทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21
เจ้าของผลงาน นางสาวตวรรณ เทียนชัย
ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะ ชำนาญการพิเศษ
โรงเรียน ซับใหญ่วิทยาคม
สังกัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชัยภูมิ เขต 3
แนวคิด
การเรียนนาฏศิลป์ไทยเพื่อให้การเกิดทักษะชีวิตภายในที่ดีดังที่กล่าวข้างต้นคือสิ่งที่เกิดขึ้นจากกระบวนการเรียนรู้ที่ใช้เทคนิคการสอนบูรณาการทักษะชีวิต ซึ่งเป็นการจัดกิจกรรมที่กำหนดให้ผู้เรียนได้ฝึกการคิดหาเหตุผล และอภิปรายได้แสดงความรู้สึกนึกคิดและประยุกต์ใช้ความคิดอย่างมีประสิทธิภาพโดยครูเป็นผู้ตั้งประเด็นคำถามให้ผู้เรียนได้สะท้อนความคิด(Reflect) เชื่อมโยงความคิดและความรู้(Connect) และสู่การปรับใช้อย่างเหมาะสม (Apply) ซึ่งเรียกคำถามดังกล่าวโดยย่อว่า คำถาม R - C A
- R = สะท้อนความคิด (Reflect)
- C = เชื่อมโยงความคิดและความรู้ (Connect)
- A = การปรับใช้อย่างเหมาะสม (Apply)
การใช้คำถาม R - C - A เพื่อพัฒนาทักษะชีวิตหลังสิ้นสุดการจัดการเรียนรู้หรือการเรียนการสอนตามปกติอย่างต่อเนื่อง เป็นการฝึกฝนให้ผู้เรียนได้คิดวิเคราะห์ คิดไตร่ตรอง และคิดหาเหตุผลทำให้ตนเองฉุกใจคิด รู้คิด รู้จักแก้ปัญหาด้วยวิธีการต่าง ๆ ในสถานการณ์ที่หลากหลาย และสั่งสมไว้เป็นประสบการณ์ที่ดี ซึมซับเข้าสู่จิตใจอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ ผู้เรียนก็จะแสดงออกเป็นพฤติกรรม ที่ดีงาม เป็นความรู้และความตระหนักที่ยั่งยืน
ข้าพเจ้าเป็นครูผู้สอนในกลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ สาระนาฏศิลป์ไทยตระหนักเห็นถึงความสำคัญของทักษะชีวิต
และประโยชน์ของการเรียนนาฏศิลป์ไทย จึงคิดค้นรูปแบบการสอน เรียนรู้นาฏศิลป์ไทยเพื่อพัฒนาทักษะภายในสู่
ภายนอก โดยใช้เทคนิคการสอนบูรณาการทักษะชีวิต เพื่อพัฒนาทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ขึ้นมา โดยมุ่งหวังให้ผู้เรียนเกิดการพัฒนาทั้งทางร่างกาย จิตใจอารมณ์ สังคม สติปัญญา เกิดทักษะทางด้านนาฏศิลป์ไทยควบคู่กับทักษะชีวิต
ขั้นตอนจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ (Co-operative learning)
การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือประกอบด้วยองค์ประกอบที่มีความสัมพันธ์กัน โดยมีเป้าหมายคือ
เพื่อให้บรรลุตามเป้าหมายที่กลุ่มร่วมกัน ตั้งไว้ดังนั้นเพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าวจึงต้องมีขั้นตอนหรือ
กระบวนต่างๆ เป็นตัวขับเคลื่อน ซึ่งอาภรณ์ใจเที่ยง (2550) กล่าวถึงขั้นตอนการจัดกิจกรรมการจัดการเรียนรู้
แบบร่วมมือไวดังนี้
