ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
การพัฒนา ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง ทักษะการคิดเชิงคำนวณด้วยกระบวนการเรียนรู้ GPAS 5 STEPs เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาวิทยาการคำนวณ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3

รายงานผลการวิจัย

การพัฒนา ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง ทักษะการคิดเชิงคำนวณด้วยกระบวนการเรียนรู้ GPAS 5 STEPs เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาวิทยาการคำนวณ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3

1. ความสำคัญและที่มา

จากการสอนวิชาวิทยาการคำนวณ ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 พบว่า มีนักเรียน

จำนวน 15 คน ขาดทักษะการปฏิบัติงานในแต่ละเนื้อหาที่ถูกต้องและบางคนไม่สามารถปฏิบัติได้เลย เป็นผลทำให้ไม่มีงานส่งครูหรือบางคนมีงานส่ง แต่ผลงานอยู่ในเกณฑ์ต้องปรับปรุง เมื่อครูซักถามในประเด็นหรือเนื้อหาที่สำคัญของการเรียนแต่ละครั้ง นักเรียนไม่สามารถตอบคำถามได้ถูกต้อง

จากปัญหาที่พบ ผู้วิจัยจึงสนใจที่จะแก้ไขปัญหาโดยการสร้างสื่อและกิจกรรมประกอบการเรียนขึ้นมา เพื่อให้นักเรียนได้ฝึกปฏิบัติบ่อย ๆ จากเนื้อหาที่จัดลำดับความง่ายไปยากและเพื่อให้เกิดความชำนาญในการใช้คำสั่ง ซึ่งเป็นพื้นฐานของการเรียนวิชาวิทยาการคำนวณในระดับสูงต่อไป

2. วัตถุประสงค์ในการวิจัย

1. เพื่อพัฒนาทักษะการปฏิบัติงานของนักเรียนให้ถูกต้องตามวิธีการและขั้นตอนยิ่งขึ้น

2. เพื่อให้นักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ที่เรียนอ่อนมีผลการเรียนทีดีขึ้น

3. สมมติฐานสำหรับการวิจัย

นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังการใช้สื่อและกิจกรรมประกอบการเรียนสูงกว่าก่อนการใช้สื่อและกิจกรรมประกอบการเรียน

4. ขอบเขตของการวิจัย

1. ในการวิจัยพัฒนาครั้งนี้เป็นการสร้างสื่อและกิจกรรมประกอบการเรียนวิชาวิทยาการคำนวณ ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 3

2. ประชากรในการวิจัยครั้งนี้ คือ นักเรียนระดับประถมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 15 คน ของโรงเรียนเทศบาลแสงวณิชอุปถัมภ์ ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2567

5. ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ

1. สามารถใช้สื่อและกิจกรรมประกอบการเรียนในการพัฒนาความสามารถทางการเรียนวิชาวิทยาการคำนวณสำหรับเด็กเรียนอ่อนในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ได้

2. นักเรียนมีพัฒนาการในการปฏิบัติงานได้ถูกต้องตามวิธีการและขั้นตอนดีขึ้นหลังการฝึก

6. วิธีดำเนินการวิจัย

1. กลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ นักเรียนชั้น ป.3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2567 จำนวน 15 คน

2. ตัวแปรที่ศึกษา

2.1 ตัวแปรต้น ได้แก่ สื่อและกิจกรรมประกอบการเรียน

2.2 ตัวแปรตาม ได้แก่ ความสามารถทางการเรียนคอมพิวเตอร์ของนักเรียนชั้น ป.3

3. วิธีการนำไปใช้ ใช้สื่อและกิจกรรมประกอบการเรียนในการฝึก 1 ภาคเรียน ปีการศึกษา 2567 โดยมีการทดสอบทักษะความสามารถทางการเรียน ดังนี้

