ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
การพัฒนาชุดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เรื่อง ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ด้วยโครงงงานเป็นฐาน (Project Based Learning) ร่วมกับหลักการเรียนรู้แบบสืบเสาะ 7E รายวิชาวิทยาศาสตร์ 6 ของนักเ

การพัฒนาชุดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เรื่อง ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ด้วยโครงงงานเป็นฐาน (Project Based Learning) ร่วมกับหลักการเรียนรู้แบบสืบเสาะ 7E รายวิชาวิทยาศาสตร์ 6 ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนนิคมพิมายศึกษา

ผู้จัดทำ : นางสาวรัชนี ชุ่มกิ่ง (2567)

สภาพปัญหาการจัดการเรียนรู้และคุณภาพการเรียนรู้ของผู้เรียน

วิทยาศาสตร์มีบทบาทสำคัญยิ่งในสังคมโลกปัจจุบันและอนาคต เพราะวิทยาศาสตร์เกี่ยวข้องกับทุกคนทั้งในชีวิตประจำวันและการงานอาชีพต่าง ๆ ตลอดจนเทคโนโลยีเครื่องมือเครื่องใช้และผลผลิตต่าง ๆ ที่มนุษย์ได้ใช้เพื่ออำนวยความสะดวกในชีวิตและการทำงาน เหล่านี้ล้วนเป็นผลของความรู้วิทยาศาสตร์ ผสมผสานกับความคิดสร้างสรรค์และศาสตร์อื่นๆ วิทยาศาสตร์ช่วยให้มนุษย์พัฒนาวิธีคิด ทั้งความคิดเป็นเหตุเป็นผล คิดสร้างสรรค์ คิดวิเคราะห์ วิจารณ์ มีทักษะสำคัญในการค้นคว้าหาความรู้ มีความสามารถในการแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ สามารถตัดสินใจโดยใช้ข้อมูลที่หลากหลายและมีประจักษ์พยานที่ตรวจสอบได้ วิทยาศาสตร์เป็นวัฒนธรรมของโลกสมัยใหม่ซึ่งเป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ ดังนั้นทุกคนจึงต้องได้รับการพัฒนาให้รู้วิทยาศาสตร์เพื่อที่จะมีความรู้ ความเข้าใจในธรรมชาติและเทคโนโลยีที่มนุษย์สร้างสรรค์ขึ้น สามารถนำความรู้ไปใช้อย่างมีเหตุผล สร้างสรรค์ และมีคุณธรรม (กระทรวงศึกษาธิการ. 2552 : 92 )

การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนในกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ โรงเรียนนิคมพิมายศึกษา ที่ผ่านมายังไม่บรรลุผลเท่าที่ควรและนักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ค่อนข้างต่ำ จากผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน O-NET (Ordinary Nation Educational Test) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ในปีการศึกษา 2565 ได้คะแนนได้คะแนนเฉลี่ยร้อยละ 28.37 เมื่อแบ่งคะแนนตามสาระการเรียนรู้ สาระวิทยาศาสตร์กายภาพ ได้คะแนนเฉลี่ยร้อยละ 19.06 ซึ่งต่ำกว่าระดับเขตพื้นที่และระดับชาติ นอกจากนี้ยังพบว่า นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนนิคมพิมายศึกษา ขาดทักษะในการปฏิบัติการทดลอง ขาดการแสวงหาความรู้ ไม่สามารถสร้างองค์ความรู้ได้ด้วยตนเอง ขาดความกระตือรือร้น ส่งผลให้นักเรียนมีทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และผลสัมฤทธิ์อยู่ในระดับต่ำ จำเป็นจะต้องหาแนวทางเพื่อพัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และผลการเรียนของนักเรียนให้มีระดับสูงขึ้น และพบว่าผู้เรียนในชั้นเรียน มีความแตกต่างกันทั้งด้านความรู้ ความสนใจและความถนัด ทำให้ผู้เรียนมีวิธีการเรียนรู้ที่แตกต่างกัน ประกอบด้วยสภาพสังคมที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนของผู้สอนไม่ตอบสนองต่อความสนใจและความถนัดของผู้เรียน ทำให้ผู้เรียนเกิดความเบื่อหน่ายในการเรียน ขาดความสนใจใฝ่รู้ ไม่กระตือรือร้นในการเรียนและมีเจตคติที่ไม่ดีต่อวิทยาศาสตร์

การจัดการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ความเปิดโอกาสให้นักเรียนได้ทำการทดลองจริง มีการใช้กระบวนการเรียนการสอนที่สนุก น่าสนใจ ดังคำกล่าวของ ภพ เลาหไพบูลย์ (2555 : 194) ซึ่งได้กล่าวถึงเรื่อง การจัดกระบวนการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ ไว้ว่า “การเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ จะต้องใช้สื่อการเรียนการสอนเป็นสื่อกลาง ในการแลกเปลี่ยนเนื้อหาทักษะความคิดระหว่างผู้เรียนกับผู้สอน ให้มีการถ่ายทอดความรู้กระบวนการแสวงหาความรู้วิทยาศาสตร์ เจตคติทางวิทยาศาสตร์ไปพร้อมกัน” การนำชุดกิจกรรมมาช่วยในการเปลี่ยนพฤติกรรมการเรียนรู้ ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพจะส่งผลให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ด้วยตนเองได้มากขึ้น ชุดกิจกรรมยังมีประโยชน์ต่อการเรียนการสอนดังคำกล่าวของ ชัยยงค์ พรหมวงศ์ (2537 :123) ซึ่งกล่าวไว้ว่า ชุดกิจกรรมการเรียนรู้จะช่วยให้ผู้สอนถ่ายทอดเนื้อหาและประสบการณ์ที่เหมาะสมที่เป็นรูปธรรม เร้าความสนใจของนักเรียนต่อสิ่งที่กำลังศึกษา ช่วยในการแก้ปัญหาความแตกต่างระหว่างบุคคลและช่วยแก้ปัญหาการขาดครูผู้สอน ในสาขาวิทยาศาสตร์ได้ อีกทั้งนักเรียนยังได้ฝึกทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และส่งเสริมให้มีเจตคติที่ดีต่อวิทยาศาสตร์ ชุดกิจกรรมเป็นการพัฒนามาจากวิธีการเรียนการสอนหลาย ๆ ระบบเข้ามาผสมผสานให้กลมกลืนกัน นับตั้งแต่การเรียนรู้ด้วยตนเอง การร่วมกิจกรรมกลุ่ม การใช้สื่อในรูปแบบต่าง ๆ การเรียนการสอนวิธีนี้เหมาะสมกับการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญที่สุด (สุนันทา สุนทรประเสริฐ. 2543:107) ในส่วนของชุดกิจกรรมวิทยาศาสตร์คือการประยุกต์ชุดการเรียนการสอนเข้ากับกระบวนการทางวิทยาศาสตร์หรือระเบียบวิธีการทางวิทยาศาสตร์ขึ้น เพื่อใช้เป็นนวัตกรรมการสอนทางวิทยาศาสตร์ศึกษา จะทำให้ผู้เรียนเรียนรู้หรือสร้างองค์ความรู้ได้อย่างมีระบบ ส่งผลให้เกิดทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ จิตวิทยาศาสตร์ และสามารถพัฒนาทักษะปฏิบัติทางวิทยาศาสตร์ได้มากขึ้น (ธานินทร์ ปัญญาวัฒนากุล. 2546 : 50) และจากงานวิจัยพบว่า การสอนโดยใช้ชุดกิจกรรม ทำให้ผู้เรียนมีผลการเรียนรู้สูงขึ้นกว่าการสอนแบบปกติอย่างเดียว ขณะเดียวกันก็มีทักษะกระบวนการหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน (สำเนียง พุทธา. 2550 : บทคัดย่อ , Farkas. 