ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
การพัฒนาการจัดการเรียนรู้ โดยใช้รูปแบบ PATS ที่เชื่อมโยงกับชีวิตจริง เรื่อง ค่าวัดทางสถิติ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนทับสะแกวิทยา

ชื่องานวิจัย การพัฒนาการจัดการเรียนรู้ โดยใช้รูปแบบ PATS ที่เชื่อมโยงกับชีวิตจริง เรื่อง ค่าวัดทางสถิติ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนทับสะแกวิทยา

ชื่อผู้วิจัย นางสาวพรชนิตา เชื้อทอง

รายวิชา คณิตศาสตร์6 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ภาคเรียนที่ 2

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ของนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 6 ก่อนและหลังการจัดการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบ PATS ที่เชื่อมโยงกับชีวิตจริง เรื่อง ค่าวัดทางสถิติ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนทับสะแกวิทยา 2)เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ที่มีต่อการจัดการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบ PATS ที่เชื่อมโยงกับชีวิตจริง เรื่อง ค่าวัดทางสถิติ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนทับสะแกวิทยา กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/1 จำนวน 29 คน โรงเรียนทับสะแกวิทยา ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566

เครื่องมือที่ใช้ในงานวิจัย ได้แก่

1) แผนการจัดการเรียนรู้วิชาคณิตศาสตร์เรื่อง ค่ากลางของข้อมูล

2) แบบทดสอบ เรื่อง ค่าวัดทางสถิติ รายวิชาคณิตศาสตร์6

3) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อวิธีการจัดการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบ PATS เรื่อง ค่าวัดทางสถิติของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนทับสะแกวิทยา ที่เชื่อมโยงกับชีวิตจริง วิเคราะห์ข้อมูลโดยการหาค่าเฉลี่ย (x ̅-bar) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.)

ผลการวิจัยพบว่า

1. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ที่ใช้การจัดการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบ PATS ที่เชื่อมโยงกับชีวิตจริง เรื่อง ค่าวัดทางสถิติ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนทับสะแกวิทยา หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน

2. ความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนทับสะแกวิทยา ที่มีต่อการจัดการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบ PATS ที่เชื่อมโยงกับชีวิตจริง เรื่อง ค่าวัดทางสถิติ โดยภาพรวมนักเรียนมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด

1 ที่มาและความสำคัญของปัญหา

การจัดการเรียนรู้แบบโครงงานเป็นฐานเป็นการส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต ซึ่งมีขั้นตอนการเรียนรู้ที่เริ่มจากการแสวงหาความรู้ กระบวนการคิด และทักษะในการแก้ปัญหาไว้ใน รูปแบบการเรียนรู้ ที่ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติด้วยตนเองเป็นหลัก ผู้สอนทำหน้าที่เป็นเพียงผู้ให้คำปรึกษา และอำนวยความสะดวก เพื่อให้การเรียนรู้ของผู้เรียนบรรลุตามวัตถุประสงค์การเรียนรู้ โดยการเรียนรู้แบบโครงงานนั้นอาจะเป็นการทำงานที่ต่อยอดจากทฤษฎี การนำทฤษฎีไปใช้ประโยชน์ในการ ทำโครงงาน เน้นให้ผู้เรียนได้สร้างความรู้ด้วยตนเอง ซึ่งความรู้ที่สร้างขึ้นด้วยตนเองมีความสำคัญกับ ผู้เรียนมากเพราะจะเป็นความรู้ที่คงทน ไม่ลืมง่าย อีกทั้งได้ถ่ายทอดความรู้จากประสบการณ์การ เรียนรู้ของผู้เรียนเองส่งผลให้เกิดการพัฒนาทักษะในด้านต่าง ๆ สอดคล้องกับแนวคิดของ John Dewey เรื่อง “learning by doing” ซึ่งได้กล่าวว่า “Education is a process of living and not a preparation for future living.” ซึ่งเป็นการเน้นการจัดการเรียนรู้ที่ให้นักเรียนได้รับประสบการณ์ชีวิตขณะที่เรียน เพื่อให้ นักเรียนได้พัฒนาทักษะต่างๆ ซึ่งสอดคล้องกับหลักพัฒนาการคิดของ Bloom ทั้ง 6 ขั้น คือ ความรู้ ความจำ (Remembering) ความเข้าใจ (Understanding) การประยุกต์ใช้ (Applying) การวิเคราะห์ (Analyzing) การประเมินค่า (Evaluating) และการคิดสร้างสรรค์ (Creating) ซึ่งการจัดการเรียนรู้แบบโครงงานเป็นฐาน นั้นจึงเป็นเป็นอีกรูปแบบหนึ่ง ที่ถือได้ว่าเป็นการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติเพื่อฝึกทักษะต่างๆ ด้วยตนเองทุกขั้นตอน โดยมีครูเป็นผู้จัดประสบการณ์การเรียนรู้ [3]

