ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
Advertisement

วิธีปฏิบัติที่เป็นเลิศ Best Practice เรื่อง การยกระดับผลสัมฤทธิ์การทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 รายวิชาภาษาไทยโดย ใช้กระบวนการ 2KNO (Khamnangoke) MODEL

ที่มาและความสำคัญ

1.1สภาพปัจจุบัน ความสำคัญและความจำเป็น

การพัฒนาผู้เรียนตามหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน เน้นผู้เรียนที่สมบูรณ์และสมดุล ด้านจิตใจร่างกายสติปัญญาอารมณ์และสังคม โดยมุ่งเน้น การพัฒนาผู้เรียนให้มีความรู้ความสามารถทางด้านวิชาการและวิชาชีพเพื่อสามารถดำรงอยู่ในสังคมอย่างมีความสุข พึ่งพาตนเองได้ อยู่กับผู้อื่นอย่างสร้างสรรค์พัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม

ภาษาไทยมุ่งเน้นให้ผู้เรียนมีความรู้ทักษะการพูด การดู การอ่าน และการเขียนการส่งเสริมความสามารถทางภาษาไทยของผู้เรียนจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ครูจะต้องจัดกิจกรรมเพื่อพัฒนาศักยภาพของนักเรียนการส่งเสริมให้นักเรียน มีนิสัยรักการอ่าน ส่งเสริมและพัฒนานักเรียนในด้านการใช้ภาษาและการแสดงออกให้ถูกต้องเหมาะสมทั้งการฟัง การพูดการ อ่านการเขียน โดยครูจะต้องจัดเตรียมสื่อการเรียนการสอนให้สอดคล้องกับหลักสูตร และเนื้อหาวิชากลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย โรงเรียนบ้านคำนางโอกจึงจัดทำโครงการยกระดับผลสัมฤทธิ์คะแนน o-net ขึ้นเพื่อพัฒนาครู นักเรียน และสถานศึกษาให้ได้มาตรฐานและมีคุณภาพต่อไปในด้านวิชาการ

การพัฒนาคุณภาพผู้เรียนในด้านการทดสอบทางการศึกษาระดับขั้นพื้นฐาน (o-net) เป็นการวัดผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ให้เป็นมาตรฐานเดียวกันทั้งประเทศจากการทดสอบโรงเรียนบ้าน คำนางโอก โดยภาพรวมพบว่ายังต่ำกว่าเป้าหมายที่กำหนดทั้งในระดับเขตพื้นที่การศึกษาและในระดับชาติประกอบกับนโยบายสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษามุกดาหารให้ความสำคัญกับผลการสอบ o-net เป็นอย่างมากทางโรงเรียนบ้านคำนางโอกได้กำหนดแผนงานโครงการยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนผลการสอบ o-net และยกระดับคุณภาพการอ่านออกเขียนได้ให้สูงขึ้นเป็นนโยบายพิเศษและเร่งด่วนที่จะต้องดำเนินการเพื่อพัฒนาผู้เรียนให้มีศักยภาพมีทักษะมีความรู้ความสามารถในการจัดทำข้อสอบ o-net ให้ได้เพิ่มมากขึ้นตามเป้าหมายที่กำหนดไว้โรงเรียนบ้านคำนางโอก ผู้บริหารและคณะครูได้ร่วมกันพัฒนา “การยกระดับผลสัมฤทธิ์วิชาภาษาไทยของนักเรียนด้วยกระบวนการ 2KNO (Khamnangoke) MODEL” มีความหมายดังนี้ “K” มาจากคำว่า Knowledge หมายถึง ความรู้ “K” มาจากคำว่า Kindness หมายถึง มีคุณธรรม จริยธรรม “N” มาจากคำว่า Network Learning หมายถึง สร้างภาคีเครือข่ายแห่งการเรียนรู้ และ “O” มาจากคำว่า Opportunity Learning หมายถึง สร้างโอกาสในการเรียนรู้ โดยวิธีการอันเป็นที่เชื่อถือได้ ซึ่งจากการวิเคราะห์และสังเคราะห์จากแนวคิดทฤษฎีต่างๆ โรงเรียนกำหนดเป็นขั้นตอน 5 ขั้นตอน คือ 1.) ขั้นสำรวจปัญหาและวิเคราะห์ปัญหา 2.) คั่นแนวทางดำเนินการแก้ปัญหา 3.) ขั้นดำเนินการแก้ปัญหา 4.) ขั้นรายงานผลการดำเนินงาน 5.) ขั้นขยายผลและเผยแพร่ผลการดำเนินงาน ในการปฏิบัติงานให้มีคุณภาพครูจะต้องศึกษาค้นคว้าจากแนวคิดทฤษฎีต่างๆในการจัดการเรียนการสอนที่ประสบผลสำเร็จเพื่อมาแก้ปัญหานักเรียนในการจัดการเรียนการสอนให้ดีขึ้นซึ่งจากการศึกษาค้นคว้างานวิจัยต่างๆของครู จะส่งผลให้คณะครูเกิดความรู้ความสามารถและทักษะในการจัดการเรียนการสอนให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลหรือครูจะเกิด knowledge และทักษะนั่นเองซึ่งครูมีความรู้ความสามารถและทักษะในการจัดการเรียนการสอนแล้วก็จะส่งผลให้ผู้เรียนมีความรู้ความสามารถและทักษะในการเรียนรู้ที่ดีขึ้นได้

