ชื่อเรื่อง การพัฒนารูปแบบการบริหารแบบมีส่วนร่วม เสริมสร้างสมรรถนะครูด้านการจัดการเรียนรู้เชิงรุก โดยใช้เทคนิคการอ่านแบบกลุ่มในการพัฒนาทักษะการคิด
เพื่อยกระดับคุณภาพผู้เรียน โรงเรียนโพธิ์คำประชาสรรค์
ผู้วิจัย นางอลิสสรา ผุดผ่อง
ตำแหน่ง ผู้อำนวยการสถานศึกษา วิทยฐานะชำนาญการพิเศษ
สถานที่ทำงาน โรงเรียนโพธิ์คำประชาสรรค์
สังกัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากาฬสินธุ์ เขต 3
ปีที่พิมพ์ 2566
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีความมุ่งหมายเพื่อ 1)ศึกษาองค์ประกอบและสภาพปัจจุบัน สภาพพึงประสงค์และความต้องการจำเป็นของการพัฒนารูปแบบการบริหารแบบมีส่วนร่วมเสริมสร้างสมรรถนะครูด้านการจัดการเรียนรู้เชิงรุกโดยใช้เทคนิคการอ่านแบบกลุ่มในการพัฒนาทักษะการคิดเพื่อยกระดับคุณภาพผู้เรียน โรงเรียนโพธิ์คำประชาสรรค์ 2).สร้างและตรวจสอบรูปแบบ 3) เพื่อทดลองใช้รูปแบบ 4). ปรับปรุงและประเมินรูปแบบ กลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ครูจำนวน 6 คน และนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-6 จำนวน 62 คน กลุ่มผู้ให้ข้อมูลได้แก่ ผู้ปกครองนักเรียน จำนวน 62 คนและคณะกรรมการสถานศึกษา 9 คน ได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช้เก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่แบบบันทึกการประชุมสนทนากลุ่ม แบบบันทึกการประชุมอิงผู้เชี่ยวชาญ แบบสอบถาม แบบประเมิน และแบบทดสอบ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และเทคนิค Modified Priority Needs Index (PNImodified) และ t-test (Dependence) ผลการวิจัยปรากฏ ดังนี้
1.รูปแบบการบริหารแบบมีส่วนร่วมเสริมสร้างสมรรถนะครูด้านการจัดการเรียนรู้เชิงรุก 3
องค์ประกอบหลัก 8 องค์ประกอบย่อย และ สมรรถนะครูด้านการจัดการเรียนรู้เชิงรุกโดยใช้เทคนิคการอ่านแบบกลุ่มในการพัฒนาทักษะการคิดเพื่อยกระดับคุณภาพผู้เรียน 3 องค์ประกอบหลัก 28 องค์ประกอบย่อยเพื่อให้ผู้เรียนมีคุณภาพสูงขึ้น 3 ด้านคือ1) ความรู้ (Knowledge) 2) ทักษะ (Skill) และ 3) คุณลักษณะที่พึงประสงค์ มีทักาะการคิด การทำงานร่วมกันและการสื่อสาร ซึ่งมีความเหมาะสมและความเป็นไปได้อยู่ในระดับมากที่สุด ผลการการศึกษาสภาพปัจจุบัน ด้านรูปแบบการบริหารงานแบบมีส่วนร่วมเสริมสร้างสมรรถนะครู โดยรวมอยู่ในระดับปานกลาง ส่วนสภาพที่พึงประสงค์ของรูปแบบ โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุดทุกด้าน ความต้องการจำเป็น (PNImodified) เรียงตามลำดับดังนี้ ) 1)การประเมินและติดตามผล 2) การพัฒนาสมรรถนะครู 3)ด้านการวางแผนการบริหาร ส่วนสมรรถนะครูด้านการจัดการเรียนรู้เชิงรุกโดยใช้เทคนิคการอ่านแบบกลุ่มในการพัฒนาทักษะการคิด เพื่อยกระดับคุณภาพผู้เรียน มีความต้องการจำเป็นได้แก่ 1) การสร้างกระบวนการอ่านแบบกลุ่ม 2)การเลือกและเตรียมสื่อการอ่าน 3)การพัฒนาทักษะการคิด ตามลำดับ
2. ผลการสร้างและตรวจสอบประเมินรูปแบบการบริหารแบบมีส่วนร่วมเสริมสร้างสมรรถนะครูด้านการจัดการเรียนรู้เชิงรุกโดยใช้เทคนิคการอ่านแบบกลุ่มในการพัฒนาทักษะการคิดเพื่อยกระดับคุณภาพผู้เรียน โรงเรียนโพธิ์คำประชาสรรค์ โดยผู้ทรงคุณวุฒิในการประชุมอิงผู้เชี่ยวชาญ มีความเหมาะสมและเป็นไปได้โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด โดยเพิ่มเติมองค์ประกอบย่อยด้านการพัฒนาสมรรถนะครูให้มุ่งเน้นกระบวนการอ่านแบบกลุ่มยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
3. ผลการทดลองใช้รูปแบบ พบว่าครูผู้เข้าพัฒนาตามรูปแบบการบริหารแบบมีส่วนร่วมเสริมสร้างสมรรถนะครูด้านการจัดการเรียนรู้เชิงรุก พบว่าหลังการพัฒนา สูงกว่าก่อนพัฒนา และแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 และผลการตรวจสอบแผนการจัดการเรียนรู้เชิงรุกของครูพบว่า โดยรวมมีคะแนนระดับคุณภาพ สูงกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้ ค่าร้อยละของนักเรียนที่มีเกรดเฉลี่ยผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน แต่ละรายวิชาระดับ 3 ขึ้นไป คิดเป็นร้อยละ 94.69 ผลการประเมินสมรรถนะผู้เรียน 3 ด้าน และผลการประเมินคุณลักษณะที่พึงประสงค์ ระดับดีขึ้นไป ร้อยละ 98.56
4. ผลการปรับปรุงและประเมินรูปแบบการบริหารแบบมีส่วนร่วม ทั้ง 3 องค์ประกอบและสมรรถนะครู 5 องค์ประกอบ พบว่า ครูและนักเรียนและผู้ปกครอง คณะกรรมการสถานศึกษาฯ มีความคิดเห็นว่ามีความเหมาะสมและความมีประโยชน์ โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด จึงได้ทำการปรับปรุงและประเมินโดยครูและนักเรียนพบว่ามีความพึงพอใจต่อรูปแบบการบริหารแบบมีส่วนร่วมฯและเทคนิคการอ่านแบบกลุ่มในการพัฒนาทักษะการคิดเพื่อยกระดับคุณภาพผู้เรียน โดยรวมและทุกด้านอยู่ในระดับมากที่สุด
คำสำคัญ การพัฒนารูปแบบ,การบริหารแบบมีส่วนร่วม, เทคนิคการอ่านแบบกลุ่มในการพัฒนาทักษะการคิดสมรรถนะครูด้านการจัดการเรียนรู้เชิงรุก ยกระดับคุณภาพผู้เรียน