ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
Advertisement

การพัฒนารูปแบบการบริหารจัดการสถานศึกษาตามวิถีชีวิตอิสลาม เพื่อเสริมสร้างอุปนิสัยสู่การเรียนรู้ในการดำรงชีวิตของนักเรียน กรณีศึกษา : โรงเรียนอ่าวกะพ้อ อำเภอเกาะยาว จังหวัดพังงา

ชื่อเรื่อง : การพัฒนารูปแบบการบริหารจัดการสถานศึกษาตามวิถีชีวิตอิสลาม เพื่อเสริมสร้างอุปนิสัยสู่การเรียนรู้ในการดำรงชีวิตของนักเรียน

กรณีศึกษา : โรงเรียนอ่าวกะพ้อ อำเภอเกาะยาว จังหวัดพังงา

ผู้วิจัย : โสภิตา สินโต

ปีการศึกษา : 2565

บทคัดย่อ

การพัฒนารูปแบบการบริหารจัดการสถานศึกษาตามวิถีชีวิตอิสลาม เพื่อเสริมสร้างอุปนิสัยสู่การเรียนรู้ในการดำรงชีวิตของนักเรียน กรณีศึกษา : โรงเรียนอ่าวกะพ้อ อำเภอเกาะยาว จังหวัดพังงา มีวัตถุประสงค์ ดังนี้ 1) เพื่อศึกษาสภาพการบริหารและความต้องการในการพัฒนารูปแบบการบริหารจัดการสถานศึกษาตามวิถีชีวิตอิสลามเพื่อเสริมสร้างอุปนิสัยสู่การเรียนรู้ในการดำรงชีวิตของนักเรียน 2) เพื่อสร้างและพัฒนารูปแบบการบริหารจัดการสถานศึกษาตามวิถีชีวิตอิสลามเพื่อเสริมสร้างอุปนิสัยสู่การเรียนรู้ในการดำรงชีวิตของนักเรียน 3) เพื่อทดลองใช้รูปแบบการบริหารจัดการสถานศึกษาตามวิถีชีวิตอิสลามเพื่อเสริมสร้างอุปนิสัยสู่การเรียนรู้ในการดำรงชีวิตของนักเรียน และ 4) เพื่อประเมินและปรับปรุงรับรองรูปแบบการบริหารจัดการสถานศึกษาตามวิถีชีวิตอิสลามเพื่อเสริมสร้างอุปนิสัยสู่การเรียนรู้ในการดำรงชีวิตของนักเรียน การวิจัยครั้งนี้แบ่งออกเป็น 4 ระยะ ดังนี้ ระยะที่ 1 การวิจัย (Research : R1) ศึกษาสภาพการบริหารและความต้องการในการพัฒนารูปแบบการบริหารจัดการสถานศึกษาตามวิถีชีวิตอิสลามเพื่อเสริมสร้างอุปนิสัยสู่การเรียนรู้ในการดำรงชีวิตของนักเรียน เครื่องมือได้แก่ แบบสอบถามความคิดเห็น (ฉบับที่ 1) แบบสัมภาษณ์กึ่งโครงสร้าง (ฉบับที่ 2) แบบสัมภาษณ์กึ่งโครงสร้าง (ฉบับที่ 3) แบบวิเคราะห์ข้อมูลจากการสนทนากลุ่มย่อย (ฉบับที่ 4) และแบบวิเคราะห์ข้อมูลจากการสนทนากลุ่มย่อย (ฉบับที่ 5) ผู้ให้ข้อมูลคือ ผู้บริหารสถานศึกษา จำนวน 10 คน ครูผู้สอน จำนวน 25 คน ผู้ปกครองนักเรียน จำนวน 15 คน และนักเรียนโรงเรียนอ่าวกะพ้อ จำนวน 18 คน ระยะที่ 2 การพัฒนา (Development : D1) การออกแบบและพัฒนารูปแบบการบริหารจัดการสถานศึกษาตามวิถีชีวิตอิสลามเพื่อเสริมสร้างอุปนิสัยสู่การเรียนรู้ในการดำรงชีวิตของนักเรียน เครื่องมือได้แก่ แบบสอบถามความคิดเห็น (ฉบับที่ 6) แบบประเมินความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหา (Content Validity) (ฉบับที่ 7) และแบบประเมินคู่มือ (ฉบับที่ 8) ผู้ให้ข้อมูลคือ ผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 5 คน และผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 15 คน ระยะที่ 3 การวิจัย (Research : R2) การทดลองใช้รูปแบบการบริหารจัดการสถานศึกษาตามวิถีชีวิตอิสลามเพื่อเสริมสร้างอุปนิสัยสู่การเรียนรู้ในการดำรงชีวิตของนักเรียน เครื่องมือได้แก่ แบบประเมินคุณภาพการปฏิบัติงานของครูผู้สอน (ฉบับที่ 9) และแบบประเมินอุปนิสัยสู่การเรียนรู้ในการดำรงชีวิตของนักเรียน (ฉบับที่ 10) ผู้ให้ข้อมูลคือ ครูผู้สอน จำนวน 22 คน และนักเรียนโรงเรียนอ่าวกะพ้อ จำนวน จำนวน 100 คน และระยะที่ 4 การพัฒนา (Development : D2) การประเมินและปรับปรุงรับรองรูปแบบการบริหารจัดการสถานศึกษาตามวิถีชีวิตอิสลามเพื่อเสริมสร้างอุปนิสัยสู่การเรียนรู้ในการดำรงชีวิตของนักเรียน เครื่องมือได้แก่ แบบประเมินการปรับปรุง แก้ไข (ฉบับที่ 11) ผู้ให้ข้อมูลคือ ผู้บริหารสถานศึกษา จำนวน 2 คน และครูผู้สอน จำนวน 22 คน สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานและการวิเคราะห์เนื้อหา ผลการวิจัยพบว่า

