ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
Advertisement

การพัฒนาบทปฏิบัติการทดลองแบบย่อส่วน วิชาเคมี เรื่อง ไฟฟ้าเคมี สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6

บทคัดย่อ

ชื่อเรื่อง การพัฒนาบทปฏิบัติการทดลองแบบย่อส่วน วิชาเคมี เรื่อง ไฟฟ้าเคมี สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6

ผู้วิจัย นางปัณณ์นารา พุทธเศรษฐ์สิริ

ปีที่ทำการวิจัย ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2565

จากผลการวิจัยพบว่า ทักษะการสังเกต นักเรียนร้อยละ 100 มีทักษะการสังเกต โดยนักเรียนสามารถใช้ประสาทสัมผัสทั้ง 5 ในการสังเกต บอกหรือบันทึกการสังเกตในเชิงคุณภาพ เชิงปริมาณได้และไม่ใส่ ข้อคิดเห็นส่วนตัวของผู้สังเกต เช่น ครูให้นักเรียนทำการทดลองเรื่องศักย์ไฟฟ้าของเซลล์ นักเรียนจะต้องสังเกตสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากที่หยดสารละลายลงไปที่โลหะ ขณะทำการทดลองครูถามนักเรียนว่า “มีโลหะชนิดใดบ้างที่ทำปฏิกิริยากับโลหะ แล้วสังเกตเห็นอะไร” นักเรียนตอบว่า “โลหะสังกะสีทำปฏิกิริยากับสารละลายคอปเปอร์ซัลเฟต สังเกตเห็นจากที่มีสารสีน้ำตาลแดงเกาะบนแผ่นสังกะสี แล้วสารละลายก็เป็นสีฟ้าจางลง” ครูถามต่อว่ายังมีสารอื่นอีกหรือไม่ที่ทำปฏิกิริยากับโลหะ นักเรียนช่วยกันตอบในสิ่งที่สังเกตได้ ซึ่งครูเป็นผู้สรุปข้อมูลที่ได้อีก

ครั้งเพื่อให้นักเรียนได้เข้าใจตรงกัน

ทักษะการวัด พบว่า นักเรียนร้อยละ 96.67 มีทักษะการวัด โดยนักเรียนส่วนใหญ่สามารถเลือกเครื่องมือวัดได้เหมาะสมกับสิ่งที่ต้องการวัดได้ บอกเหตุผลในการเลือกเครื่องมือรวมถึงบอกวิธีวัดและวิธีใช้เครื่องมืออย่างถูกต้อง และสามารถอ่านค่าและระบุหน่วยที่ได้จากการวัดได้ เช่น ครูกำหนดรูปโวลต์มิเตอร์ แล้วให้นักเรียนอ่านค่าที่ได้จากโวลต์มิเตอร์ด้วยกำลังกระแสไฟฟ้าขนาดต่างๆ นักเรียนส่วนใหญ่สามารถอ่านค่าศักย์ไฟฟ้าและระบุหน่วยได้ถูกต้อง อาจคลาดเคลื่อนได้ ในครั้งที่ประเมินก่อนเรียน มีนักเรียนสอบถามว่า “รูปนี้คืออะไร ตัวเลขที่แสดงคืออะไร เครื่องมือนี้ใช้ทำอะไร” ซึ่งเป็นคำถามที่ครูสามารถนำไปอธิบายในขณะปฏิบัติกิจกรรม เพราะมีการใช้เครื่องโวลต์มิเตอร์ด้วย แต่เนื่องจากโวลต์มิเตอร์มีหลายแบบ และนักเรียนยังไม่เคยใช้มาก่อน ครูจึงจำเป็นต้องเป็นผู้ให้คำแนะนำในครั้งแรก หลังจากนั้นเมื่อมีการปฏิบัติกิจกรรมอีก นักเรียนสามารถเลือกใช้เครื่องมือ บอก