จากความสำคัญและปัญหาดังกล่าวผู้วิจัยเห็นว่าการจัดการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบ PATS ที่เชื่อมโยงกับชีวิตจริง สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 เรื่อง ค่าวัดทางสถิติ เพราะในขั้นตอนของการจัดการเรียนรู้ จะมีขั้นตอนการฝึกทักษะการคิดวิเคราะห์ปัญหา พัฒนาทักษะการคิด มีกระบวนการคิดอย่างอิสระ รวมทั้งเกิดทักษะในการปฏิบัติงานที่เป็นระบบจากการลงมือปฏิบัติจริง

2 วัตถุประสงค์ของการวิจัย

2.1. เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน โดยใช้รูปแบบ PATS ที่เชื่อมโยงกับชีวิตจริง เรื่อง ค่าวัดทางสถิติ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนทับสะแกวิทยา

2.2. เพื่อความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ที่มีต่อการจัดการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบ PATS ที่เชื่อมโยงกับชีวิตจริง เรื่อง ค่าวัดทางสถิติ

3 ขอบเขตการวิจัย

3.1 กลุ่มเป้าหมาย

กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในวิจัย เป็นนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 ของโรงเรียนทับสะแกวิทยา จำนวนนักเรียนทั้งหมด 29 คน โดยในห้องมีนักเรียนที่คละความสามารถกันทั้งกลุ่มเก่ง กลุ่มกลาง และกลุ่มอ่อน

3.2 ด้านเนื้อหา

เนื้อหาในรายวิชาคณิตศาสตร์พื้นฐาน6 เรื่อง ค่าวัดทางสถิติ

3.3 ด้านตัวแปรที่วิจัย

ตัวแปรอิสระ คือ การจัดการเรียนรู้

ตัวแปรตาม คือ คะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้

3.4 ด้านระยะเวลา/สถานที่

ผู้วิจัยได้จัดการเรียนการสอน เรื่อง การวิเคราะห์และนำเสนอข้อมูลเชิงปริมาณ ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 ใช้เวลาจำนวน 8 สัปดาห์ สัปดาห์ละ 2 ชั่วโมง รวมทั้งสิ้น 16 ชั่วโมง

4 ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากการวิจัย

4.1 ได้พัฒนาการจัดการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบ PATS ที่เชื่อมโยงกับชีวิตจริง เรื่อง ค่าวัดทางสถิติ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนทับสะแกวิทยา

4.2 เป็นแนวทางสำหรับครูผู้สอนวิชาคณิตศาสตร์และผู้สนใจได้นำวิธีการไปประยุกต์ใช้กับ บทเรียนคณิตศาสตร์เรื่องอื่น ๆ ของนักเรียนในระดับที่สูงขึ้นต่อไป

ผลการศึกษา เรื่อง การพัฒนาการจัดการเรียนรู้ โดยใช้รูปแบบ PATS ที่เชื่อมโยงกับชีวิตจริง เรื่อง ค่าวัดทางสถิติ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนทับสะแกวิทยา โดยมีลำดับขั้นตอนในการนำเสนอข้อมูลดังนี้

ตารางที่ 1 ตารางแสดงผลการเปรียบเทียบคะแนนเฉลี่ยผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียน-หลังเรียน รายวิชาคณิตศาสตร์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 เรื่อง ค่าวัดทางสถิติ ปีการศึกษา 2566 คะแนนเต็ม 10 คะแนน