2002 : 1243-A) การเรียนรู้ด้วยชุดกิจกรรมที่พัฒนาขึ้นอย่างมีระบบ และมีประสิทธิภาพ สามารถช่วยให้ผู้เรียนเรียนรู้วิทยาศาสตร์ได้ดียิ่งขึ้น ส่งผลให้มีผลการเรียนรู้ ทั้งด้านความรู้ ด้านทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และมีเจตคติต่อการเรียนรู้สูงขึ้น (นพคุณ แดงบุญ. 2552 : บทคัดย่อ ,สมทรง หางสลัด. 2553 : บทคัดย่อ) เพราะชุดกิจกรรมจะช่วยให้ผู้เรียนมีอิสระ เรียนรู้ได้ด้วยตนเอง ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการทำกิจกรรม โดยใช้ความสามารถตามความต้องการของตน ได้ฝึกทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ส่งเสริมความรับผิดชอบ ให้มีความกระตือรือร้นที่จะศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง เกิดการเรียนรู้และปฏิบัติจริง เกิดทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ มีเจตคติต่อวิทยาศาสตร์ในทางที่ดีขึ้น สามารถประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้และชุดกิจกรรมเป็นนวัตกรรมการศึกษาที่มีคุณค่าเพียงพอที่จะนำมาสอนได้ และยังช่วยให้ผู้เรียนมีความพอใจในการเรียน ช่วยส่งเสริมการเรียนรายบุคคล นักเรียนได้เรียนตามความสามารถตามความสนใจ เปิดโอกาสให้นักเรียนได้แสวงหาความรู้ด้วยตนเอง ชุดกิจกรรมยังช่วยให้นักเรียนได้เรียนรู้ด้วยตนเองตามอัตภาพไม่เกิดความเบื่อหน่าย สนองความแตกต่างระหว่างบุคคล ส่งเสริมความรับผิดชอบของนักเรียน การสอนโดยชุดกิจกรรมเป็นการสอนที่ผู้เรียนได้ประสบการตรงผ่านกระบวนการต่าง ๆ ได้พิสูจน์ทดสอบและเห็นผลประจักษ์ด้วยตนเอง จึงเกิดการเรียนรู้ได้ดีมีความเข้าใจและจดจำการเรียนรู้นั้นได้นาน เปิดโอกาสให้นักเรียนได้พัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และทักษะต่าง ๆ ผู้เรียนมีส่วนร่วมในกิจกรรมมาก ทำให้เกิดความกระตือรือร้นในการเรียน (บุญเกื้อ ควรหาเวช. 2530 : 84-85 ; สมจิต สวธนไพบูลย์. 2535 : 39 ; ทิศนา แขมมณี. 2550 : 28)

