ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของครูโรงเรียนวัดสว่างอารมณ์โดยใช้กระบวนการนิเทศรูปแบบ WATSAWANGAROM SCHOOL

ชื่อผลงาน : การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของครูโรงเรียนวัดสว่างอารมณ์

โดยใช้กระบวนการนิเทศรูปแบบ WATSAWANGAROM SCHOOL

ผู้วิจัย : นายนิรุทธิ์ พิกุลเทพ

ปีการศึกษา : 2566

บทสรุปสำหรับผู้บริหารสถานศึกษา

การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของครูสู่คุณภาพผู้เรียนโดยใช้กระบวนการนิเทศรูปแบบ WATSAWANGAROM SCHOOL

มีวัตถุประสงค์เพื่อ1) ศึกษาสภาพการจัดการเรียนรู้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของครูสู่คุณภาพผู้เรียนโดยใช้กระบวนการนิเทศรูปแบบ WATSAWANGAROM SCHOOL กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ รองผู้บริหารสถานศึกษา ศึกษานิเทศก์ ครูและบุคลากรทางการศึกษา คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพระนครศรีอยุธยา เขต 1 ปีการศึกษา 2566 จำนวน 30 คน ได้มาโดยกำหนดกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง 2) พัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของครูสู่คุณภาพผู้เรียนโดยใช้กระบวนการนิเทศรูปแบบ WATSAWANGAROM SCHOOL กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 9 คน ได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) และ 3) ศึกษาผลการใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของครูสู่คุณภาพผู้เรียนโดยใช้กระบวนการนิเทศ รูปแบบ WATSAWANGAROM SCHOOL กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ รองผู้บริหารสถานศึกษา หัวหน้างานวิชาการ หัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ 8 กลุ่มสาระ หัวหน้างานกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน หัวหน้างานวัดและประเมินผลการศึกษา และหัวหน้างานประกันคุณภาพการศึกษา รวมจำนวน 14 คน โรงเรียนวัดสว่างอารมณ์ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพระนครศรีอยุธยาเขต 1 4) ประเมินความพึงพอใจของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่มีต่อรูปแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของครูสู่คุณภาพผู้เรียน โดยใช้กระบวนการนิเทศรูปแบบ WATSAWANGAROM SCHOOL กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ รองผู้บริหารสถานศึกษา จำนวน 1 คน ครูและบุคลากรทางการศึกษา จำนวน 29 คน คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน จำนวน 13 คน นักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 - 6 จำนวน 188 คน และระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 - 3 จำนวน 166 คน ปีการศึกษา 2566 รวมจำนวน 354 คน และผู้ปกครองนักเรียน โรงเรียนวัดสว่างอารมณ์ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพระนครศรีอยุธยา เขต 1 ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 - 6 จำนวน 188 คน และระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 - 3 จำนวน 166 คน ปีการศึกษา 2566 รวมจำนวน 354 คน รวมทั้งสิ้นจำนวน 751 คน ซึ่งได้มาโดยการกำหนดกลุ่มตัวอย่าง แบบเจาะจง (Purposive Sampling) เครื่องมือ ที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบสอบถาม

แบบสัมภาษณ์แบบกึ่งโครงสร้าง วิเคราะห์ข้อมูลโดยวิธีการสังเคราะห์เนื้อหา วิเคราะห์ข้อมูลด้วยโปรแกรมสำเร็จรูป และสถิติที่ใช้ ได้แก่ 1) ร้อยละ 2) ค่าเฉลี่ย

และ 3) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน

สรุปผลการวิจัย พบว่า

1. ผลการศึกษาสภาพการจัดการเรียนรู้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของครูสู่คุณภาพผู้เรียนโดยใช้กระบวนการนิเทศรูปแบบ WATSAWANGAROM SCHOOL พบว่า ในภาพรวมมีการปฏิบัติอยู่ในระดับมาก (x̄ = 3.94, S.D. = 0.75) เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า มีการปฏิบัติ อยู่ในระดับมากทุกด้าน โดยเรียงลำดับจากมากไปหาน้อย ได้แก่ ด้านการสะท้อนผลงานจากการนิเทศภายใน (x̄ = 4.04 , S.D. = 0.80) ด้านการวางแผน และด้านการสร้างขวัญและกำลังใจ (x̄ = 3.96, S.D. = 0.70) ด้านการติดตามและประเมินผล (x̄ = 3.95 , S.D. = 0.71) ด้านการดำเนินการนิเทศภายใน (x̄ = 3.94 , S.D. = 0.62) ส่วนด้านที่มีการปฏิบัติต่ำสุด คือ ด้านการสร้างความรู้ความเข้าใจ ( = 3.78 , S.D. = 0.72) ตามลำดับ

2. ผลการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของครูสู่คุณภาพผู้เรียนโดยใช้กระบวนการนิเทศรูปแบบ WATSAWANGAROM SCHOOL

ผู้เชี่ยวชาญ ได้พิจารณาความเหมาะสมและความถูกต้อง พบว่า ร่างรูปแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของครูสู่คุณภาพผู้เรียนโดยใช้กระบวนการนิเทศรูปแบบ WATSAWANGAROM SCHOOL ในภาพรวมมีระดับความเหมาะสมอยู่ในระดับความเหมาะสมมากที่สุด (x̄ = 4.70, S.D. = 0.49) เมื่อพิจารณาเป็นรายการ พบว่า ทุกรายการ มีระดับความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด โดยเรียงลำดับจากมากไปหาน้อย 3 ลำดับแรก ได้แก่ รูปแบบมีกระบวนการดำเนินงานที่เป็นระบบ สะดวกต่อการปฏิบัติในบริบทของผู้เกี่ยวข้อง(x̄ = 5.00, S.D. = 0.00) รองลงมา คือ รูปแบบมีแนวทางการปฏิบัติที่สอดคล้องกับการปฏิบัติในสถานศึกษา