3.1 ทดสอบวัดความสามารถในการเรียนก่อนการฝึก 1 ครั้ง

3.2 ทดสอบความสามารถในการฝึกปฏิบัติเป็นระยะ ๆ เมื่อจบขั้นตอนการฝึกแต่ละเนื้อหา

3.3 ทดสอบวัดความสามารถในการเรียนหลังการฝึก 1 ครั้ง

4. การเก็บรวบรวมข้อมูล

ข้อมูล/ผลที่จะเก็บ วิธีการ เครื่องมือ จำนวนครั้ง/ระยะเวลาที่เก็บ

คะแนนความสามารถในการเรียนวิทยาการคำนวณ การทดสอบ แบบทดสอบ

จำนวน 1 ฉบับ ทดสอบ 2 ครั้ง

ก่อนการฝึก 1 ครั้ง

หลังการฝึก 1 ครั้ง

คะแนนทักษะการปฏิบัติงาน การตรวจผลงาน แบบฝึกปฏิบัติ ตรวจผลงาน 4 ครั้ง

เมื่อจบแต่ละเนื้อหา

5. วิธีการวิเคราะห์ข้อมูล

5.1 หาค่าเฉลี่ยคะแนนความสามารถทางการเรียนวิชาวิทยาการคำนวณก่อนและหลังการฝึก

5.2 เปรียบเทียบคะแนนความแตกต่างระหว่างก่อนฝึกและหลังฝึกเป็นรายบุคคล

5.3 หาค่าร้อยละจำนวนนักเรียนที่มีข้อบกพร่องในการเรียนคอมพิวเตอร์ด้านต่าง ๆ

6. สถิติที่ใช้ ได้แก่ ค่าร้อยละ และค่าเฉลี่ย

7. ผลการวิเคราะห์ข้อมูล

7.1 คะแนนเฉลี่ยความก้าวหน้าทางการเรียนวิชาวิทยาการคำนวณของนักเรียน

ตารางที่ 1 ค่าสถิติพื้นฐานคะแนนความก้าวหน้าทางการเรียนวิชาวิทยาการคำนวณของนักเรียน ชั้น ป.3

จากการทดสอบ 2 ครั้ง

จากตารางที่ 1 พบว่า ความสามารถในการเรียนวิชาวิทยาการคำนวณของนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 จากการทดสอบ 2 ครั้ง เท่ากับ 7.67 และ 18.40 ซึ่งแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า นักเรียนมีความก้าวหน้าในการเรียนสูงขึ้น

7.2 คะแนนความสามารถในการเรียนวิชาวิทยาการคำนวณ ก่อนและหลังการฝึก

ตารางที่ 2 เปรียบเทียบคะแนนความสามารถในการเรียนวิชาวิทยาการคำนวณของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ก่อนและหลังการฝึก จำนวน 15 คน

จากตารางที่ 2 พบว่า คะแนนเฉลี่ยก่อนเรียนของนักเรียนเท่ากับ 7.67 คะแนนเฉลี่ยหลังเรียนเท่ากับ 18.40

ดังนั้น นักเรียนมีคะแนนเฉลี่ยเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย = 18.40 – 7.67

= 10.73

ผลสัมฤทธิ์จากการจัดกระบวนการเรียนโดยใช้สื่อและกิจกรรมได้จากค่าร้อยละความก้าวหน้า ภาพรวม = 71.6

นั่นคือ ภายหลังการใช้สื่อและกิจกรรมประกอบการเรียน นักเรียนมีความสามารถในการเรียนวิชาวิทยาการคำนวณสูงขึ้น