จากการรายงานผลการจัดการศึกษาพบว่า ด้านคุณภาพการศึกษาพบว่า ผลการพัฒนายังไม่เป็นที่น่าพึงพอใจ เนื่องจากผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานมีคะแนนต่ำกว่าค่าเฉลี่ยมาก และต่ำกว่าหลายประเทศในแถบ เอเชีย ส่วนประเด็นคุณธรรม จริยธรรมของเด็กและเยาวชนยังต้องมีการพัฒนาเพิ่มขึ้น (สำนักงานเลขาธิการสภา การศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ 2559 : 4) และจากการศึกษาสภาพปัญหาด้านคุณภาพหรือผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ของนักเรียนโรงเรียนบ้านคำนางโอก อำเภอเมืองนิคมคำสร้อย จังหวัดมุกดาหาร จากการประเมินผลการทดสอบ ความสามารถพื้นฐานของผู้เรียนระดับชาติ (o-net) ปีการศึกษา ในปีการศึกษา 2565 พบว่า นักเรียนมีผลการทดสอบ วิชาภาษาไทย มีคะแนนเฉลี่ยร้อยละ 66.58 เพิ่มขึ้นจากปีการศึกษา 2565 อยู่ 2.59 แต่ยังสูงกว่ารับดับเขตพื้นที่และ ระดับประเทศ โรงเรียนบ้านคำนางโอกจึงต้องการความสามารถพื้นฐานของผู้เรียนระดับชาติ (o-net) รายวิชา ภาษาไทย ให้มีผลสัมฤทธิ์ที่สูงขึ้น อีกทั้งยังร่วมพัฒนาการจัดการเรียนการสอนวิชาภาษาไทยซึ่งเป็นวิชาพื้นฐานที่นักเรียน ต้อง อ่าน ออก เขียนได้ การสอนวิชาภาษาไทยจึงเป็นสิ่งจำเป็นอีกรายวิชาหนึ่ง ไม่ใช่แค่การสอบวัดความสามารถ พื้นฐานของผู้เรียนระดับชาติ (o-net) เพียงแต่อย่างเดียวแต่ กับรวมถึงการสอบ วัดผลจากการประเมินความสามารถ ด้านการอ่าน (Reading Test : RT) ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 และ การสอบวัดความสามารถพื้นฐานของผู้เรียน ระดับชาติ(NT) ของชั้นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ซึ่งชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 เป็นก้าวแรกที่ต้องอ่านออกเขียนได้ทุก คน หากชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 มีปัญหาในการอ่านและการเขียนแล้วก็จะเป็นอุปสรรคในการเรียนระดับชั้นที่สูงขึ้นต่อไป ส่งผลให้เป็นปัญหาอื่นตามมา เช่น นักเรียนไม่อยากมาโรงเรียนเพราะอ่านหนังสือไม่ออก อีกทั้งวิชาภาษาไทยเป็นวิชาที่ ต้องใช้เป็นพื้นฐานในการเรียนวิชาอื่น ๆ นักเรียนจึงต้องมีความสามารถด้านการอ่านที่สูงกว่านี้ โรงเรียนจึงต้องการพัฒนา ผู้เรียนในช่วงชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-3 ให้มีความสามารถด้านการอ่าน การเขียน ให้มีคุณภาพอยู่ในระดับที่สูงขึ้นกว่าเดิม แต่ในสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (Covid - 19) ก็นับว่าเป็นปัญหาระดับหนึ่งในการจัดการเรียน การสอนให้ผู้เรียนมีคุณภาพตามเป้าหมาย แต่หากสถานศึกษาและครูมีรูปแบบการบริหารงานในการจัดการเรียนการสอน ที่ดีมีประสิทธิภาพแล้ว ปัญหาดังกล่าวก็สามารถแก้ไขและพัฒนาผู้เรียนได้โดยไม่ยากเกินความสามารถของสถานศึกษา และคณะครู "รูปแบบการบริหารงานเพื่อพัฒนาศักยภาพครูในการพัฒนาความสามารถด้านการอ่าน เขียน และการคิด คำนวณ (กลุ่มสาระภาษาไทย และคณิตศาสตร์) ของนักเรียนโดยใช้ KNO (KHAMNANGOKE) MODEL โดยใช้ร่วมกับ กระบวนการระบบวงจรควบคุมคุณภาพ PDCA และกระบวนการชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (Professional Leaming Community: PLC ในการดำเนินงาน