1. ผลการศึกษาสภาพการบริหารและความต้องการในการพัฒนารูปแบบการบริหารจัดการสถานศึกษาตามวิถีชีวิตอิสลามเพื่อเสริมสร้างอุปนิสัยสู่การเรียนรู้ในการดำรงชีวิตของนักเรียน พบว่า โดยรวมมีสภาพการบริหารอยู่ในระดับมาก ( x̄= 3.55, S.D. = 0.79) และความต้องการอยู่ในระดับมากที่สุด ( x̄= 4.53, S.D. = 0.90) และมีแนวทางในการพัฒนารูปแบบการบริหารสถานศึกษาตามวิถีชีวิตอิสลามเพื่อเสริมสร้างอุปนิสัยสู่การเรียนรู้ในการดำรงชีวิตของนักเรียนที่มีประสิทธิภาพ จากการสัมภาษณ์เกี่ยวกับการจัดการศึกษาตามวิถีชีวิตอิสลาม การสนทนากลุ่มย่อย โดยภาพรวมพบว่า การเสริมสร้างอุปนิสัยสู่การเรียนรู้ในการดำรงชีวิตของนักเรียนจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงวิธีการเรียนรู้ของนักเรียนให้รู้เท่าทันเทคโนโลยีและพร้อมรับมือกับปัญหาที่เกิดขึ้น สามารถปรับตัวเข้ากับสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงของสังคม และควรมีทักษะด้านวิชาการ ทักษะวิชาชีพ และทักษะชีวิต เพื่อให้นักเรียนสามารถดำรงชีวิตได้อย่างมีความสุข

