ชื่อเรื่อง การพัฒนารูปแบบการจัดประสบการณ์โดยใช้กิจกรรมเป็นฐาน เพื่อส่งเสริมทักษะสมอง EF
กลุ่มทักษะพื้นฐานและกำกับตนเอง สำหรับเด็กปฐมวัย ชั้นอนุบาลปีที่ 3
ผู้วิจัย นางภีมพิสุทธิ์ เพียรสุขเวช
ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะ ครูชำนาญการพิเศษ
สังกัด โรงเรียนเทศบาล 4 อนุบาลพระเจ้าใหญ่องค์ตื้อ สำนักการศึกษา เทศบาลนครอุบลราชธานี
จังหวัดอุบลราชธานีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย
ปีที่วิจัย 2566
บทคัดย่อ
การพัฒนารูปแบบการจัดประสบการณ์โดยใช้กิจกรรมเป็นฐาน เพื่อส่งเสริมทักษะสมอง EF
กลุ่มทักษะพื้นฐานและกำกับตนเอง สำหรับเด็กปฐมวัย ชั้นอนุบาลปีที่ 3 ครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ
ศึกษาปัญหาและความต้องการในการจัดประสบการณ์โดยใช้กิจกรรมเป็นฐาน พัฒนารูปแบบการจัด
ประสบการณ์โดยใช้กิจกรรมเป็นฐาน ทดลองใช้รูปแบบการจัดประสบการณ์โดยใช้กิจกรรมเป็นฐาน
และศึกษาความพึงพอใจของเด็กที่มีต่อรูปแบบการจัดประสบการณ์โดยใช้กิจกรรมเป็นฐาน เพื่อส่งเสริม
ทักษะสมอง EF กลุ่มทักษะพื้นฐานและกำกับตนเอง สำหรับเด็กปฐมวัย ชั้นอนุบาลปีที่ 3
กลุ่มตัวอย่าง คือ เด็กชายและหญิง อายุ 5 ปี ซึ่งกำลังศึกษาในระดับปฐมวัย ชั้นอนุบาลปีที่ 3/1
ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 โรงเรียนเทศบาล 4 อนุบาลพระเจ้าใหญ่องค์ตื้อ สำนักการศึกษา
เทศบาลนครอุบลราชธานี อำเภอเมืองอุบลราชธานีจังหวัดอุบลราชธานีจำนวน 15 คน ซึ่งเป็น
การเลือกกลุ่มตัวอย่างโดยวิธีการสุ่มตัวอย่างแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้
ในการวิจัยประกอบด้วย แบบวิเคราะห์เอกสาร แบบสัมภาษณ์ แบบสอบถาม รูปแบบการจัด
ประสบการณ์คู่มือ การใช้รูปแบบการจัดประสบการณ์ แผนการจัดประสบการณ์แบบวัดทักษะสมอง EF
กลุ่มทักษะพื้นฐานและกำกับตนเอง และแบบสอบถามความพึงพอใจ วิเคราะห์ข้อมูลโดยการวิเคราะห์
เนื้อหาและใช้สถิติเชิงพรรณนา ค่าเฉลี่ย ค่าร้อยละ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบค่าที
ผลการวิจัย พบว่า
1. ปัญหาและความต้องการในการจัดประสบการณ์โดยใช้กิจกรรมเป็นฐาน เพื่อส่งเสริม
ทักษะสมอง EFกลุ่มทักษะพื้นฐานและกำกับตนเอง สำหรับเด็กปฐมวัย ชั้นอนุบาลปีที่ 3 พบว่า
เด็กบางคนสมาธิสั้น ไม่ค่อยอยู่นิ่ง ไม่ชอบการรอคอย ขาดความอดทน แยกตัว ควบคุมอารมณ์ไม่ได้
โมโห มีอารมณ์ฉุนเฉียวก้าวร้าวดื้อซน มีความกังวลใจ เล่นแรง มีการทำลายสิ่งของ ไม่สามารถที่จะ
แก้ไขปัญหาได้เอง ควรได้รับการส่งเสริมทักษะสมอง EFกลุ่มทักษะพื้นฐานและกำกับตนเอง ที่จะช่วย
ให้เด็กสามารถควบคุม ความคิดอารมณ์พฤติกรรม ที่จะส่งผลให้การทำกิจกรรมมีความสำเร็จตาม
เป้าหมายจดจำเนื้อหาที่เรียนได้ไม่วอกแวก มีสมาธิที่ดีขึ้น มีปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อน สามารถปรับตัว
เข้ากับเพื่อนได้ดีรู้จักบริหารจัดการตนเองได้อย่างเหมาะสม มีพฤติกรรมที่แสดงออกในทางบวกรู้
ข้อบกพร่องของตนเอง แล้วนำมาปรับเปลี่ยนพฤติกรรมไปในทางที่ดีรู้จักการวางแผนในการทำสิ่งต่าง
ๆ อย่างมีระบบ เพื่อให้สำเร็จตามเป้าหมายของตนเอง รู้จักยับยั้งควบคุมตนเองไม่ให้ทำในสิ่งที่ไม่
ถูกต้อง มีสมาธิจดจ่อสามารถทำงานได้จนเสร็จตามเป้าหมาย รู้จักประเมินตนเอง นำจุดบกพร่องมา
ปรับปรุงการทำงานให้ดีขึ้น เด็กรู้จักการรอคอย มีความอดทน และมีความรับผิดชอบต่องานที่ได้รับ
มอบหมาย
2. รูปแบบการจัดประสบการณ์มี4องค์ประกอบ คือ1)แนวคิดและหลักการของรูปแบบ
2) เป้าหมายและวัตถุประสงค์ 3) กิจกรรมการจัดประสบการณ์ โดยระบุกิจกรรมการจัดประสบการณ์
I-pada Model 5 ขั้นตอน ได้แก่ ขั้นนำและประสบการณ์ (Introduction and experience)
ขั้นวางแผน (Planning) ขั้นกิจกรรม (Activity) ขั้นค้นพบ (Discovery) และขั้นนำไปใช้ (Application)
และ 4) การวัดและประเมินผล ซึ่งผลการประเมินของผู้ทรงคุณวุฒิ พบว่า โดยภาพรวมมีความเหมาะสม
อยู่ในระดับมาก (
X = 4.21, S.D. = 0.59)
3. เด็กปฐมวัย ชั้นอนุบาลปีที่ 3 มีทักษะสมอง-อีเอฟ ด้านการกำกับตนเอง ก่อนและหลัง
การจัดประสบการณ์ตามรูปแบบการจัดประสบการณ์โดยใช้วรรณกรรมเป็นฐาน เพื่อส่งเสริมทักษะสมองอีเอฟ ด้านการกำกับตนเอง สำหรับเด็กปฐมวัย ชั้นอนุบาลปีที่ 3 แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ
ที่ระดับ .05
4. เด็กมีความพึงพอใจต่อรูปแบบการจัดประสบการณ์โดยใช้กิจกรรมเป็นฐาน เพื่อ
ส่งเสริมทักษะสมอง EF กลุ่มทักษะพื้นฐานและกำกับตนเอง สำหรับเด็กปฐมวัย ชั้นอนุบาลปีที่ 3
โดยรวมอยู่ในระดับมาก (
X
= 2.73, S.D. = 1.96)