การจัดการเรียนรู้แบบโครงงานเป็นวิธีการหนึ่งที่สามารถแก้ปัญหาดังกล่าวคือ โครงงาน เป็นกระบวนการเรียนรู้แบบบูรณาการที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญรูปแบบหนึ่ง ซึ่งมุ่งส่งเสริมกระบวนการคิดวิเคราะห์ ผู้เรียนร่วมกันวางแผนเพื่อสร้างองค์ความรู้หรือแก้ปัญหาด้วยการค้นคว้า ทดลองตามขั้นตอน (วิมลรัตน์ สุนทรโรจน์. 2549 : 180) การจัดการเรียนรู้แบบโครงงาน จะทำให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้ มีประสบการณ์จากการปฏิบัติจริง ฝึกให้แก้ปัญหาโดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งจะติดตัวเด็กไปตลอด เมื่อมีข้อสงสัยหรือปัญหาเกิดขึ้นเขาจะแก้ปัญหาโดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งเป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปว่าเป็นสิ่งที่สำคัญกว่าความรู้ที่ขาดการปฏิบัติ (วิมลศรี สุวรรณรัตน์ และมาฆะ ทิพย์คีรี. 2544 : 8) การจัดการเรียนรู้ที่คำนึงถึงลักษณะการเรียนรู้ของผู้เรียน เพื่อให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ตามลักษณะความสนใจ มุ่งให้เด็กมีประสบการณ์ตรงกับเรื่องที่ศึกษา (วัฒนา มัคคสมัน. 2550 : 20) นอกจากนี้ ยังมีงานวิจัยหลายฉบับที่ได้ศึกษาการจัดการเรียนรู้โดยใช้โครงงาน พบว่า การจัดการเรียนรู้แบบโครงงานส่งผลให้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์สูงขึ้น อาทิเช่น สายพิณ กองกระโทก (2552) ได้ศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเรื่องแม่เหล็กไฟฟ้าและแรงไฟฟ้า ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และความคิดสร้างสรรค์ทางวิทยาศาสตร์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 จากการสอนแบบโครงงาน พบว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเรื่องแม่เหล็กและแรงไฟฟ้า โดยการสอนแบบโครงงานก่อนเรียนมีคะแนนเฉลี่ยสูงกว่าก่อนเรียน และทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์เรื่องแม่เหล็กและแรงไฟฟ้าหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน สอดคล้องกับจารุวรรณ เสียงไพเราะ (2553) ได้ศึกษาการพัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่องพอลิเมอร์ โดยการจัดการเรียนรู้แบบโครงงานวิทยาศาสตร์เป็นฐาน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 พบว่า ผลสัมฤทธิ์หลังการจัดกิจกรรมสูงกว่าก่อนการจัดกิจกรรม และทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์หลังการจัดกิจกรรมสูงกว่าก่อนการจัดกิจกรรม และสอดคล้องกับณัฐกฤตา ดุลวิทย์ (2554) ได้ศึกษาผลการจัดการเรียนรู้วิชาเคมีพื้นฐาน ในด้านผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน กระบวนการทางวิทยาศาสตร์และผลจากการพัฒนาโครงงานของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 จากการพัฒนาโครงงานด้วยกระบวนการจัดการเรียนรู้ตามแนว Constructivism พบว่า นักเรียนที่ได้รับการจัดกิจกรรมพัฒนาโครงงานด้วยกระบวนการจัดการเรียนรู้ตามแนว Constructivism มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน และนักเรียนมีคะแนนกระบวนการทางวิทยาศาสตร์หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน รวมทั้งผลการวิจัยของมารียะห์ มะเซ็ง (2555) ได้ศึกษาผลการจัดการเรียนรู้แบบโครงงานที่มีต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิทยาศาสตร์ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และเจตคติต่อวิทยาศาสตร์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 พบว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน และคะแนนทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน และ Mason (1991) ได้ศึกษาประสิทธิภาพของโครงงานวิทยาศาสตร์ที่ครูเป็นผู้เริ่มและนักเรียนเป็นผู้เริ่ม พบว่า โครงงานที่ครูเป็นผู้กำหนดให้นักเรียนทำมีความสำเร็จและสมบูรณ์มากกว่าโครงงานที่นักเรียนเลือกทำเอง และพบว่าโครงงานวิทยาศาสตร์ที่เป็นปัญหาปลายเปิดส่งเสริมการพัฒนาความคิดได้ดีแต่ต้องอาศัยความสามารถทางสติปัญญา ซึ่งสอดคล้องกับ Wahl (2003) ได้ศึกษาเพื่อพัฒนาโครงงานรูปแบบการเรียนรู้รายวิชาวิทยาศาสตร์เบื้องต้น พบว่า นักเรียนชอบทำโครงงานที่ครูมอบหมายได้สำเร็จสมบูรณ์ดีกว่าโครงงานที่เลือกเอง