2.จุดประสงค์ของการดำเนินงาน

1.)เพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ของการทดสอบระดับชาติ O-net ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ในกลุ่มสาระการเรียนรู้วิชาภาษาไทย

2) เพื่อเสริมสร้างเจตติที่ดีต่อการทดสอบให้นักเรียนเกิดความตระหนักเห็นความสำคัญของการสอบมากขึ้น

3) เพื่อจัดกิจกรรมเตรียมความพร้อมให้นักเรียนก่อนการทดสอบระดับชาติ (O-net)

4) เพื่อศึกษารูปแบบการบริหารงานเพื่อพัฒนาศักยภาพครูในการพัฒนาความสามารถด้านการอ่าน เขียน และ

การคิดคำนวณ (กลุ่มสาระภาษาไทย) ของนักเรียนโดยใช้ "2KNO (KHAMNANGOKE) MODEL”

3.ขอบเขตการดำเนินงาน

3.1) เป้าหมายในการดำเนินงาน กลุ่มเป้าหมาย

เชิงปริมาณ

1.) ร้อยละ 65 ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีผลการทดสอบระดับชาติ (O-net) สาระวิชาภาษาไทย เพิ่ม

2.) ร้อยละ 90 ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีทักษะและความรู้

3) ร้อยละ 90 ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ได้รับการสอนเสริมความรู้ สาระวิชาภาษาไทย เพื่อพัฒนา

ความรู้ ความสามารถ เตรียมพร้อมเข้ารับการทดสอบระดับชาติ และยกระดับสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้น

4.) ครูมีความรู้ความสามารถ และทักษะในการจัดการเรียนการสอนอยู่ในระดับดีขึ้นไป ไม่น้อยกว่าร้อยละ 80

เชิงคุณภาพ

1.) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน (O-net) ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 กลุ่มสาระภาษาไทยสูงขึ้น

2.) นักเรียนได้รับทักษะ ความรู้และเจตคติที่ดีต่อวิชา ต่อวิชาภาษาไทย

กลุ่มเป้าหมาย

1) ครูโรงเรียนบ้านคำนางโอก อำเภอนิคมคำสร้อย จังหวัดมุกดาหาร ปีการศึกษา 2566 จำนวนทั้งสิ้น 8 คน

2) นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนบ้านคำนางโอก อำเภอนิคมคำสร้อย จังหวัดมุกดาหาร ปีการศึกษา

2566 จํานวน 16 คน

3.2 ขอบเขตของเนื้อหา

นิยามศัพท์เฉพาะ

1) รูปแบบการบริหารงานเพื่อพัฒนาศักยภาพครูและนักเรียนในการพัฒนาความสามารถด้านการอ่าน เขียน กลุ่มสาระภาษาไทย ของนักเรียนโดยใช้ "2KNO (KHAMNANGOKE) MODEL" หมายถึง การดำเนินงานโดยใช้ กระบวนการ 5 ขั้นตอนในการดำเนินงาน ได้แก่ 1) ขั้นสำรวจปัญหาและวิเคราะห์ปัญหา (2) ชั้นแนวทางดำเนินการ