ผลการทดลอง N x ̅-bar ร้อยละ

ก่อนเรียน (T1) 29 3.724 37.24

หลังเรียน (T2) 29 8.966 89.66

จากตาราง พบว่า คะแนนเฉลี่ยผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนด้วยเอกสารประกอบการเรียนของนักเรียนก่อนเรียนเท่ากับ 3.724 คิดเป็นร้อยละ 37.24 คะแนนเฉลี่ยผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนเท่ากับ 8.966 คิดเป็นร้อยละ 89.66

5 สรุป

ในการศึกษาการพัฒนาการจัดการเรียนรู้ โดยใช้รูปแบบ PATS ที่เชื่อมโยงกับชีวิตจริง เรื่อง ค่าวัดทางสถิติ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนทับสะแกวิทยา สรุปได้ดังนี้

5.1 นักเรียนที่ได้รับการพัฒนาการจัดการเรียนรู้ โดยใช้รูปแบบ PATS ที่เชื่อมโยงกับชีวิตจริง เรื่อง ค่าวัดทางสถิติ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนทับสะแกวิทยา มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน

5.2 นักเรียนมีความพึงพอใจ การพัฒนาการจัดการเรียนรู้ โดยใช้รูปแบบ PATS ที่เชื่อมโยงกับชีวิตจริง เรื่อง ค่าวัดทางสถิติ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนทับสะแกวิทยา ภาพรวม อยู่ในระดับมากที่สุด

6 อภิปรายผล

จากการศึกษาพบว่า การพัฒนาการจัดการเรียนรู้ โดยใช้รูปแบบ PATS ที่เชื่อมโยงกับชีวิตจริง เรื่อง ค่าวัดทางสถิติ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนทับสะแกวิทยา มีผลต่อคะแนนก่อนเรียน-หลังเรียน โดยคะแนนเฉลี่ยผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนเท่ากับ เท่ากับ 3.724 คิดเป็นร้อยละ 37.24 คะแนนเฉลี่ยผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนเท่ากับ 8.966 คิดเป็นร้อยละ 89.66 ทั้งนี้อาจเป็นเพราะนักเรียนเกิดเจตคติที่ดี ต่อวิชาคณิตศาสตร์ และเอกสารประกอบการเรียน ยังเป็นสื่อการสอนที่พัฒนาความคิดจากง่ายไปยากตามลำดับ จนนักเรียนเกิดความเข้าใจมากขึ้น

7 ข้อเสนอแนะ

จากการศึกษาพบว่า การพัฒนาการจัดการเรียนรู้ โดยใช้รูปแบบ PATS ที่เชื่อมโยงกับชีวิตจริง เรื่อง ค่าวัดทางสถิติ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนทับสะแกวิทยา ในการจัดการเรียนการสอน ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของนักเรียนได้ดี จึงควรนำการจัดการเรียนรู้ ไปทดลองใช้กับหน่วยอื่นในวิชาคณิตศาสตร์

โพสต์โดย ครูลูกปัท : [20 พ.ย. 2567 (09:30 น.)]
อ่าน [43] ไอพี : 110.77.134.4
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 37,918 ครั้ง
ชุดประจำชาติต่างๆ ในอาเซียน
ชุดประจำชาติต่างๆ ในอาเซียน

เปิดอ่าน 18,011 ครั้ง
อะควาโพนิค ต้นแบบสวนครัวยุคใหม่...ปลูกผักเลี้ยงปลา
อะควาโพนิค ต้นแบบสวนครัวยุคใหม่...ปลูกผักเลี้ยงปลา

เปิดอ่าน 19,463 ครั้ง
วิธีแก้ปวดหลัง
วิธีแก้ปวดหลัง

เปิดอ่าน 13,762 ครั้ง
ชมย้อนหลัง วอลเล่ย์บอลสาวเกาหลีใต้ชนะจีน 3-2 เซต คว้าที่ 3 เมื่อวันที่ 21 ก.ย.56
ชมย้อนหลัง วอลเล่ย์บอลสาวเกาหลีใต้ชนะจีน 3-2 เซต คว้าที่ 3 เมื่อวันที่ 21 ก.ย.56