1. ขั้นเตรียมการ ในขั้นตอนนี้เป็นการเตรียมความพร้อมก่อนเรียน เริ่มด้วยผู้สอน
ชี้แจงจุดประสงค์ของบทเรียน หลังจากนั้นผู้สอนจัดกลุ่มผู้เรียนเป็นกลุ่มย่อย โดยคละผู้เรียนในกลุ่มให้
แตกต่างกัน ในด้านสติปัญญาความถนัด และภูมิหลัง แบ่งจำนวนสมาชิกในกลุ่มละประมาณไม่เกิน 6 คน
หลังจากนั้นผู้สอนแนะนำ วิธิีการทำงานกลุ่มและบทบาทของสมาชิกในกลุ่ม
2. ขั้นสอน ในขั้นตอนนี้ผู้สอนเริ่มนำ เข้าสู่บทเรียน โดยการสอนหรือบรรยายเนื้อหาตามบทเรียน
หลังจากนั้น มอบหมายงานให้แต่ละกลุ่ม ซึ่งผู้สอนจะอธิบายถึงปัญหาหรืองานที่ต้องการให้กลุ่มแก้ไขหรือ
คิดวิเคราะห์ หาคำตอบ พร้อมแนะนำ แหล่งข้อมูลค้นคว้า หรือให้ข้อมูลพื้นฐาน สำหรับการคิดวิเคราะห์อย่าง
ชัดเจน
3. ขั้น ทำกิจกรรมกลุ่ม เป็นขั้นตอนที่สมาชิกภายในกลุ่มจะได้ฝึกทักษะการเรียนรู้ร่วมกันการ
ทำงานเป็นทีมการร่วมกันรับผิดชอบในงานที่ได้รับมอบหมาย ร่วมกันแสดงความคิดเห็น ร่วมกัน ทำงานตาม
บทบาทหน้าที่ที่ได้รับ โดยผู้สอนอาจใช้เทคนิคการเรียนรู้แบบร่วมแรงร่วมใจที่น่าสนใจและเหมาะสมกับ
ผู้เรียน เช่น การเล่าเรื่องรอบวง มุมสนทนาคู่ตรวจสอบ คู่คิด ฯลฯ ผู้สอนสังเกตการณ์ทำงานของกลุ่ม เป็นผู้
อำนวยความสะดวกให้ความกระจ่างในกรณีที่ผู้เรียนสงสัยหรือต้องการความช่วยเหลือ
4. ขั้นตรวจสอบผลงานและทดสอบ ขั้นตอนนี้สมาชิกภายในกลุ่มจะรายงานผลการดำเนินงาน
กลุ่ม โดยผู้สอนและเพื่อนกลุ่มอื่นสามารถซักถามหรือแลกเปลี่ยนเรียนรู้เพื่อให้เกิดความชัดเจนมากขึ้น เน้น
การตรวจผลงานกลุ่มและผลงานรายบุคคลในบางกรณีผู้เรียนอาจต้องซ่อมเสริมสิ่งที่ยังต้องปรับปรุงแล้วจึง
ทำการทดสอบผลงานอีกครั้ง
5. ขั้นสรุปบทเรียนและประเมินผลการทำงานกลุ่ม ขั้น นี้ผู้สอนและผู้เรียนช่วยกัน สรุปบทเรียน
ผู้สอนช่วยเสริมเพิ่มเติมความรู้ที่ จำเป็นหรือไม่ครอบคลุม เพื่อให้บรรลุตามเป้าหมายการเรียนที่กำหนดไว้
และช่วยกัน ประเมินผลการทำงานกลุ่มทั้งส่วนที่เด่นและส่วนที่ควรปรับปรุงแก้ไข้ ให้การเสริมแรงโดยการ
ชมเชย หรือมอบรางวัลกลุ่มที่ทำ คะแนนได้ตามเกณฑ์และการให้กำลังใจกับ สมาชิกในกลุ่มที่ยังไม่สามารถ
ทำงานผ่านเกณฑ์ได้
จากที่กล่าวมาข้างต้น ทำให้เห็นถึงขั้นตอนทั้งหมดของการจัดกิจกรรมในการเรียนรู้แบบร่วมมือ
ที่ส่งเสริมให้ผู้เรียนได้เรียนรู้และฝึกทักษะกระบวนการกลุ่มตามบทบาทหน้าที่และความรับผิดชอบในการ
ทำงานกลุ่ม รวมถึงได้ฝึกทักษะการคิด การค้น คว้าการแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง นอกจากนี้ผู้เรียนจะได้
ประสบการณ์ในด้านการอยู่ร่วมกับผู้อื่น การมีน้ำ ใจช่วยเหลือผู้อื่น การเสียสละการยอมรับกันและกัน การ