7.3 จำนวนนักเรียนที่มีข้อบกพร่องในการเรียนวิชาวิทยาการคำนวณด้านต่าง ๆ

ตารางที่ 3 แสดงจำนวนนักเรียนที่มีข้อบกพร่องในการเรียนวิชาวิทยาการคำนวณด้านต่าง ๆ

จากตารางที่ 3 พบว่า ก่อนฝึกจำนวนนักเรียนส่วนใหญ่มีข้อบกพร่องในการเรียนวิชาวิทยาการคำนวณ ด้านทักษะการปฏิบัติ คือ พิมพ์ข้อความภาษาไทยและภาษาอังกฤษได้ไม่คล่อง ฟังและอ่านคำสั่งภาษาอังกฤษไม่ออกต้องใช้เวลานาน จำขั้นตอนและวิธีการของแต่ละเนื้อเรื่องไม่ได้ คิดเป็นร้อยละ 100 , 86.67 และ 80.00 ตามลำดับ ส่วนด้านทักษะอัลกอริทึมและการแก้ปัญหาอย่างง่าย คือ การแก้ปัญหา คิดเป็นร้อยละ 93.33 อัลกอริทึม คิดเป็นร้อยละ 46.67 เกมการแก้ปัญหา คิดเป็นร้อยละ 33.33 แต่ภายหลังการฝึก พบว่า จำนวนนักเรียนที่มีข้อบกพร่องในด้านทักษะการปฏิบัติ มีจำนวนลดลงมาก ส่วนในด้านทักษะอัลกอริทึมและการแก้ปัญหาอย่างง่ายของงานยังมีจำนวนนักเรียนที่มีข้อบกพร่อง คือ การแก้ปัญหา คิดเป็นร้อยละ 20.00 อัลกอริทึม คิดเป็นร้อยละ 13.33 นักเรียนทุกคนสามารถแก้ปัญหาอย่างง่ายด้วยอัลกอริทึมของงานได้ ใช้คำสั่งต่างๆ เพื่อสร้างผลงานของตนเองได้

สรุปผล

สรุปผล

ภายหลังการพัฒนาความสามารถทางการเรียนวิชาวิทยาการคำนวณสำหรับเด็กนักเรียนมี

ความสามารถในการเรียนวิชาวิทยาการคำนวณอ่อนในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โดยใช้สื่อและกิจกรรมประกอบการเรียน ปรากฏว่า นักเรียนมีการพัฒนาความสามารถทางการเรียนดีขึ้น

อภิปรายผล

จากผลการใช้สื่อและกิจกรรมประกอบการเรียนที่สร้างขึ้น ปรากฏว่า นักเรียนมีความสามารถในการเรียนวิชาวิทยาการคำนวณดีขึ้น ซึ่งเมื่อพิจารณาความก้าวหน้าในการเรียนของนักเรียน พบว่า นักเรียนสามารถพัฒนาได้ตามระยะเวลาและจำนวนกิจกรรมที่ฝึกและเมื่อสิ้นสุดการฝึก พบว่า นักเรียนมีทักษะการปฏิบัติ และทักษะการแก้ปัญหาอย่างง่ายและอัลกอริทึมของผลงานดีขึ้น ทั้งนี้อาจเป็นเพราะเครื่องมือที่ใช้ในการพัฒนามีการจัดลำดับความยากง่ายที่เหมาะสมกับผู้เรียน แสดงว่าสื่อและกิจกรรมประกอบการเรียนที่สร้างขึ้นนี้ ช่วยให้นักเรียนมีความสามารถทางการเรียนวิชาวิทยาการคำนวณดีขึ้น

ข้อเสนอแนะ

1. ควรฝึกเพิ่มเติมให้กับนักเรียนที่ยังมีข้อบกพร่องในด้านทักษะการปฏิบัติ โดยปรับเปลี่ยนกิจกรรมให้เหมาะสมกับลักษณะของข้อบกพร่องนั้นๆ

โพสต์โดย devilman : [30 ต.ค. 2567 (20:41 น.)]
อ่าน [61] ไอพี : 110.168.238.37
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 13,483 ครั้ง
อึ้ง! คลิปเด็กรัสเซียเตะครู
อึ้ง! คลิปเด็กรัสเซียเตะครู

เปิดอ่าน 25,330 ครั้ง
ทาน "ถั่วงอก" แล้วส่งผลต่อสุขภาพอย่างไร
ทาน "ถั่วงอก" แล้วส่งผลต่อสุขภาพอย่างไร

เปิดอ่าน 21,790 ครั้ง
มีครบหมดทุกป้าย..ยกเว้น......????
มีครบหมดทุกป้าย..ยกเว้น......????