จากการศึกษาขั้นตอนการจัดการเรียนรู้แบบโครงงานของนักการศึกษาหลายท่าน พบว่ามีขั้นตอนที่สอดคล้องกันคือ ขั้นตั้งปัญหา ขั้นวางแผนและเขียนเค้าโครง ขั้นดำเนินการ ขั้นประเมินผล ผู้วิจัยจึงได้แบ่งลำดับขั้นของการจัดการเรียนรู้แบบโครงงานในการวิจัยครั้งนี้ออกเป็น 5 ขั้นตอน ดังนี้ 1) ขั้นสำรวจปัญหา 2) ขั้นรวบรวมข้อมูล 3) ขั้นวางแผนดำเนินการ 4) ขั้นดำเนินการ และ 5) ขั้นนำเสนอผลงาน

การเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้เป็นแนวทางการจัดการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ที่มีการพัฒนาขึ้นตามทฤษฎี constructivism ซึ่งเป็นกระบวนการที่นักเรียนจะต้องสืบค้น เสาะหา สำรวจ ตรวจสอบ และค้นคว้าด้วยวิธีการต่างๆ ทำให้นักเรียนเกิดความเข้าใจและเกิดการรับรู้นั้นอย่างมีความหมายจึงจะสามารถสร้างเป็นองค์ความรู้ของนักเรียนเองและเก็บเป็นข้อมูลไว้ในสมองได้อย่างยาวนาน สามารถนำมาใช้ได้เมื่อมีสถานการณ์ใดๆ มาเผชิญหน้า (ทิศนา แขมมณี. 2553 : 141) การเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้เป็นวิธีการสอนที่ฝึกให้นักเรียนรู้จักค้นหาความรู้ด้วยตนเอง โดยผู้สอนตั้งคำถามประเภทกระตุ้นให้นักเรียนใช้ความคิดหาวิธีการแก้ปัญหาได้เองและสามารถนำการแก้ปัญหามาใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันได้

การจัดการเรียนการสอน 7E เป็นรูปแบบหนึ่งของการจัดการเรียนการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้

โดย Eisenkraft ได้ปรับปรุงและพัฒนาขึ้นจากรูปแบบของวงจรการเรียนรู้แบบ 5E ซึ่งมี 5 ขั้นตอนมาเป็น 7 ขั้นตอน ดังนี้ 1) ขั้นตรวจสอบความรู้เดิม 2) ขั้นสร้างความสนใจ 3) ขั้นสำรวจและค้นหา 4) ขั้นอธิบายและลงข้อสรุป 5) ขั้นขยายความรู้ 6) ขั้นประเมินผล 7) ขั้นนำความรู้ไปใช้ โดยให้เหตุผลว่าขั้นตอนของวงจรการเรียนรู้แบบ 5E เป็นขั้นที่ยังไม่ต่อเนื่อง จึงเพิ่มขั้นตอนของวงจรการเรียนรู้อีก 2 ขั้น คือขั้นตรวจสอบความรู้เดิมและขั้นนำความรู้ไปใช้ การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ใช้การจัดการเรียนการสอน 7E จะทำให้นักเรียนเกิดกระบวนการเรียนรู้ได้สมบูรณ์ ช่วยให้นักเรียนเรียนรู้ได้อย่างเข้าใจมากขึ้น และมีแนวคิดที่ผิดพลาดน้อยลง จากการศึกษาพบว่าการจัดการเรียนการสอนโดยใช้การจัดการเรียนการสอน 7E เป็นการจัดการเรียนการสอนรูปแบบหนึ่งที่เน้นให้นักเรียนใช้วิธีการสืบเสาะหาความรู้ โดยใช้ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ที่ช่วยพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และจิตวิทยาศาสตร์ของนักเรียนให้สูงขึ้น เพราะเป็นกระบวนการที่จะนำไปสู่การสร้างองค์ความรู้ของนักเรียนเอง สามารถเก็บเป็นข้อมูลไว้ในสมองได้อย่างยาวนาน และนำมาใช้ได้เมื่อมีสถานการณ์ใดๆ มาเผชิญหน้า

จากปัญหาและแนวคิดดังกล่าว ผู้วิจัยจึงมีความสนใจที่จะ พัฒนาชุดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมทักษะการทดลองตามกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เรื่อง ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ด้วยโครงงงาน (Project Based Learning) ร่วมกับหลักการเรียนรู้แบบสืบเสาะ 7E วิชาวิทยาศาสตร์ 6 ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนนิคมพิมายศึกษา

วิธีการดำเนินการให้บรรลุผล

1. วิเคราะห์หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง 2561) และหลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนนิคมพิมายศึกษา ในเรื่องมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด จัดทำคำอธิบายรายวิชา

เพื่อให้สอดคล้องกับกิจกรรมการเรียนรู้ที่เหมาะสม

2. ศึกษาเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนารูปแบบการสอน กระบวนการโครงงงาน (Project Based Learning) และกระบวนการเรียนรู้แบบสืบเสาะ 7E

3. ใช้กระบวนการเรียนรู้แบบสืบเสาะ 7E มาออกแบบขั้นตอนการเรียนรู้ในเนื้อหาสาระการเรียนรู้ หลักการ/ทฤษฎี ที่เอื้อและง่ายต่อการเรียนรู้ของผู้เรียน นำไปสู่ความคิดรวบยอด ส่งผลให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ที่มีคุณภาพ จัดทำ Course Syllabus และแผนการจัดการเรียนรู้ โดยให้สอดคล้องกับการพัฒนารูปแบบการสอน กระบวนการโครงงงาน (Project Based Learning)

4. จัดทำแบบฝึกทักษะ แบบทดสอบและออกแบบเครื่องมือวัดและประเมินผลผู้เรียนตามหน่วยการเรียนรู้ และสอดคล้องกับการพัฒนารูปแบบการสอน กระบวนการโครงงงาน (Project Based Learning)

5. ให้ผู้เชี่ยวชาญ ช่วยกันตรวจสอบ พร้อมทั้งเสนอแนะ เพื่อปรับปรุงแก้ไข

6. ปรับปรุง แก้ไขตามคำแนะนำ

7. นำไปใช้กับนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3

8. บันทึกผลการเรียนรู้ของนักเรียน และสะท้อนผลการเรียนรู้ โดยจัดป้ายนิเทศ หรือนิทรรศการ และการจัดประกวดโครงงานในเวทีประกวดต่าง ๆ

9. รายงานผลการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน และนำผลมาพัฒนาต่อไปให้ดียิ่งขึ้น

ผลลัพธ์การพัฒนาที่คาดหวัง

1. เชิงปริมาณ

1.1 นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์สูงกว่าเกณฑ์ที่

กำหนด

1.2 นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีทักษะการทดลองตามกระบวนการทางวิทยาศาสตร์เพิ่มขึ้น 1.3 นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีคะแนนเฉลี่ยการทดสอบ O-Net สูงกว่าระดับประเทศ และผ่านเกณฑ์ตามที่กำหนด

1.4 นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีความพึงพอใจต่อการพัฒนารูปแบบการสอน กระบวนการโครงงงาน (Project Based Learning) อยู่ในระดับ มากขึ้นไป

2. เชิงคุณภาพ

2.1 นักเรียนสามารถนำความรู้ไปประยุกต์ใช้สร้างสรรค์ผลงานได้

2.2 นักเรียนได้แสดงผลงานในระดับโรงเรียน เขตพื้นที่ ระดับภาคและระดับชาติ

2.3 นักเรียนได้รับการยกย่อง เชิดชูเกียรติ จากทุกภาคส่วน

โพสต์โดย รัชนี ชุ่มกิ่ง : [11 ก.ย. 2567 (10:26 น.)]
อ่าน [941] ไอพี : 159.192.140.209
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 1,345 ครั้ง
ติดฟิล์มกระจกบ้าน วิธีลดอุณหภูมิและปกป้องบ้านจากแสงแดด
ติดฟิล์มกระจกบ้าน วิธีลดอุณหภูมิและปกป้องบ้านจากแสงแดด

เปิดอ่าน 65,461 ครั้ง
ตารางธาตุ
ตารางธาตุ

เปิดอ่าน 24,427 ครั้ง
การวัดความกดอากาศ
การวัดความกดอากาศ

เปิดอ่าน 11,158 ครั้ง
กูเกิลบริการแปลภาษาไม่ง้อเน็ต
กูเกิลบริการแปลภาษาไม่ง้อเน็ต