2. ผลการสร้างและพัฒนารูปแบบการบริหารจัดการสถานศึกษาตามวิถีชีวิตอิสลามเพื่อเสริมสร้างอุปนิสัยสู่การเรียนรู้ในการดำรงชีวิตของนักเรียน มีชื่อว่า “Metacognitive-Based Administration Model” (MBA Model) หมายถึง การรู้คิดเป็นฐานในการบริหารสถานศึกษา ประกอบด้วย 6 องค์ประกอบ ได้แก่ 1) หลักการ 2) วัตถุประสงค์ 3) เนื้อหา 4) กระบวนการบริหารจัดการสถานศึกษา 7 ขั้นตอน มีดังนี้ ขั้นที่ 1 การรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐาน (Collection and Analysis of Data Stage : C) ขั้นที่ 2 การกำหนดเป้าหมายและนโยบายการจัดการศึกษา (Goals and Policy Stage : G) ขั้นที่ 3 การจัดทำโครงสร้างภารกิจการจัดการศึกษาโดยคำนึงถึงการนำหลักศาสนาเป็นหลักในการปฏิบัติงาน (Matrix Organization Structure Stage : M) ขั้นที่ 4 การปฏิบัติที่ดีที่สุด (Best Practice Stage : B) ขั้นที่ 5 การสร้างและพัฒนาทีมงาน (Team Building and Development Stage : T) ขั้นที่ 6 การประเมิน ผลงานตามสภาพที่แท้จริง (Job Assessment Stage : J) ขั้นที่ 7 การสร้างระบบประกันคุณภาพ (Quality Assurance Construction Stage : Q) 5) การประเมินผล และ 6) เงื่อนไขสู่ความสำเร็จ มีความเหมาะสมกับการบริหารจัดการสถานศึกษาและสถานการณ์ในพื้นที่ โดยรูปแบบมีความเป็นไปได้สามารถนำไปสู่การปฏิบัติได้จริงและมีความเป็นประโยชน์ต่อสถานศึกษา ครูและนักเรียน

3. ผลการทดลองใช้รูปแบบการบริหารจัดการสถานศึกษาตามวิถีชีวิตอิสลามเพื่อเสริมสร้างอุปนิสัยสู่การเรียนรู้ในการดำรงชีวิตของนักเรียน พบว่า หลังจากการนำรูปแบบการบริหารจัดการสถานศึกษาตามวิถีชีวิตอิสลามเพื่อเสริมสร้างอุปนิสัยสู่การเรียนรู้ในการดำรงชีวิตของนักเรียนไปทดลองใช้ ผลการประเมินแผนการจัดการเรียนรู้ของครูผู้สอนก่อนการจัดการเรียนรู้ให้กับนักเรียน มีความถูกต้องและเหมาะสมในระดับมากที่สุด ( x̄= 4.53, S.D. = 0.52) การสังเกตการจัดการเรียนรู้ของครูผู้สอน มีการปฏิบัติอยู่ในระดับมากที่สุด ( x̄= 4.55, S.D. = 0.51) ผู้บริหารมีความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้ของครูผู้สอนอยู่ในระดับมากที่สุด (x̄ = 4.53, S.D. = 0.50) และนักเรียนปฏิบัติ/แสดงพฤติกรรมนั้นทุกครั้ง หรือ 100% (x̄ = 2.57, S.D. = 0.50)

4. ผลการประเมินและปรับปรุงเพื่อรับรองรูปแบบการบริหารจัดการสถานศึกษาตามวิถีชีวิตอิสลามเพื่อเสริมสร้างอุปนิสัยสู่การเรียนรู้ในการดำรงชีวิตของนักเรียน พบว่า องค์ประกอบของรูปแบบการบริหารจัดการสถานศึกษา “Metacognitive-Based Administration Model” (MBA Model) มีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด (x̄ = 4.51, S.D. = 0.51) และการนำไปใช้ได้จริงอยู่ในระดับมากที่สุด (x̄ = 4.53, S.D. = 0.50) และผู้บริหารสถานศึกษาและครูผู้สอนมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด ( x̄= 4.52, S.D. = 0.50)

โพสต์โดย kratai : [27 ก.ย. 2567 (07:48 น.)]
อ่าน [766] ไอพี : 1.20.222.39
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
Advertisement

 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 12,524 ครั้ง
6 เคล็ดลับเก็บเงินปี 2009
6 เคล็ดลับเก็บเงินปี 2009

เปิดอ่าน 19,622 ครั้ง
แช่น้ำอุ่นก่อนนอนทำให้หลับลึก
แช่น้ำอุ่นก่อนนอนทำให้หลับลึก

เปิดอ่าน 65,353 ครั้ง
ทำไมต้องใส่ชุดดำไปงานศพ
ทำไมต้องใส่ชุดดำไปงานศพ

เปิดอ่าน 23,730 ครั้ง
แชร์ประสบการณ์หัดพูด อังกฤษ ฉบับ Advance ได้ผลจริง
แชร์ประสบการณ์หัดพูด อังกฤษ ฉบับ Advance ได้ผลจริง