ไว้วางใจซึ่งกัน และกัน การเป็นผู้นำ และการทำงานเป็นทีมที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งภายในขั้น ตอนต่างๆ นี้ยัง
ประกอบไปด้วยกลุ่มการเรียนที่แตกต่างกัน ทั้งที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการเพื่อให้ผู้สอนสามารถวาง
แผนการเรียนรู้ที่นำ ไปสู่การเรียนที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
บทเรียนสำเร็จรูป
เป็นสื่อสำหรับเรียนด้วยตนเอง อาจใช้สำหรับศึกษาเป็นรายบุคคล รายกลุ่ม ซึ่งอาจจะพบว่ามีชื่อเรียกแตกต่างกันไป ตามลักษณะของการนำไปใช้ เช่น บทเรียนสำเร็จรูป แบบเรียนสำเร็จรูป บทเรียนโปรแกรม โปรแกรมการสอน แบบเรียนด้วยตนเอง เป็นต้น ถึงแม้จะมีชื่อเรียกแตกต่างกัน แต่ลักษณะโดยทั่วไปของบทเรียนสำเร็จรูปมีความคล้ายคลึงกัน คือเป็นวิธีการจัดกระบวนการเรียนรู้วิธีหนึ่ง
บทเรียนสำเร็จรูป หมายถึง บทเรียนที่ผู้สอนจัดทำขึ้นเพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ให้ผู้เรียนเรียนรู้ด้วยตนเอง ในแต่ละสาระการเรียนรู้ที่กำหนดไว้ในแต่ละบทเรียน โดยเริ่มจากเนื้อหาสาระที่ง่าย ๆ ไปสู่เนื้อหาที่ยากขึ้นไปตามลำดับ เป็นบทเรียนที่สร้างขึ้นโดยกำหนดวัตถุประสงค์ เนื้อหา วิธีการ และสื่อการเรียนการสอนไว้ล่วงหน้า ผู้เรียนสามารถศึกษา ค้นคว้า และประเมินผลการเรียนด้วยตนเองตามขั้นตอนที่กำหนดไว้
จุดมุ่งหมายของบทเรียนสำเร็จรูป
1. เพื่อให้ผู้เรียนสามารถประกอบกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยตนเองอย่างเต็มความสามารถ โดยครูคอยให้คำแนะนำช่วยเหลือเมื่อผู้เรียนมีปัญหา
2. เพื่อให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ไปตามลำดับขั้น จากง่ายไปหายาก
3. เพื่อให้ผู้เรียนสามารถประเมินตนเอง และทราบถึงพัฒนาการในการเรียนรู้ของตนเอง
4. เพื่อให้ผู้เรียนเกิดความภาคภูมิใจ เมื่อประสบความสำเร็จในการเรียนรู้
หลักการเรียนรู้ด้วยบทเรียนสำเร็จรูป
1. ผู้เรียนได้ปฏิบัติกิจกรรม หรือมีส่วนร่วมในการปฏิบัติกิจกรรม
2. ผู้เรียนได้ประเมินตนเอง และรู้คำตอบได้ทันที
3. มีการเสริมแรงให้ผู้เรียนเกิดความภาคภูมิใจเมื่อสามารถปฏิบัติได้ถูกต้อง และมีความพยายามที่จะแก้ไขส่วนที่บกพร่อง
4. ผู้เรียนได้เรียนรู้ไปที่ละลำดับ จากง่ายไปยากตามศักยภาพและความสามารถของ แต่ละคน
ลักษณะของบทเรียนสำเร็จรูป
ลักษณะสำคัญของบทเรียนสำเร็จรูป คือ การออกแบบการบรรจุเนื้อหาและสาระการเรียนรู้ออกเป็น กรอบ (Frame) ซึ่งเนื้อหาและสาระการเรียนรู้ดังกล่าวนั้นจะนำมาจัดทำเป็นหน่วยการเรียนรู้ย่อย ๆ แล้วบรรจุเนื้อหาสาระการเรียนรู้หน่วยย่อย ๆ ดังกล่าวลงไปในกรอบแต่ละกรอบให้มีความสัมพันธ์และเรียงลำดับเนื้อหาจากง่ายไปยาก กรอบสาระการเรียนรู้ (Frame) ในแต่ละกรอบของบทเรียนสำเร็จรูปประกอบด้วย