เปิดอ่าน 7,079 ครั้ง
พระเจ้าแผ่นดิน
พระเจ้าแผ่นดิน

เปิดอ่าน 76,648 ครั้ง
อำนาจหน้าที่ของศึกษาธิการจังหวัด
อำนาจหน้าที่ของศึกษาธิการจังหวัด

เปิดอ่าน 15,962 ครั้ง
กำนันสิตาย(MV) คลิปเลียนแบบ กังนัมสไตล์ ฮาแค่ไหน ดูเอาเอง
กำนันสิตาย(MV) คลิปเลียนแบบ กังนัมสไตล์ ฮาแค่ไหน ดูเอาเอง

เปิดอ่าน 18,992 ครั้ง
ค่าตัว 2.8 หมื่นบาทต่อเดือน เผย 3 อาชีพที่นายจ้างต้องการแรงงาน
ค่าตัว 2.8 หมื่นบาทต่อเดือน เผย 3 อาชีพที่นายจ้างต้องการแรงงาน

เปิดอ่าน 12,628 ครั้ง
6 เหตุผลน่าแปลกใจ ทำไมถึงนอนไม่หลับ
6 เหตุผลน่าแปลกใจ ทำไมถึงนอนไม่หลับ

เปิดอ่าน 19,097 ครั้ง
ฮอร์โมน : ชีววิทยา
ฮอร์โมน : ชีววิทยา

เปิดอ่าน 13,898 ครั้ง
ดูแลสุขภาพแบบไทย
ดูแลสุขภาพแบบไทย

เปิดอ่าน 4,819 ครั้ง
กรมอนามัย เผย 6 วิธี ป้องกันโควิด-19 บนรถรับ-ส่งนักเรียน
กรมอนามัย เผย 6 วิธี ป้องกันโควิด-19 บนรถรับ-ส่งนักเรียน

เปิดอ่าน 11,233 ครั้ง
"ขี้เหล็ก" ช่วยระบาย-สงบประสาท แต่ไม่ใช่ "ยานอนหลับ" โดยตรง
"ขี้เหล็ก" ช่วยระบาย-สงบประสาท แต่ไม่ใช่ "ยานอนหลับ" โดยตรง

เปิดอ่าน 14,079 ครั้ง
ชมคลิป น้องปุ๊ กุลปรียา นักเรียนบุรีรัมย์ โชว์เล่านิทานไข่ทองคำยุคอาเซียน
ชมคลิป น้องปุ๊ กุลปรียา นักเรียนบุรีรัมย์ โชว์เล่านิทานไข่ทองคำยุคอาเซียน

เปิดอ่าน 98,603 ครั้ง
ทฤษฎีพัฒนาการเชาน์ปัญญาของเพียเจต์
ทฤษฎีพัฒนาการเชาน์ปัญญาของเพียเจต์

เปิดอ่าน 11,763 ครั้ง
หลักการเสริมฮวงจุ้ยให้ "ห้องรับประทานอาหาร"
หลักการเสริมฮวงจุ้ยให้ "ห้องรับประทานอาหาร"
เปิดอ่าน 2,988 ครั้ง
รับทำ seo ให้กับทุกเว็บไซต์ติดอันดับ Google 1 วันรู้ผล
รับทำ seo ให้กับทุกเว็บไซต์ติดอันดับ Google 1 วันรู้ผล
เปิดอ่าน 12,790 ครั้ง
คลิป ดช ตาบอด 4 ขวบ ไม่ท้อชีวิต ใช้ไม้เท้าฝึกข้ามถนนเอง
คลิป ดช ตาบอด 4 ขวบ ไม่ท้อชีวิต ใช้ไม้เท้าฝึกข้ามถนนเอง
เปิดอ่าน 39,955 ครั้ง
Public Domain คืออะไร?
Public Domain คืออะไร?
เปิดอ่าน 107,344 ครั้ง
จุดธูปกี่ดอกบอกอะไร?
จุดธูปกี่ดอกบอกอะไร?

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