แก้ปัญหา 3) ชั้นดำเนินการแก้ปัญหา (4) ชั้นรายงานผลการดำเนินงาน 5) ชั้นขยายผลและเผยแพร่ผลการดำเนินงาน โดย ใช้กระบวนการระบบวงจรควบคุมคุณภาพ PDCA และกระบวนการชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (Professional Learning Community: PLC) ในการร่วมกันดำเนินงาน

2) การพัฒนาศักยภาพครู หมายถึง ครูโรงเรียนบ้านคำนางโอก อำเภอนิคมคำสร้อย จังหวัดมุกดาหาร มี ความรู้ ความสามารถ และทักษะในการจัดการเรียนการสอนโดยใช้รูปแบบการบริหารงาน "2KNO (KHAMNANGOKE)

MODEL”

3) นักเรียน หมายถึง นักเรียนโรงเรียนบ้านคำนางโอก อำเภอนิคมคำสร้อย จังหวัดมุกดาหาร ปีการศึกษา 2566

แนวคิดทฤษฎีประกอบในการดำเนินงาน

รูปแบบการบริหารงานเพื่อพัฒนาศักยภาพครูและนักเรียนในการพัฒนาความสามารถ ด้านการอ่าน เขียน กลุ่มสาระภาษาไทย ของนักเรียนโดยใช้ “2KNO (KHAMNANGOKE) MODEL"

“2KNO (KHAMNANGOKE) MODEL” มีความหมายดังนี้ "K" มาจากคำว่า Knowledge หมายถึง ความรู้ความรู้ “K” มาจากคำว่า Kindness หมายถึง มีคุณธรรม จริยธรรม "N" มาจากคำ ว่า Network Leaming หมายถึง มีสร้างเครือข่ายแห่งหารเรียนรู้ และ "0" มาจากค้าว่า Opportunity Learning หมายถึง สร้างโอกาสทางการเรียนรู้

K = Knowledge หมายถึง ครูมีความรู้ ความสามารถในการปฏิบัติการสอนจากการวิจัยในชั้นเรียนภายใต้ รูปแบบการบริหารงาน "KNO (KHAMNANGOKE) MODEL "โดยมีการศึกษาค้นคว้าแนวคิด ทฤษฎีจากงานวิจัย/การ สร้างสือนวัตกรรมในการสอนให้มีประสิทธิภาพประสิทธิผล

K : Kindness หมายถึง มีคุณธรรม จริยธรรม

N :Network Learning หมายถึง มีสร้างเครือข่ายแห่งหารเรียนรู้

O :Opportunity Learning หมายถึง สร้างโอกาสทางการเรียนรู้

มีการดำเนินงานโดยใช้กระบวนการทางการวิจัย 5 ขั้นตอนในการดำเนินงาน ได้แก่ 1) ชั้นสำรวจปัญหาและวิเคราะห์ปัญหา 2) ชั้นหาแนวทางในการแก้ปัญหา (3) ชั้นดำเนินการแก้ปัญหา 4) ชั้นรายงานผลการดำเนินงาน 5) ชั้นเผยแพร่ ผลงาน ร่วมกับระบบวงจรควบคุมคุณภาพ PDCA และกระบวนการชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (Professional Learning Community: PLC)

2KNO (KHAMNANGOKE) MODEL หมายถึง รูปแบบการบริหารเป็นชื่อของโรงเรียนบ้านคำนางโอก ซึ่งจากการวิเคราะห์สังเคราะห์โรงเรียนบ้านคำนางโอกกำหนดเป็น 5 ขั้นตอน ดังนี้ 1) ขั้นสำรวจปัญหาและวิเคราะห์ปัญหา (2) ชั้นแนวทางดำเนินการแก้ปัญหา (3) ชั้นดำเนินการแก้ปัญหา 4) ขั้นรายงานผลการดำเนินงาน 5) ชั้น ขยายผลและเผยแพร่ผลการดำเนินงาน โดยใช้ร่วมกับกระบวนการควบคุมคุณภาพ PDCA และกระบวนการชุมชนการ เรียนรู้ทางวิชาชีพ (Professional Leaming Community: PLC)

