บทคัดย่อ
การพัฒนาการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ ด้วยเทคนิค TAI โดยใช้ชุดฝึกทักษะประกอบแผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง ทศนิยมและเศษส่วน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนเทศบาล ๓ วัดใหม่อัมพวัน (พวงวรินทร์ราษฎร์วิทยา) อำเภอสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี ฉบับนี้ มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาข้อมูลพื้นฐานในการพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือ ด้วยเทคนิค TAI สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 2) เพื่อสร้างและหาประสิทธิภาพของการใช้กิจกรรม การเรียนรู้แบบร่วมมือ ด้วยเทคนิค TAI สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 3) เพื่อทดลองใช้กิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือ ด้วยเทคนิค TAI เรื่อง ทศนิยมและเศษส่วน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 (3.1) เพื่อหาประสิทธิภาพของผลการใช้กิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือ ด้วยเทคนิค TAI ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 (3.2) เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และหาค่าประสิทธิผลของผลการใช้กิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือ ด้วยเทคนิค TAI สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ให้มีค่าดัชนีประสิทธิผลตั้งแต่ .50 ขึ้นไป (3.3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการใช้กิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือ ด้วยเทคนิค TAI เรื่อง ทศนิยมและเศษส่วน และ 4) เพื่อรับรองรูปแบบการใช้กิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือ ด้วยเทคนิค TAI สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนเทศบาล 3 วัดใหม่อัมพวัน (พวงวรินทร์ราษฎร์วิทยา) อำเภอสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 จำนวน 24 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบสัมภาษณ์ แบบสอบถาม ชุดฝึกทักษะ จำนวน 4 ชุด แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือ ด้วยเทคนิค TAI จำนวน 19 แผน แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน แบบประเมินความพึงพอใจ และแบบประเมินเพื่อรับรองรูปแบบ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าประสิทธิภาพ E1/E2 ค่าดัชนีประสิทธิผล E.I. และการวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis)
ผลการวิจัย พบว่า :
1. นักเรียนและผู้ที่เกี่ยวข้องต้องการให้มีการพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือ ด้วยเทคนิค TAI โดยมีชุดฝึกทักษะ ใบกิจกรรมกลุ่ม แบบทดสอบย่อย และแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ประกอบการพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือ ด้วยเทคนิค TAI
2. กิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือ ด้วยเทคนิค TAI มี 4 ขั้นตอน คือ 1) ขั้นนำและขั้นสอน 2) ขั้นฝึกทักษะเป็นกลุ่ม 3) ขั้นประเมินผลการศึกษาเป็นกลุ่ม และ 4) ขั้นสรุป ทดลองใช้กิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือ ด้วยเทคนิค TAI เรื่อง ทศนิยมและเศษส่วน ซึ่งประกอบด้วยเนื้อหา 4 เรื่องย่อย คือ การบวกและการลบทศนิยม การคูณและการหารทศนิยม การบวกและการลบเศษส่วน และการคูณและการหารเศษส่วน ทดลองใช้กับนักเรียนที่ไม่ใช่กลุ่มตัวอย่าง แบบเดี่ยวได้ค่าประสิทธิภาพ เท่ากับ 68.41/67.50 แบบกลุ่มย่อย ได้ค่าประสิทธิภาพ เท่ากับ 73.19/71.88 และแบบภาคสนาม ได้ค่าประสิทธิภาพ เท่ากับ 81.29/80.45
3. ทดลองใช้กิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือ ด้วยเทคนิค TAI กับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่เป็นกลุ่มเป้าหมาย ขณะทดลองนักเรียนมีความกระตือรือร้น ตั้งใจเรียน มีความรับผิดชอบ มุ่งมั่นในการทำงาน สามารถปฏิบัติกิจกรรม และทำแบบฝึกทักษะได้ หลังใช้กิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือ ด้วยเทคนิค TAI เรื่อง ทศนิยมและเศษส่วน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 พบว่า :
3.1 ประสิทธิภาพของผลการใช้กิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือ ด้วยเทคนิค TAI มีค่าประสิทธิภาพ เท่ากับ 81.49/81.15 มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80
3.2 นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียน คิดเป็นร้อยละ 78.33 และมีค่าดัชนีประสิทธิผล เท่ากับ .7051 แสดงว่า กิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือ ด้วยเทคนิค TAI ที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้นส่งผลให้นักเรียนเกิดความก้าวหน้าทางการเรียนร้อยละ 70.51
3.3 นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค TAI อยู่ในระดับมากที่สุด มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.52
4. ผลการประเมินเพื่อรับรองรูปแบบการใช้กิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือ ด้วยเทคนิค TAI จากนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่มีต่อรูปแบบการใช้กิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค TAI ที่พัฒนาขึ้น อยู่ในระดับมากที่สุด มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.57