ชื่อเรื่อง การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามแนวทางการเรียนรู้แบบเชิงรุก (Active
learning) เพื่อพัฒนาทักษะการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ ของนักเรียน
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3
ผู้วิจัย นางจุฬารัฐ วงษ์คำนา
ปีที่ทำวิจัย 2567
บทคัดย่อ
การดำเนินการวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1. เพื่อศึกษาความต้องการและแนวทางในการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามแนวทางการเรียนรู้แบบเชิงรุก (Active learning) เพื่อพัฒนาทักษะการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 2. เพื่อสร้างรูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามแนวทางการเรียนรู้แบบเชิงรุก (Active learning) เพื่อพัฒนาทักษะการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 3. เพื่อศึกษาผลการใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามแนวทางการเรียนรู้แบบเชิงรุก (Active learning) เพื่อพัฒนาทักษะการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 4. เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนต่อการใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามแนวทางการเรียนรู้แบบเชิงรุก (Active learning) เพื่อพัฒนาทักษะการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3
ผลการวิจัยพบว่า
1. ผลการศึกษาความต้องการและแนวทางในการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามแนวทางการเรียนรู้แบบเชิงรุก (Active learning) เพื่อพัฒนาทักษะการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 พบว่า
1.1 ความต้องการในการพัฒนาในการจัดการเรียนรู้ตามแนวทางการเรียนรู้แบบเชิงรุก (Active learning) เพื่อพัฒนาทักษะการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โดยรวมอยู่ในระดับมาก
1.2 ปัจจุบันครูส่วนใหญ่จะใช้วิธีการถ่ายทอดความรู้โดยการบรรยาย นักเรียนยังยึดติดกับการเรียนการสอนที่เน้นการบอกให้ท่องจำให้จด มากกว่าเน้นทักษะกระบวนการ นักเรียนขาดทักษะในการวางแผนการทำงาน ต้องการพัฒนาตนเองในด้านการสอนและเทคนิคการสอนใหม่ๆ โดยเฉพาะการเรียนรู้แบบเชิงรุก หรือ Active Learning ที่เน้นให้นักเรียนมีส่วนร่วมในการเรียนรู้และสามารถสร้างองค์ความรู้ได้ด้วยตนเอง
2. การสร้างรูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามแนวทางการเรียนรู้แบบเชิงรุก (Active learning) เพื่อพัฒนาทักษะการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 พบว่า
2.1 องค์ประกอบของรูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามแนวทางการเรียนรู้แบบเชิงรุก (Active learning) เพื่อพัฒนาทักษะการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 มี 5 ด้าน คือ องค์ประกอบด้านหลักการ องค์ประกอบด้านวัตถุประสงค์ องค์ประกอบด้านเนื้อหา องค์ประกอบด้านกระบวนการจัดการเรียนรู้ และองค์ประกอบด้านการวัดและประเมินผล และมีความเหมาะสมของรูปแบบ โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด
2.2 ความเหมาะสมของคู่มือการใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามแนวทางการเรียนรู้แบบเชิงรุก (Active learning) เพื่อพัฒนาทักษะการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด
2.3 ประสิทธิภาพของรูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามแนวทางการเรียนรู้แบบเชิงรุก (Active learning) เพื่อพัฒนาทักษะการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 จากการทดลองใช้แบบภาคสนาม มีค่าเท่ากับ 82.06/82.00 ค่าประสิทธิภาพเป็นไปตามเกณฑ์ 80/80 ที่ตั้งไว้
3. ผลการทดลองรูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามแนวทางการเรียนรู้แบบเชิงรุก (Active learning) เพื่อพัฒนาทักษะการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3
3.1 ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนที่เรียนรู้ด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามแนวทางการเรียนรู้แบบเชิงรุก (Active learning) เพื่อพัฒนาทักษะการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
3.2 ทักษะการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ ของนักเรียนที่เรียนรู้ด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามแนวทางการเรียนรู้แบบเชิงรุก (Active learning) เพื่อพัฒนาทักษะการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
4. ความพึงพอใจของนักเรียนต่อการเรียนรู้ด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามแนวทางการเรียนรู้แบบเชิงรุก (Active learning) เพื่อพัฒนาทักษะการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โดยรวมอยู่ในระดับมาก