1.1) ชั้นสำรวจปัญหาและวิเคราะห์ปัญหา : (ชั้น Plan) หมายถึง เป็นขั้นตอนที่ผู้เกี่ยวข้องตั้งแต่ คณะกรรมการสถานศึกษา คณะครู และผู้บริหารร่วมกันวางแผน (ชั้น Plan) ในการในการพัฒนาผู้เรียน สำรวจ ศึกษา สภาพปัจจุบันของโรงเรียนและปัญหาที่เกิดจากการเรียนรู้ ตั้งแต่ทางโรงเรียนแจ้งรายงานผลการดำเนินงานด้านคุณภาพ ผู้เรียนในผลการเรียนและผลการสอบ O-netด้านประสบความสำเร็จ และไม่สำเร็จหรือยังไม่พึงพอใจแก่คณะกรรมการ สถานศึกษา แล้วคณะกรรมการร่วมกันกำหนดวิสัยทัศน์ของโรงเรียนที่ชุมชนหรือผู้ปกครองต้องการร่วมกันกับคณะครู กำหนดเป้าหมายของนักเรียนด้านผลสอบ O-net ร่วมกัน โดยสำรวจสภาพปัญหาของโรงเรียนที่นักเรียนยังมี O-net ต่ำ หรือยังไม่พึงพอใจ แล้วร่วมกันวิเคราะห์ถึงสาเหตุที่เกิดขึ้นกับตัวนักเรียน วิเคราะห์หาสาเหตุจากด้านตัวครูผู้สอน

วิเคราะห์สาเหตุในด้านการบริหาร/ผู้บริหาร เป็นต้น ซึ่งขั้นนี้คณะครู ผู้บริหารและคณะกรรมการสถานศึกษาจะร่วมกัน วางแผนร่วมกัน และ PLC มีการจัดตั้งกรรมการเพื่อวางแผนการยกระดับคุณภาพการศึกษา

1.2) ขั้นแนวทางดำเนินการแก้ปัญหา : (ขั้น Plan) หมายถึง ในขั้นนี้คณะครูจะร่วมกันวางแผนในการศึกษา ค้นคว้าตำรา เอกสาร/งานวิจัยที่เกี่ยวข้องเพื่อพัฒนาตนเองให้มีความรู้ความสามารถ และทักษะในการจัดการเรียนการ สอน ซึ่งครูจะเกิด Knowledge (K) และ Skill (5) ในขั้นนี้คณะครูจะร่วมกัน PLC เพื่อเลือกรูปแบบ/วิธีการที่คิดว่าจะ สามารถทำได้และได้ผลดีที่สุด

1.3) ขั้นดำเนินการแก้ปัญหา : (ขั้น Do) หมายถึง การใช้กระบวนการวิจัยในชั้นเรียนตรวจสอบผู้เรียนแล้ว คณะครูนำเครื่องมือที่สร้างไว้ ได้แก่ แผนการสอน, สื่อ/นวัตกรรมการเรียนการสอน, และเครื่องมือวัดและประเมินผล ลงไปใช้ในการสอนในห้องเรียนกับนักเรียน เช่น จัดกิจกรรมพัฒนาการเรียนการสอนรายวิชาภาษาไทย มีการคัดกรอง นักเรียน เพื่อสอนเสริมเด็กเก่ง และสอนซ่อมเสริมเด็กอ่อนเพื่อพัฒนานักเรียน จัดกิจกรรมติวเตอร์ในช่วงก่อนสอบ O-net เพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษา จัดกิจกรรมสอนเสริมเพิ่มความรู้สู่ O-net มีการส่งเสริมการอ่านภาษาไทย และมีการจัด สอย Pre O-net โดยใช้ข้อสอบเก่า 3-4 ปี ย้อนหลัง มีการจัดเครื่องข่ายติวเตอร์ เพื่อช่วยเหลือกันภายในกลุ่มเครือข่ายร่ม กกชัยพัฒนา เพื่อพัฒนายกระดับผลสัมฤทธิ์ไปด้วยกัน

4) ขั้นรายงานผลการดำเนินงาน (Check) หมายถึง ขั้นตอนนี้คณะครูร่วมกันรายงานผลที่เกิดขึ้นกับ ผู้เรียนว่าจากการดำเนินการสอนนักเรียนมาตั้งแต่ต้นจนจบกระบวนการพัฒนา มีการนิเทศติดตาม สรุปผลการดำเนินงาน