1. การอธิบายเนื้อหา
2. แบบประเมินผลก่อนเรียน
3. เนื้อหาสาระและกิจกรรมการเรียนรู้
4. คำถาม
5. เฉลยคำตอบ
6. แบบประเมินผลหลังเรียน
ชนิดของกรอบในบทเรียนสำเร็จรูป
กรอบสาระการเรียนรู้ในบทเรียนสำเร็จรูปกำหนดไว้ 4 ชนิด ดังนี้
1. กรอบตั้งต้น (Set Frame) เป็นกรอบที่เป็นเสมือนกรอบนำเข้าสู่บทเรียน ในกรอบนี้จะเป็นข้อมูลการเรียนรู้หลักการ ทฤษฎี และคำถามง่าย ๆ ที่กำหนดให้ผู้เรียนตอบคำถามได้ถูกต้อง ทั้งนี้เพื่อเป็นการให้กำลังใจหรือเสริมแรงให้มีความสุขกับการเรียนรู้
2. กรอบฝึกหัด (Practice Frame) เป็นกรอบที่ให้ผู้เรียนได้มีโอกาสฝึกหัดทำกิจกรรมที่มีเนื้อหาสาระเชื่อมโยงมาจากรอบตั้งต้น ในกรอบฝึกหัดนี้เป็นกรอบสำหรับการฝึกทักษะเช่น การอ่าน การคิด การวิเคราะห์ และการเขียน ซึ่งเนื้อหาสาระการเรียนรู้จะเพิ่มมากขึ้นกว่ากรอบตั้งต้น
3. กรอบรองกรอบส่งท้าย (Sub-Terminal Frame) เป็นกรอบการเรียนรู้ก่อนที่จะถึงกรอบการเรียนรู้ สรุป ที่ผู้เรียนได้ผ่านกิจกรรมการเรียนรู้มาตามลำดับ โดยมีเนื้อหาสาระที่เข้มข้นขึ้นทั้งนี้เพื่อให้ผู้เรียนใกล้จะสรุปองค์ความรู้ที่สมบูรณ์ที่ผ่านกระบวนการเรียนรู้จากบทเรียนสำเร็จรูปได้อย่างชัดเจนถูกต้อง
4. กรอบส่งท้าย (Terminal Frame) เป็นกรอบสาระการเรียนรู้สรุปสุดท้าย หรือกรอบจบของบทเรียนสำเร็จรูป เป็นกรอบที่มีเนื้อหาสาระเข้มข้น และยากกว่ากรอบสาระการเรียนรู้อื่นที่ผ่านมา
วัตถุประสงค์และเป้าหมายของการดำเนินงาน
1. เพื่อให้นักเรียนเกิดทักษะทางด้านนาฏศิลป์ไทย
2. เพื่อพัฒนาทักษะชีวิตให้กับผู้เรียน
ขั้นตอนการดำเนินงาน
กระบวนการจัดการเรียนรู้บูรณาการทักษะชีวิต
1. สร้างบรรยากาศเชิงบวกโดยให้กำลังใจในการพูด หรือแสดงความชื่นชมการชื่นชม ยินดีหรือการให้กำลังใจกับผู้เรียน ข้าพเจ้าถือว่าการแสดงออกดังกล่าวเป็นแรงจูงใจที่ดีในการเรียนรู้ และผลักดันให้ผู้เรียนสามารถแสดงความรู้ความสามารถ และแสดงศักยภาพด้านความคิดได้ไม่สิ้นสุด
2. จัดกิจกรรมให้นักเรียนได้คิด ฝึกปฏิบัติ และสร้างสรรค์ผลงานร่วมกันเป็นกลุ่มโดยใช้เป็นกิจกรรมกลุ่ม หรือการเรียนรู้แบบโครงงาน เพราะเชื่อว่าการคิดร่วมกัน ปฏิบัติร่วมกัน ผลที่ได้รับนั้นมากกว่าชิ้นงานหรือผลงานที่มีคุณภาพแล้ว การได้ใช้ทักษะด้านการสร้างสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อื่นย่อมตามมา อีกทั้งยังเกิดกระบวนการคิดวิเคราะห์และแก้ปัญหาอย่างมีระบบ เกิดทักษะชีวิตครบรอบด้านพร้อมทั้งใช้แบบเรียนสำเร็จรูปควบคู่กันไป
3. การมีส่วนร่วมของนักเรียนในการเรียนรู้ โดยเปิดโอกาสให้นักเรียนมีส่วนร่วมคิด พูด และแสดงออก