เปิดอ่าน 22,964 ครั้ง
แอร์รถมีกลิ่นตอนเปิด เกิดจากอะไร แก้ไขอย่างไร
แอร์รถมีกลิ่นตอนเปิด เกิดจากอะไร แก้ไขอย่างไร

เปิดอ่าน 14,525 ครั้ง
กินถั่ววอลนัท ตัดหนทางมะเร็ง
กินถั่ววอลนัท ตัดหนทางมะเร็ง

เปิดอ่าน 22,727 ครั้ง
ข้อบังคับคุรุสภา ว่าด้วยการพิจารณาการประพฤติผิดจรรยาบรรณของวิชาชีพ พ.ศ. 2549
ข้อบังคับคุรุสภา ว่าด้วยการพิจารณาการประพฤติผิดจรรยาบรรณของวิชาชีพ พ.ศ. 2549

เปิดอ่าน 7,515 ครั้ง
คู่มือหลักสูตรการพัฒนาข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาก่อนแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง ผอ.เขต
คู่มือหลักสูตรการพัฒนาข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาก่อนแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง ผอ.เขต

เปิดอ่าน 103,868 ครั้ง
วิธีปฐมพยาบาลข้อต่อเคล็ดหรือแพลง
วิธีปฐมพยาบาลข้อต่อเคล็ดหรือแพลง

เปิดอ่าน 17,332 ครั้ง
กินแตงโม...ลดความดันเลือด
กินแตงโม...ลดความดันเลือด

เปิดอ่าน 11,548 ครั้ง
10 ประการที่ญี่ปุ่นก้าวหน้าระดับโลก
10 ประการที่ญี่ปุ่นก้าวหน้าระดับโลก

เปิดอ่าน 16,367 ครั้ง
เส้นทางรัก ... เพชรา มาถึงวันนี้ที่มีแต่ ชรินทร์
เส้นทางรัก ... เพชรา มาถึงวันนี้ที่มีแต่ ชรินทร์

เปิดอ่าน 19,692 ครั้ง
การแพ้ยา Drug Hypersensitivity
การแพ้ยา Drug Hypersensitivity

เปิดอ่าน 11,017 ครั้ง
ระวัง! สารฟอกขาวในตะเกียบ
ระวัง! สารฟอกขาวในตะเกียบ

เปิดอ่าน 16,423 ครั้ง
อาหารที่ควรทาน และ หลีกเลี่ยงก่อน เข้าห้องสอบ !!
อาหารที่ควรทาน และ หลีกเลี่ยงก่อน เข้าห้องสอบ !!

เปิดอ่าน 19,338 ครั้ง
คู่มือการประเมินคุณภาพภายนอกรอบสาม ระดับการศึกษาปฐมวัย (แรกเกิด-2ปี) ฉบับสถานศึกษา
คู่มือการประเมินคุณภาพภายนอกรอบสาม ระดับการศึกษาปฐมวัย (แรกเกิด-2ปี) ฉบับสถานศึกษา
เปิดอ่าน 14,312 ครั้ง
วิธีล้างคราบน้ำชาที่ติดแก้ว
วิธีล้างคราบน้ำชาที่ติดแก้ว
เปิดอ่าน 919 ครั้ง
อยากกระตุ้นให้ลูกฉลาดตั้งแต่อยู่ในท้อง
อยากกระตุ้นให้ลูกฉลาดตั้งแต่อยู่ในท้อง
เปิดอ่าน 67,046 ครั้ง
การเขียนรายงานโครงงานวิทยาศาสตร์
การเขียนรายงานโครงงานวิทยาศาสตร์
เปิดอ่าน 11,155 ครั้ง
ทั่วโลกฮือฮา ซูดานใต้ไอเดียเก๋ จะสร้างเมืองเป็นรูปสัตว์ต่างๆ
ทั่วโลกฮือฮา ซูดานใต้ไอเดียเก๋ จะสร้างเมืองเป็นรูปสัตว์ต่างๆ

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
โครงการบ้านเชียงใหม่
บ้านเชียงใหม่
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.

Thailand Web Stat

Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