เปิดอ่าน 8,548 ครั้ง
โรงเรียนยุคมิลเลนเนียล
โรงเรียนยุคมิลเลนเนียล

เปิดอ่าน 2,944 ครั้ง
วัยทำงานนั่งนาน 8 ชั่วโมง เมินขยับ ไม่มีกิจกรรมทางกาย เสี่ยงอ้วนลงพุง
วัยทำงานนั่งนาน 8 ชั่วโมง เมินขยับ ไม่มีกิจกรรมทางกาย เสี่ยงอ้วนลงพุง

เปิดอ่าน 37,355 ครั้ง
พัฒนาการทางเทคโนโลยีการศึกษา
พัฒนาการทางเทคโนโลยีการศึกษา

เปิดอ่าน 19,408 ครั้ง
เหงื่อบอกโรค
เหงื่อบอกโรค

เปิดอ่าน 10,768 ครั้ง
วิวาห์ใต้สมุทรตรัง 2010
วิวาห์ใต้สมุทรตรัง 2010

เปิดอ่าน 25,840 ครั้ง
ฟุตซอล(Futsal): วิธีการคาดโทษและไล่ออก
ฟุตซอล(Futsal): วิธีการคาดโทษและไล่ออก

เปิดอ่าน 36,374 ครั้ง
เทคนิค "การต่อใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู"
เทคนิค "การต่อใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู"

เปิดอ่าน 41,000 ครั้ง
ทำไมต้องจ้างผู้เชี่ยวชาญตรวจรับบ้าน?
ทำไมต้องจ้างผู้เชี่ยวชาญตรวจรับบ้าน?

เปิดอ่าน 42,509 ครั้ง
6 ขั้นตอนเพื่อสร้างแรงจูงใจในการทำงานและความผูกพันในองค์กร เพื่อรักษาคนเก่งขององค์กร
6 ขั้นตอนเพื่อสร้างแรงจูงใจในการทำงานและความผูกพันในองค์กร เพื่อรักษาคนเก่งขององค์กร

เปิดอ่าน 14,874 ครั้ง
ระวัง! ของกินเล่นพลังงานสูง
ระวัง! ของกินเล่นพลังงานสูง

เปิดอ่าน 1,701 ครั้ง
ของฝากประจำจังหวัดศรีสะเกษ สินค้าแนะนำภาคอีสาน
ของฝากประจำจังหวัดศรีสะเกษ สินค้าแนะนำภาคอีสาน

เปิดอ่าน 16,638 ครั้ง
เด็กนอนเป็นเวลาปัญญาดี ยิ่งนอนตั้งแต่หัวค่ำยิ่งหัวไวยิ่งกว่าเพื่อน
เด็กนอนเป็นเวลาปัญญาดี ยิ่งนอนตั้งแต่หัวค่ำยิ่งหัวไวยิ่งกว่าเพื่อน
เปิดอ่าน 15,598 ครั้ง
โซเชียลเน็ตเวิร์กทำครอบครัวร้าว
โซเชียลเน็ตเวิร์กทำครอบครัวร้าว
เปิดอ่าน 13,085 ครั้ง
12 เคล็ดลับที่ช่วยให้หนุ่ม ๆ ลดน้ำหนักได้เร็วขึ้น
12 เคล็ดลับที่ช่วยให้หนุ่ม ๆ ลดน้ำหนักได้เร็วขึ้น
เปิดอ่าน 12,047 ครั้ง
ดูวิวัฒนาการใบหน้าบรรพบุรุษสู่มนุษย์ยุคใหม่ - 6 ล้านปีใน 1 นาที
ดูวิวัฒนาการใบหน้าบรรพบุรุษสู่มนุษย์ยุคใหม่ - 6 ล้านปีใน 1 นาที
เปิดอ่าน 15,059 ครั้ง
ลายมืออัจฉริยะผู้นำ เป็นอย่างไร?
ลายมืออัจฉริยะผู้นำ เป็นอย่างไร?

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