5) ขั้นขยายผลและเผยแพร่ผลการดำเนินงานผู้บริหารนำเสนอผลงานการดำเนินงาน ความสามารถด้านการอ่าน เขียน กลุ่มสาระภาษาไทย ของ นักเรียนโดยใช้แก่ผู้ปกครองชุมชน หรือกลุ่มเครือข่าย ทางกลุ่ม Line /Feacbook/เวปไซต์โรงเรียนบ้านคำนางโอก/การ ประชุมผู้ปกครองนักเรียน เป็นต้น

ระบบวงจรควบคุมคุณภาพเดมมิ่ง (Deming Cycle) หรือวงล้อคุณภาพ PDCA

วงจรการควบคุมคุณภาพ (PDCA Cycle) หรือ วงจรเด็มมิ่ง (Deming Cycle) คือ แนวคิดการพัฒนาการทำงานเพื่อควบคุมคุณภาพงานให้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง พัฒนามาจากแนวคิดของ วอล์ทเตอร์ ซิวฮาร์ท (Walter Shewhart) นักสถิติในงานอุตสาหกรรม ต่อมาแนวคิดนี้เริ่มเป็นที่รู้จักกันมากขึ้นเมื่อ เอดวาร์ด เดมมิ่ง (W.Edwards Deming) นักจัดการบริหารคุณภาพ ได้นำเสนอและเผยแพร่ใช้เป็นเครื่องมือสำหรับการปรับปรุงกระบวนการทำงานของพนักงานภายในโรงงานให้ดีขึ้น ซึ่งจะใช้ในการค้นหาปัญหาอุปสรรคในขั้นตอนการทำงาน จนเป็นที่รู้จักกันในชื่อว่า “วงจรเดมมิ่ง” หรือ “วงจร PDCA” โดย PDCA ย่อมาจาก 4 คำ ได้แก่ Plan (วางแผน), Do (ปฏิบัติ), Check (ตรวจสอบ) และ Action (การดำเนินการให้เหมาะสมหรือการปรับปรุงให้ดีขึ้นยิ่ง ๆขึ้นไป) ซึ่งวงจร PDCA สามารถประยุกต์ใช้ได้กับทุก ๆ เรื่อง นับตั้งแต่กิจกรรมส่วนตัว เช่น การปรุงอาหาร การเดินทางไปทำงานในแต่ละวัน การตั้งเป้าหมายชีวิต (กนกวรรณ ไพกะเพศ พร้อมคณะ. 2563)

กระบวนการชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (Professional Learning Community: PLC) โดยมีรายละเอียด ดังนี้

กระบวนการชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ ได้สรุปความหมายของชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพไว้ว่า ชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ หมายถึง กระบวนการสร้างการเปลี่ยนแปลงโดยเรียนรู้จากการปฏิบัติงานของกลุ่มบุคคลที่มารวมกัน เพื่อทำงานร่วมกัน และสนับสนุนซึ่งกันและกัน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ พัฒนาการเรียนรู้ของผู้เรียนร่วมกัน วางเป้าหมายการเรียนรู้ของผู้เรียน และตรวจสอบ สะท้อนผลการปฏิบัติ ทั้งในส่วนบุคคลและผลที่เกิดขึ้นโดยรวมผ่านกระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ การวิพากษ์ วิจารณ์ การทำงานร่วมกัน การร่วมมือรวมพลัง โดยมุ่งเน้น และส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้อย่างเป็นองค์รวม (วิชัย วงษ์ใหญ่ และมารุต พัฒผล : 2562)

กลยุทธ์ในการจัดการและใช้ชุมชนแห่งการเรียนทางรู้วิชาชีพ (PLC) อย่างยั่งยืน

1) เริ่มต้นด้วยขั้นตอนง่าย ๆ (Take a baby steps) โดยเริ่มต้นจากการกำหนดเป้าหมาย อภิปราย สะท้อนผล แลกเปลี่ยนกับคนอื่น ๆ เพื่อกำหนดว่า จะดำเนินการอย่างไร โดยพิจารณาและสะท้อนผลในประเด็นต่อไปนี้

