ชื่อเรื่อง การพัฒนาชุดฝึกการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อจับใจความสำคัญโดยใช้
กลยุทธ์การอ่านแบบสกิมมิ่ง (Skimming) สำหรับนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 5
โรงเรียนมัธยมท่าแคลง
The Development of English Reading Comprehension Practical Package for
Mathayomsuksa 5 Students at Mathayomthaklaeng School
Using Skimming Strategy
ชื่อผู้วิจัย นางสาวพรพรหมพรรณ บุญโคกล่าม
ปีที่วิจัย 2563
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อศึกษาประสิทธิภาพของชุดฝึกการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อจับใจความสำคัญโดยใช้กลยุทธ์การอ่านแบบสกิมมิ่ง 2) ศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนที่เรียนด้วยชุดฝึกการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อจับใจความสำคัญฯ และ 3) ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อชุดฝึกการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อจับใจความสำคัญฯ กลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนมัธยมท่าแคลง ปีการศึกษา 2563 จำนวน 5 คน ได้มาโดยการสุ่มแบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ในการดำเนินการวิจัย ได้แก่ แผนการจัดการเรียนรู้การอ่านภาษาอังกฤษเพื่อจับใจความสำคัญ ชุดฝึกการอ่านการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อจับใจความสำคัญโดยใช้กลยุทธ์การอ่านแบบสกิมมิ่ง แบบทดสอบก่อนและหลังการใช้ชุดฝึกการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อจับใจความสำคัญฯ แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนต่อการใช้ชุดฝึกการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อจับใจความสำคัญฯ
ผลการวิจัยพบว่า
1) ประสิทธิภาพของชุดฝึกการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อจับใจความสำคัญโดยใช้กลยุทธ์การอ่านแบบสกิมมิ่ง มีค่าเท่ากับ 81.0/ 88.0 ถือว่ามีประสิทธิภาพดีมาก
2) นักเรียนมีคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนด้วยชุดฝึกการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อจับใจความสำคัญโดยใช้กลยุทธ์การอ่านแบบสกิมมิ่งอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
3) ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อชุดฝึกการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อจับใจความสำคัญโดยใช้กลยุทธ์การอ่านแบบสกิมมิ่งโดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด
สรุปผลการวิจัย
สรุปผลการวิจัย
จากผลการวิเคราะห์ข้อมูล สามารถสรุปผลการวิจัยตามวัตถุประสงค์ของการวิจัยได้ดังนี้
5.1. จากผลประสิทธิภาพของผลลัพธ์ของชุดฝึกการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อจับใจความสำคัญโดยใช้กลยุทธ์การอ่านแบบสกิมมิ่ง (Skimming) ทั้ง 3 ชุดฝึก กลุ่มตัวอย่างมีคะแนนผลรวมประสิทธิภาพกระบวนการ (E1) ได้คะแนนร้อยละ 81.0 และคะแนนประสิทธิภาพผลลัพธ์ (E2) ร้อยละ 88.0 แสดงว่าชุดฝึกการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อจับใจความสำคัญโดยใช้กลยุทธ์การอ่านแบบสกิมมิ่ง (Skimming) มีประสิทธิภาพ 81.0/88.0 เป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนด 80/80 แต่พอแยกหาผลประสิทธิภาพแต่ละชุดฝึก จากคะแนนเต็ม 10 คะแนน ชุดฝึกที่ 1 ได้คะแนนเฉลี่ย 82.0 /88.0 ชุดฝึกที่ 2 ได้คะแนนเฉลี่ย 76.0/88.0 และชุดฝึกที่ 3 ได้คะแนนเฉลี่ย 84.0/88.0 ผลแสดงว่าชุดฝึกการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อจับใจความสำคัญโดยใช้กลยุทธ์การอ่านแบบสกิมมิ่ง (Skimming) ที่ 1 และ 3 มีประสิทธิภาพเป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนด 80/80 ซึ่งเป็นไปตามสมมุติฐานที่ตั้งไว้ ส่วนชุดฝึกที่ 2 เท่านั้นที่ไม่ผ่านเกณฑ์ 80/80
5.2. จากการเปรียบเทียบคะแนนแบบทดสอบก่อนและหลังการใช้ชุดฝึกการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อจับใจความสำคัญโดยใช้กลยุทธ์การอ่านแบบสกิมมิ่ง (Skimming) ด้วยการทดสอบ ค่าที (t-test) พบว่า ก่อนเรียนมีคะแนนค่าเฉลี่ยเท่ากับ 2.57 และหลังเรียนได้ผลคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 9.33 และการทดสอบด้วยค่า t-test เท่ากับ 26.82 เมื่อนำคะแนนมาเปรียบเทียบกัน ผลแสดงว่านักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 5โรงเรียนมัธยมท่าแคลง มีการพัฒนาด้านการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อจับใจความสำคัญโดยใช้กลยุทธ์การอ่านแบบสกิมมิ่ง (Skimming) ซึ่งเป็นไปตามสมมติฐานที่ตั้งไว้
5.3. จากการศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่เรียนด้วยชุดฝึกการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อจับใจความสำคัญโดยใช้กลยุทธ์การอ่านแบบสกิมมิ่ง (Skimming) สำหรับนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 5โรงเรียนมัธยมท่าแคลง มีค่าเฉลี่ยด้านเนื้อหา 4.65 และมีค่าเฉลี่ยด้านการนำเสนอ 4.55 ระดับความพึงพอใจของนักเรียนอยู่ในระดับมากที่สุด
ข้อเสนอแนะ
จากผลการวิจัยเรื่อง การพัฒนาชุดฝึกการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อจับใจความสำคัญโดยใช้กลยุทธ์การอ่านแบบสกิมมิ่ง (Skimming) สำหรับนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 5โรงเรียนมัธยมท่าแคลง ผู้วิจัยมีข้อเสนอแนะดังต่อไปนี้
7.1. ข้อเสนอแนะจากผลการศึกษาวิจัย
7.1.1. ในการพัฒนาทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อจับใจความสำคัญโดยใช้กลยุทธ์การอ่านแบบสกิมมิ่ง (Skimming) ผู้สอนควรเข้าใจวิธีการอ่านจับใจความได้อย่างถูกต้องก่อน และผู้สอนควรใช้บทอ่านเพื่อพัฒนาทักษะการอ่านจับใจความในรูปแบบอื่นๆ เช่น บทความที่นักเรียนสนใจ นอกจากนี้ผู้สอนควรเอาใจใส่ในการอ่านจับใจความของนักเรียนให้ถูกต้องอยู่เสมอ เพื่อให้นักเรียนสามารถจับใจความ โดยใช้กลยุทธ์สกิมมิ่งได้อย่างถูกต้องและรวดเร็ว
7.1.2. ควรเพิ่มระยะเวลาในการทดลองให้มากขึ้น เพราะการสอนอ่านต้องการการฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง และการอ่านจับใจความโดยใช้กลยุทธ์สกิมมิ่ง เป็นการฝึกให้นักเรียนพัฒนาการอ่านแบบเร็ว ที่ต้องใช้เวลากว่าจะอ่านได้เร็วขึ้น ดังนั้นเพื่อให้ได้ผลสัมฤทธิ์และนักเรียนได้ฝึกอย่างจริงจังควรเพิ่มระยะเวลาในการทดลองให้มากขึ้น