เปิดอ่าน 16,238 ครั้ง
ยอดวิวเยอะมาก รายการ "ดูให้รู้ ตอน คุณครูฮาร์ดคอร์"
ยอดวิวเยอะมาก รายการ "ดูให้รู้ ตอน คุณครูฮาร์ดคอร์"

เปิดอ่าน 29,683 ครั้ง
"หอยนางรม" บำรุง "ตับ-ไต-สุขภาพ-เพศ"
"หอยนางรม" บำรุง "ตับ-ไต-สุขภาพ-เพศ"

เปิดอ่าน 11,664 ครั้ง
5 วิธีชวนขับรถประหยัดน้ำมัน
5 วิธีชวนขับรถประหยัดน้ำมัน

เปิดอ่าน 13,752 ครั้ง
วันมาฆบูชา
วันมาฆบูชา

เปิดอ่าน 20,206 ครั้ง
คำว่า "เรียบร้อยโรงเรียนจีน" มาจากไหน
คำว่า "เรียบร้อยโรงเรียนจีน" มาจากไหน

เปิดอ่าน 20,125 ครั้ง
รู้หรือไม่ ที่ฟินแลนด์ ยกระดับการศึกษา ต้องเริ่มที่พัฒนาครูผู้สอน
รู้หรือไม่ ที่ฟินแลนด์ ยกระดับการศึกษา ต้องเริ่มที่พัฒนาครูผู้สอน

เปิดอ่าน 13,751 ครั้ง
บุหรี่มวน (Cigarette) ผลกระทบต่อสุขภาพ
บุหรี่มวน (Cigarette) ผลกระทบต่อสุขภาพ

เปิดอ่าน 15,779 ครั้ง
ปลุกสมองตื่นตัวด้วย
ปลุกสมองตื่นตัวด้วย 'มื้อเช้า'

เปิดอ่าน 9,189 ครั้ง
4 ขั้นตอน วิธีปลูกผักสลัดลงดิน สีสันน่ากิน ปลูกง่าย
4 ขั้นตอน วิธีปลูกผักสลัดลงดิน สีสันน่ากิน ปลูกง่าย

เปิดอ่าน 23,779 ครั้ง
10 สุดยอดโปรแกรมป้องกันไวรัส ฟรี!! ปี 2013
10 สุดยอดโปรแกรมป้องกันไวรัส ฟรี!! ปี 2013

เปิดอ่าน 25,300 ครั้ง
แก๊สน้ำตา คืออะไร
แก๊สน้ำตา คืออะไร

เปิดอ่าน 178,397 ครั้ง
20 บุคคลสำคัญของไทยที่ได้รับการยกย่องจากยูเนสโกให้เป็นบุคคลสำคัญของโลก
20 บุคคลสำคัญของไทยที่ได้รับการยกย่องจากยูเนสโกให้เป็นบุคคลสำคัญของโลก

เปิดอ่าน 10,604 ครั้ง
พฤติกรรมทำร้ายกระดูกสันหลัง
พฤติกรรมทำร้ายกระดูกสันหลัง
เปิดอ่าน 17,049 ครั้ง
วิธีลดต้นขาง่าย ๆ สำหรับคุณสาว ๆ ต้นขาใหญ่
วิธีลดต้นขาง่าย ๆ สำหรับคุณสาว ๆ ต้นขาใหญ่
เปิดอ่าน 12,191 ครั้ง
6 วิธี กินซูชิให้อร่อย
6 วิธี กินซูชิให้อร่อย
เปิดอ่าน 12,695 ครั้ง
7 เคล็ดลับ รักษาความจำยืนยาว
7 เคล็ดลับ รักษาความจำยืนยาว
เปิดอ่าน 15,820 ครั้ง
อยากรวย! ต้องขยันอ่านหนังสือ เคล็ดลับความรวยที่ไม่ค่อยมีใครบอก!!
อยากรวย! ต้องขยันอ่านหนังสือ เคล็ดลับความรวยที่ไม่ค่อยมีใครบอก!!

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