วิธีการวัด วิธีใช้ อ่านค่าที่ได้จากเครื่องมือ และระบุหน่วยได้อย่างถูกต้อง

ทักษะการคำนวณ พบว่า นักเรียนร้อยละ 90 มีทักษะการคำนวณโดยนักเรียนสามารถจัดกระทำตัวเลขด้วยการบวก การลบ การคูณ การหารตัวเลขได้ แสดงวิธีคำนวณและคิดคำนวณผลลัพธ์ได้ถูกต้อง เช่น ครูให้นักเรียนเปรียบเทียบค่าศักย์ไฟฟ้าของเซลล์ แล้วจับคู่สารว่าคู่ใดเกิดได้หรือเกิดไม่ได้อย่างไร ซึ่งนักเรียนต้องใช้การลบค่าศักย์ไฟฟ้าของขั้วแคโทดและขั้วแอโนดประกอบการตอบคำถาม ในครั้งแรกครูยังไม่บอกวิธีการคำนวณเมื่อมีนักเรียนตอบได้ ครูจะเปลี่ยนสารจับคู่ใหม่ไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมีนักเรียน ส่วนใหญ่ตอบคำถามได้ ครูสังเกตเห็นว่า นักเรียนจะกระตือรือร้นในการตอบ หากนักเรียนคนใดยังตอบคำถามไม่ได้จะเกิดอาการกังวลอยากรู้ ที่มาของคำตอบ พยายามจะคิดตาม และสอบถามจากเพื่อน แต่ยังมีนักเรียนส่วนน้อยที่ยังตอบไม่ได้ ครูจำเป็นที่ต้องอธิบายให้นักเรียนเข้าใจ แล้วลงมือปฏิบัติกิจกรรมเพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงจากการที่นักเรียนได้คำนวณพร้อมทั้งนำไปประยุกต์ในเนื้อหาเรื่องต่อไปได้

ทักษะการพยากรณ์ พบว่า นักเรียนร้อยละ 93.33 มีทักษะการพยากรณ์ โดยนักเรียนสามารถทำนายผลที่เกิดขึ้นจากข้อมูลที่เป็นหลักการหรือทฤษฏีที่มีอยู่ได้หรือที่เกิดขึ้นภายในขอบเขตของข้อมูลที่มีอยู่ได้อย่างถูกต้อง เช่น ครูกำหนดสถานการณ์ว่า “ถ้าใส่สารละลาย CuSO4 ลงในถัง Fe จะเกิดการผุกร่อนของถังเหล็กหรือไม่” นักเรียนตอบว่า “เกิดการผุกร่อน” ครูถามเพราะอะไรจึงเป็นเช่นนั้น นักเรียนต่างช่วยกันตอบว่าหาได้จากการนำ ค่าศักย์ไฟฟ้ามาใช้ประกอบการตอบคำถาม ซึ่งเป็นการบ่งบอกได้ว่านักเรียนสามารถอ้างอิงข้อมูลที่ศึกษาได้ จากหลักการที่มีอยู่ เพื่อนำมาใช้ในการตอบคำถาม แต่ยังมีนักเรียนบางส่วน ตอบคำถามเพียงสั้นๆ พอสอบถามจึงทราบว่า นักเรียนใช้ความรู้สึกของตนเอง ซึ่งไม่สามารถบอกเหตุผลของคำตอบได้

ทักษะการตั้งสมมติฐาน พบว่า นักเรียนร้อยละ 96.67 มีทักษะการตั้งสมมติฐาน โดยนักเรียนสามารถหาคำตอบล่วงหน้าก่อนที่จะดำเนินการทดลอง โดยอาศัยการสังเกต ความรู้ และประสบการณ์เดิม เช่น ครูกำหนดสถานการณ์ว่า “เมื่อต่อเซลล์กัลวานิก และทราบค่าศักย์ไฟฟ้าของครึ่งเซลล์ใดๆ นักเรียนจะตั้งสมมติฐานอย่างไร” นักเรียนส่วนใหญ่ตอบว่า “ขั้วไฟฟ้าในครึ่งเซลล์ที่มีค่าศักย์ไฟฟ้าต่ำกว่าเป็นขั้วแอโนด ส่วนขั้วไฟฟ้าในครึ่งเซลล์ที่ศักย์ไฟฟ้าสูงกว่าเป็นขั้วแคโทด” ซึ่งเป็นคำตอบที่คาดเดามาจากความรู้เดิมของนักเรียน จากนั้นนักเรียนจึงได้ลงมือปฏิบัติการทดลองเพื่อยืนยันคำตอบของนักเรียนว่าจริงหรือไม่ พร้อมทั้งให้นักเรียนอธิบายประกอบข้อมูลนั้นด้วย