1.1 หลักการอะไรที่จะสร้างแรงจูงใจในการปฏิบัติ

1.2 เราจะเริ่มต้นความรู้ใหม่อย่างไร

1.3 การออกแบบอะไรที่พวกเราควรใช้ในการตรวจสอบหลักฐานของการเรียนรู้ที่สำคัญ

2) การวางแผนด้วยความร่วมมือ (Plan Cooperatively) สมาชิกของกลุ่มกำหนดสารสนเทศที่ต้องใช้ในการดาเนินการ

3) การกำหนดความคาดหวังในระดับสูง (Set high expectations) และวิเคราะห์การสอนสืบเสาะหาวิธีการที่จะทำให้ประสบผลสำเร็จสูงสุด

4) เริ่มต้นจากจุดเล็กๆ (Start small) เริ่มต้นจากการใช้กลุ่มเล็ก ๆ ก่อนแล้วค่อยปรับขยาย

5) ศึกษาและใช้ข้อมูล (Study and use the data) ตรวจสอบผลการนำไปใช้และการสะท้อนผลเพื่อนำมากำหนดว่าแผนไหนควรใช้ต่อไป/แผนไหนควรปรับปรุงหรือยกเลิก (วิชัย วงษ์ใหญ่ และมารุต พัฒผล. 2562 : 13)

ศักยภาพครู

ศักยภาพครู หมายถึง ครูต้องมีความรู้ (Knowledge : K), ความสามารถ และทักษะปฏิบัติ (Skill : S) ในการจัดการเรียนการสอน ซึ่งครูต้องมีศักยภาพในการจัดการเรียนการสอน ดังนี้

1) ครูผู้สอนมีความรู้ ความเข้าใจ รู้เป้าหมายของการจัดการศึกษา และหลักสูตร

การศึกษา โดยการศึกษาข้อมูลพระราชบัญญัติการศึกษา ตำราเอกสารหลักสูตร หลักสูตรสาขาวิชาลักษณะรายวิชาจัดทำแผนการสอนและเอกสารประกอบการสอน

2) ครูผู้สอนมีการวิเคราะห์ศักยภาพของผู้เรียน และเข้าใจผู้เรียนเป็นรายบุคคล

ใช้หลักการวิเคราะห์ผู้เรียน เช่น วิเคราะห์จากรูปแบบการเรียนรู้ ความภูมิใจตนเอง เจตคติต่อวิชาความคาดหวังในการเรียน ใช้แบบวัดความรู้พื้นฐานของผู้เรียน (Pretest) ก่อนเรียน วัดผลการเรียนของผู้เรียนเป็นรายหน่วยและมีการมอบหมายงานให้ผู้เรียนในระหว่างการเรียนการสอน

3) ครูผู้สอนมีความสามารถในการจัดประสบการณ์ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญโดยการจัดทำแผนการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ เช่น การบูรณาการเนื้อหา การจัดการเรียนรู้เพื่อชี้แนะการรู้คิด

4) ครูผู้สอนมีความสามารถในการใช้เทคโนโลยีในการพัฒนาการเรียนของตนเอง

และผู้เรียน เช่น ใช้คอมพิวเตอร์ในการหาความรู้จากเครือข่ายอินเทอร์เน็ต มอบหมายให้ผู้เรียนค้นคว้า

และนำมาอภิปรายในชั้นเรียน ฝึกการใช้โปรแกรมสำเร็จรูปในการประมวลข้อมูล และจัดทำรายงานพัฒนาและใช้สื่อการสอนโดยใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ

5) ครูผู้สอนมีการประเมินผลการเรียนการสอนที่สอดคล้องกับสภาพการเรียนรู้ที่จัดให้ผู้เรียนและอิงพัฒนาการของผู้เรียน เช่น มอบหมายงานเดี่ยวและงานกลุ่ม ประเมินผลการเรียนรู้จากผลงานที่มอบหมายในระหว่างเรียน และทดสอบหลังเรียน

6) ครูผู้สอนมีการนำผลประเมินมาปรับเปลี่ยนการเรียนการสอน เพื่อพัฒนาผู้เรียนให้เต็มตามศักยภาพ ในการนำผลการประเมินการเรียนรู้มาเป็นแนวทางในการปรับเปลี่ยนการเรียนการสอน

7) ครูผู้สอนมีการวิจัยเพื่อพัฒนาสื่อการเรียนรู้ของผู้เรียนและนำผลไปใช้พัฒนาผู้เรียน

8) ครูผู้สอนมีการความรู้ความเข้าใจในกระบวนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (PLC)