การเรียนรู้ในรายวิชาศิลปะ นอกจากการเน้นสอนแบบปฏิบัติและคิดสร้างสรรค์แล้ว ยังเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้แสดงความคิดร่วมกัน โดยการนำเสนองานหน้าชั้นเรียน การอภิปรายความรู้ร่วมกัน และการถามตอบเพื่อแสดงความคิดเห็นทุกครั้งที่มีกิจกรรมการเรียนรู้
4. ใช้เทคนิคการตั้งคำถาม สนทนา ให้นักเรียนค้นหาคำตอบสะท้อนความคิด ความรู้สึก เชื่อมโยง และ
ประยุกต์ใช้เมื่อเผชิญสถานการณ์ในชีวิตประจำวัน (คำถาม R-C-A)โดยเริ่มใช้คำถามตั้งแต่นำเข้าสู่บทเรียนด้วยคำถามชวนคิด เพื่อเชื่อมโยงเข้าสู่เนื้อหาเสมอ โดยทุกขั้นตอนคำถามถูกระบุลงในแผนการจัดการเรียนรู้
5. สร้างแรงจูงใจให้นักเรียนได้แสดงความสามารถการสร้างแรงจูงใจเพื่อให้นักเรียนได้แสดงความสามารถทางความคิด การแสดงออกหรือการสร้างสรรค์ชิ้นงาน มีหลากหลายรูปแบบทั้งการใช้คำพูด การเปรียบเทียบ ใช้รางวัล /คะแนน หรือการแข่งขันเพื่อเรียงลำดับสถิติที่ดีที่สุด และนอกเหนือจากรางวัลที่ได้รับทุกคนที่ปฏิบัติได้สำเร็จจะได้รับการชื่นชมยินดีทุกครั้งอีกด้วย
ผลการดำเนินงาน/ประโยชน์ที่ได้รับ
1. ผู้เรียนเกิดทักษะทางด้านนาฏศิลป์ไทยสามารถปฏิบัติท่ารำได้ สามารถสร้างสรรค์การแสดงนาฏศิลป์ไทยได้ สามารถแสดงนาฏศิลป์ไทยในงานในโรงเรียนและงานในชุมชนได้
2. ผู้เรียนเกิดทักษะชีวิตที่ดีขึ้น ดูจากผลงานการแสดงนาฏศิลป์ที่ประสบความสำเร็จ จนเป็นที่ยอมรับในสังคม และได้รับรางวัลอย่างต่อเนื่อง ผู้เรียนต้องมีองค์ประกอบทางด้านทักษะชีวิตที่ครบถ้วนจึงจะประสบความสำเร็จด้านการแสดงได้ รวมไปถึงผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของรายวิชานาฏศิลป์ อยู่ในระดับสูงกว่าค่าเป้าหมายที่ตั้งไว้นอกจากนี้ยังมีนักเรียนที่ประสบความสำเร็จในชีวิต ที่ผ่านการเรียนรู้ด้านนาฏศิลป์ไทยเพื่อพัฒนาทักษะภายในสู่ภายนอก โดยใช้เทคนิคการสอนบูรณาการทักษะชีวิต ทั้งที่ประกอบอาชีพ และกำลังศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้น
ปัจจัยความสำเร็จ
ความสำเร็จของ Best Practices เรียนรู้นาฏศิลป์ไทยเพื่อพัฒนาทักษะภายในสู่ภายนอก โดยใช้เทคนิคการสอนบูรณาการทักษะชีวิต เกิดขึ้นจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ตั้งแต่ผู้บริหารโรงเรียนที่สนับสนุนงบประมาณในการจัดสรรเครื่องแต่งกายและงบประมาณในกิจกรรมการแข่งขัน ครูและบุคลากรโรงเรียนซับใหญ่วิทยาคม ที่ส่งเสริม ให้กำลังใจแก่นักเรียนและครูผู้สอน สุดท้ายปัจจัยที่สำคัญที่สุดคือนักเรียนที่มุ่งมั่นตั้งใจ ให้ความร่วมมือในการจัดการเรียนการสอนเป็นอย่างดี
บทเรียนที่ได้รับ
1. เทคนิคการใช้คำถาม R-C-A
2. การสอนทักษะความรู้ควรสอนควบคู่การการสอนทักษะชีวิต