ทักษะการทดลอง พบว่า นักเรียนร้อยละ 96.67 มีทักษะการทดลอง โดยนักเรียนสามารถวางแผนการทดลอง ระบุขั้นตอน อุปกรณ์ เครื่องมือ และสารเคมีที่ต้องใช้ได้ ปฏิบัติตามแผนที่วางไว้ได้จนสำเร็จ และบันทึกผลการทดลองที่ได้อย่างถูกต้องและเที่ยงตรง เช่น ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มลองประดิษฐ์ถ่านไฟฉาย โดยครูจัดอุปกรณ์และสารเคมีไว้ให้ เมื่อครูให้ลงมือปฏิบัติ ครูสังเกตเห็นว่านักเรียนแต่ละกลุ่มมีการวางแผนร่วมกันว่าจะเริ่มทำอะไรก่อนหลัง แล้วนักเรียนก็แบ่งหน้าที่กันทำเพื่อให้ชิ้นงานเสร็จทันเวลา ครูถามนักเรียนบางกลุ่มว่า“ถ่านไฟฉายที่นักเรียนประดิษฐ์นั้น เหมือนกับถ่านไฟฉายที่ขายตามท้องตลาดหรือไม่” นักเรียนตอบว่า “ไม่เหมือน เนื่องจากว่าได้มีการประยุกต์สิ่งที่หาได้ง่ายมาใช้ อย่างเช่นการนำไส้ดินสอมาใช้แทนเพราะเป็นแกรไฟต์ซึ่งมีราคาถูก” ครูถามต่อว่า “แล้วถ่านไฟฉายที่นักเรียนประดิษฐ์ให้กำลังไฟเท่าไร” นักเรียนตอบว่า “ให้กำลังไฟน้อยกว่า อาจเป็นเพราะสารอิเล็กโทรไลต์ที่ผสมลงไป” นอกจากนี้ครูตรวจใบกิจกรรมที่บันทึกผลการทดลองพบว่านักเรียนส่วนใหญ่บันทึกผลการทดลองถูกต้อง แต่ยังมีนักเรียนบางคนไม่บันทึกผลบางข้อเนื่องจากทำการทดลองไม่ทัน

ทักษะการตีความหมายข้อมูลและลงข้อสรุป พบว่า นักเรียนร้อยละ 86.67 มีทักษะการตีความหมายและลงข้อสรุปข้อมูล โดยนักเรียนสามารถแปลความหมายข้อมูล บรรยายลักษณะและสมบัติของข้อมูลที่มีอยู่ได้บอกความสัมพันธ์ของข้อมูล ลำดับขั้นตอนชัดเจน ข้อมูลถูกต้องมีเหตุผล เช่น ครูกำหนดข้อมูลเกี่ยวกับ การเปลี่ยนแปลงของเซลล์กัลวานิกที่เป็นผลการทดลองในรูปของตาราง โดยครูให้นักเรียนเขียนสรุปข้อมูลเพียงการทดลองเดียว ให้สอดคล้องครอบคลุมเนื้อหาที่เรียน ซึ่งนักเรียนส่วนใหญ่สามารถบอกความสัมพันธ์ของข้อมูลและเขียนสรุปเป็นปฏิกิริยาต่างๆ บอกขั้วไฟฟ้า รวมถึงการเขียนแผนภาพของเซลล์ได้ แต่ยังมีนักเรียนบางคนไม่เข้าใจสิ่งที่กำหนด ไม่สามารถแปลข้อมูลได้ นักเรียนจึงไม่ตอบคำถามข้อนั้น