โพสต์โดย kimkung12 : [11 ธ.ค. 2567 (14:06 น.)]
อ่าน [447] ไอพี : 171.4.93.239
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
Advertisement

 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 40,693 ครั้ง
ปลาสวยงาม
ปลาสวยงาม

เปิดอ่าน 44,662 ครั้ง
โมเดลกระดาษ
โมเดลกระดาษ

เปิดอ่าน 21,290 ครั้ง
กินรสจืด ยืดชีวิต
กินรสจืด ยืดชีวิต

เปิดอ่าน 14,259 ครั้ง
อันดับเมืองน่าอยู่
อันดับเมืองน่าอยู่

เปิดอ่าน 237,231 ครั้ง
การคำนวณอัตรากำลังข้าราชการครูโรงเรียนประถมศึกษาและโรงเรียนมัธยมศึกษา
การคำนวณอัตรากำลังข้าราชการครูโรงเรียนประถมศึกษาและโรงเรียนมัธยมศึกษา

เปิดอ่าน 148,916 ครั้ง
ความหมายของครู
ความหมายของครู

เปิดอ่าน 68,571 ครั้ง
ทำไมจึงไม่ควรให้ผู้ไม่มีใบประกอบอาชีพครูมีสิทธิสอบครูได้ : โดย รศ.ดร.สมาน อัศวภูมิ
ทำไมจึงไม่ควรให้ผู้ไม่มีใบประกอบอาชีพครูมีสิทธิสอบครูได้ : โดย รศ.ดร.สมาน อัศวภูมิ

เปิดอ่าน 9,856 ครั้ง
แปลงความยากจน ให้เป็นต้นทุนแห่งการเรียนรู้
แปลงความยากจน ให้เป็นต้นทุนแห่งการเรียนรู้

เปิดอ่าน 12,243 ครั้ง
ตรวจสอบฮวงจุ้ยที่บ้านคุณ
ตรวจสอบฮวงจุ้ยที่บ้านคุณ

เปิดอ่าน 13,191 ครั้ง
7 วิธีเติมความมีชีวิตชีวาให้ชีวิต
7 วิธีเติมความมีชีวิตชีวาให้ชีวิต

เปิดอ่าน 22,495 ครั้ง
ขยันอย่างไร?...จึงจะประสบความสำเร็จ
ขยันอย่างไร?...จึงจะประสบความสำเร็จ

เปิดอ่าน 53,580 ครั้ง
เทคนิคที่ทำให้คุณเป็นคนฉลาดและมีความจำดี
เทคนิคที่ทำให้คุณเป็นคนฉลาดและมีความจำดี

เปิดอ่าน 35,917 ครั้ง
Verbs ( Types )
Verbs ( Types )

เปิดอ่าน 15,181 ครั้ง
ระวัง! ของกินเล่นพลังงานสูง
ระวัง! ของกินเล่นพลังงานสูง

เปิดอ่าน 11,257 ครั้ง
คุณหมอขอบอก: วิธีคลายเครียดจากน้ำท่วม
คุณหมอขอบอก: วิธีคลายเครียดจากน้ำท่วม

เปิดอ่าน 11,344 ครั้ง
ชมหรือยัง? สถานการณ์ การศึกษาไทย 2557 (The State of Thai Education 2014)
ชมหรือยัง? สถานการณ์ การศึกษาไทย 2557 (The State of Thai Education 2014)
เปิดอ่าน 10,470 ครั้ง
Animator vs Animation ภาค 4 กลับมาแล้ว สุดยอดมาก ชมคลิปกันเลย
Animator vs Animation ภาค 4 กลับมาแล้ว สุดยอดมาก ชมคลิปกันเลย
เปิดอ่าน 855 ครั้ง
ประโยชน์ของผลไม้สีแดง
ประโยชน์ของผลไม้สีแดง
เปิดอ่าน 30,172 ครั้ง
หลัก 10 ประการ ช่วยให้นอนหลับ
หลัก 10 ประการ ช่วยให้นอนหลับ
เปิดอ่าน 19,338 ครั้ง
ผักสุกมีคุณค่าอาหารสูงกว่าดิบ
ผักสุกมีคุณค่าอาหารสูงกว่าดิบ

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
โครงการบ้านเชียงใหม่
บ้านเชียงใหม่
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