บทปฏิบัติการเรื่อง ไฟฟ้าเคมีที่พัฒนาขึ้นเป็นไปตามทฤษฎีที่ได้ศึกษาค้นคว้าและสามารถนำไปใช้ในการเรียนรู้ ครอบคลุมในเรื่องเซลล์กัลวานิก ได้จริง นักเรียนมีการตอบสนองต่อบทปฏิบัติการเป็นอย่างดี ซึ่งมุ่งเน้นให้นักเรียนได้ลงมือปฏิบัติด้วยตนเองด้วยวิธีการทางวิทยาศาสตร์ อย่างเป็นขั้นตอน และจากการประเมินทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์โดยครูผู้สอน พบว่า นักเรียนมีทักษะการตีความหมายและลงข้อสรุป ทักษะการคำนวณ ทักษะการทดลอง ทักษะการสังเกต ทักษะการตั้งสมมติฐาน ทักษะการวัด ทักษะการพยากรณ์ มากที่สุดตามลำดับซึ่งเมื่อเปรียบเทียบระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียน อาจเป็นเพราะระหว่างเรียนนักเรียนได้รับการสอนแบบให้ลงมือปฏิบัติด้วยตนเอง ครูผู้สอนสร้างแรงจูงใจให้นักเรียนปฏิบัติการทดลองอย่างมีความสุข มากกว่าการสอนแบบบรรยายเพียงอย่างเดียว ส่งผลให้นักเรียนมีการพัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จะเห็นได้ว่านักเรียนยังต้องการพัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ของตนเองอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะทักษะการตั้งสมมติฐาน ทักษะการวัดและทักษะการพยากรณ์ ซึ่งนักเรียนยังขาดทักษะเหล่านี้เป็นอย่างมาก อาจเนื่องมาจากการฝึกปฏิบัติน้อยและไม่เข้าใจในทักษะต่างๆได้ ดังนั้นจากผลการวิจัยนี้ จึงสะท้อนให้เห็นว่า ควรมีจัดการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์เพื่อพัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ของนักเรียนอย่างจริงจัง ด้วยกิจกรรมการเรียนรู้ ที่นักเรียนได้มีโอกาสในการฝึกคิด ฝึกปฏิบัติด้วยตนเอง จัดให้มีกิจกรรมการทดลองสอดแทรกระหว่างเรียน ทั้งนี้เพื่อส่งเสริมให้นักเรียนมีทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ให้มากที่สุด

โพสต์โดย แบท : [14 พ.ย. 2567 (13:27 น.)]
อ่าน [400] ไอพี : 182.232.66.13
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
Advertisement

 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 11,087 ครั้ง
"เผยแผ่" กับ "เผยแพร่"
"เผยแผ่" กับ "เผยแพร่"

เปิดอ่าน 75,399 ครั้ง
แบบคำขอให้มีหรือเลื่อนวิทยฐานะ
แบบคำขอให้มีหรือเลื่อนวิทยฐานะ

เปิดอ่าน 17,534 ครั้ง
4 เกาะที่น่าไป หลังเกษียณอายุ
4 เกาะที่น่าไป หลังเกษียณอายุ

เปิดอ่าน 20,477 ครั้ง
มือถือและคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กควรอยู่ในห้องเรียนหรือไม่? โดย : ทีปกร วุฒิพิทยามงคล
มือถือและคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กควรอยู่ในห้องเรียนหรือไม่? โดย : ทีปกร วุฒิพิทยามงคล

เปิดอ่าน 32,311 ครั้ง
เคล็ดลับ"ล้างเห็ด" ให้สะอาดทันใจ
เคล็ดลับ"ล้างเห็ด" ให้สะอาดทันใจ

เปิดอ่าน 17,255 ครั้ง
ทำไมไข่เยี่ยวม้าจึงมีสีดำ
ทำไมไข่เยี่ยวม้าจึงมีสีดำ

เปิดอ่าน 18,652 ครั้ง
ตะลึง! พบตำราพิชัยสงคราม จ.เพชรบูรณ์ อายุ 200 ปี
ตะลึง! พบตำราพิชัยสงคราม จ.เพชรบูรณ์ อายุ 200 ปี

เปิดอ่าน 148,625 ครั้ง
ตุ๊กตา "เฟอร์บี้" คืออะไร ทำไมมีราคาแพงและเป็นที่นิยมนัก
ตุ๊กตา "เฟอร์บี้" คืออะไร ทำไมมีราคาแพงและเป็นที่นิยมนัก

เปิดอ่าน 1,555 ครั้ง
50 คำถาม ที่ทำให้คุณหัวเราะได้แน่นอน
50 คำถาม ที่ทำให้คุณหัวเราะได้แน่นอน

เปิดอ่าน 22,650 ครั้ง
ลักษณะที่ดีและลักษณะที่บกพร่องของงานวิจัยเชิงปริมาณที่เป็นปริญญานิพนธ์ (วิทยานิพนธ์)
ลักษณะที่ดีและลักษณะที่บกพร่องของงานวิจัยเชิงปริมาณที่เป็นปริญญานิพนธ์ (วิทยานิพนธ์)

เปิดอ่าน 16,454 ครั้ง
มากกว่านี้มีอีกไหม! พบคู่แฝด 29 คู่เรียนในโรงเรียนเดียวกันที่อุดรธานี
มากกว่านี้มีอีกไหม! พบคู่แฝด 29 คู่เรียนในโรงเรียนเดียวกันที่อุดรธานี

เปิดอ่าน 10,040 ครั้ง
Scribble นวัตกรรมปากกา 16 ล้านสีในแท่งเดียว
Scribble นวัตกรรมปากกา 16 ล้านสีในแท่งเดียว

เปิดอ่าน 57,588 ครั้ง
ดาวน์โหลด แนวทางการจัดการเรียนรู้รายวิชาเพิ่มเติมหน้าที่พลเมือง
ดาวน์โหลด แนวทางการจัดการเรียนรู้รายวิชาเพิ่มเติมหน้าที่พลเมือง

เปิดอ่าน 21,383 ครั้ง
คลิป "สมรักษ์" แพ้ "จอมโหด"
คลิป "สมรักษ์" แพ้ "จอมโหด"

เปิดอ่าน 1,792 ครั้ง
ภูเขาไฟใต้น้ำปะทุ พ่นลาวา-ขี้เถ้า กลายเป็นเกาะเกิดใหม่ (มีคลิป)
ภูเขาไฟใต้น้ำปะทุ พ่นลาวา-ขี้เถ้า กลายเป็นเกาะเกิดใหม่ (มีคลิป)

เปิดอ่าน 14,406 ครั้ง
ฮือฮาอ้าง"กูเกิ้ลเอิร์ธ"จับภาพ "เนสซี่"ทะเลสาปล็อคเนสได้ ใช้โปรแกรมภาพถ่ายดาวเทียม 3มิติ
ฮือฮาอ้าง"กูเกิ้ลเอิร์ธ"จับภาพ "เนสซี่"ทะเลสาปล็อคเนสได้ ใช้โปรแกรมภาพถ่ายดาวเทียม 3มิติ
เปิดอ่าน 13,076 ครั้ง
ปรับลดเวลาเรียนเป็นสิ่งที่ดีมาก...ถ้าปรับหลักสูตรด้วย
ปรับลดเวลาเรียนเป็นสิ่งที่ดีมาก...ถ้าปรับหลักสูตรด้วย
เปิดอ่าน 11,683 ครั้ง
สื่ออิเล็กทรอนิกส์ชุด "หลักธรรมาภิบาลของการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี" ของสำนักงาน ก.พ.ร.
สื่ออิเล็กทรอนิกส์ชุด "หลักธรรมาภิบาลของการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี" ของสำนักงาน ก.พ.ร.
เปิดอ่าน 18,456 ครั้ง
จิตรกรรมและศาสนา
จิตรกรรมและศาสนา
เปิดอ่าน 13,323 ครั้ง
ดาวน์โหลดฟรีหลักสูตรแผนอาชีพ
ดาวน์โหลดฟรีหลักสูตรแผนอาชีพ

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
โครงการบ้านเชียงใหม่
บ้านเชียงใหม่
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.

Thailand Web Stat

Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