(x̄ = 4.78, S.D. = 0.44) รูปแบบมีสาระครอบคลุมกับการปฏิบัติงานในสถานศึกษารูปแบบมีสาระครอบคลุมกับการปฏิบัติงานในสถานศึกษา รูปแบบมีการนำเสนอเนื้อหาและวิธีการที่เป็นไปตามหลักวิชา รูปแบบมีความชัดเจนและสอดคล้องกับเป้าหมายการปฏิบัติงาน และรูปแบบมีรายละเอียดที่สามารถนำไปปฏิบัติได้ตรงตามความต้องการ (x̄ = 4.67, S.D. = 0.50) ส่วนรายการที่มีระดับความเหมาะสมต่ำสุด ได้แก่ รูปแบบมีหลักการที่ส่งเสริมการปฏิบัติที่เหมาะสม และมีกระบวนการและหลักการที่สอดคล้องกับบริบทในสถานศึกษา (x̄ = 4.56 , S.D. = 0.72) ตามลำดับสำหรับผลการตรวจสอบระดับความถูกต้องในภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด (x̄ = 4.84 ,S.D. = 0.29) เมื่อพิจารณาเป็นรายการ พบว่า ทุกรายการมีระดับความถูกต้องอยู่ในระดับมากที่สุด โดยเรียงลำดับจากมากไปหาน้อย 3 ลำดับแรก ได้แก่ รูปแบบมีสาระครอบคลุมกับการปฏิบัติงานในสถานศึกษารูปแบบมีสาระครอบคลุมกับการปฏิบัติงานในสถานศึกษา รูปแบบมีกระบวนการดำเนินงานที่เป็นระบบ สะดวกต่อการปฏิบัติในบริบทของผู้เกี่ยวข้องและรูปแบบมีการนำเสนอเนื้อหาและวิธีการที่เป็นไปตามหลักวิชา (x̄= 5.00, S.D. = 0.00) รองลงมา คือ รูปแบบมีแนวทางการปฏิบัติที่สอดคล้องกับการปฏิบัติในสถานศึกษา รูปแบบมีความชัดเจนและสอดคล้องกับเป้าหมายการปฏิบัติงาน และรูปแบบมีรายละเอียดที่สามารถนำไปปฏิบัติได้ตรงตามความต้องการ (x̄ = 4.78, S.D. = 0.44) ส่วนรายการที่มีระดับความถูกต้องต่ำสุด ได้แก่ รูปแบบมีหลักการที่ส่งเสริมการปฏิบัติ ที่เหมาะสม และมีกระบวนการและหลักการที่สอดคล้องกับบริบทในสถานศึกษา (x̄ = 4.67 , S.D. = 0.50) ตามลำดับ

3. ศึกษาผลการใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของครูสู่คุณภาพผู้เรียน โดยใช้กระบวนการนิเทศรูปแบบ WATSAWANGAROM SCHOOL พบว่า มีระดับความเป็นไปได้ในภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด (x̄ = 4.86, S.D. = 0.29) เมื่อพิจารณา เป็นรายการ พบว่า ทุกรายการ มีระดับความเป็นไปได้อยู่ในระดับมากที่สุด โดยเรียงลำดับจากมากไปหาน้อย 3 ลำดับแรก ได้แก่ รูปแบบมีความสอดคล้องกับเกณฑ์ที่ใช้ในการประเมินตามมาตรฐานการประเมิน ในบริบทของสถานศึกษา และรูปแบบมีการนำเสนอเนื้อหาและวิธีการนิเทศที่เป็นไปตามหลักวิชา (x̄= 5.00, S.D. = 0.00) รองลงมา คือ รูปแบบมีสาระครอบคลุมกับการปฏิบัติงานในสถานศึกษา และรูปแบบสามารถทำความเข้าใจได้ง่ายไม่ยุ่งยาก ซับซ้อน ช่วยให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง เข้าใจขั้นตอนในการนำไปปฏิบัติ (x̄ = 4.86, S.D. = 0.36) และรูปแบบมีความสอดคล้องกับนโยบายการจัดการศึกษาของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และรูปแบบมีแนวทางการปฏิบัติการนิเทศที่สามารถนำไปใช้ในสถานการณ์จริงได้ (x̄ = 4.79, S.D. = 0.43) ส่วนรายการที่มีระดับความเป็นไปได้ต่ำสุด ได้แก่ รูปแบบมีแนวทางการปฏิบัติที่สอดคล้องกับโครงสร้างการปฏิบัติงานนิเทศภายในสถานศึกษา (x̄ = 4.71 , S.D. = 0.47) สำหรับระดับความเป็นประโยชน์ในภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ( x̄= 4.94 , S.D. = 0.15) เมื่อพิจารณาเป็นรายการ พบว่า ทุกรายการมีระดับความมีเป็นประโยชน์อยู่ในระดับมากที่สุดโดยเรียงลำดับ จากมากไปหาน้อย 3 ลำดับแรก ได้แก่ รูปแบบมีความสอดคล้องกับเกณฑ์ที่ใช้ในการประเมินตามมาตรฐานการประเมิน ในบริบทของสถานศึกษา รูปแบบมีสาระครอบคลุมกับการปฏิบัติงานในสถานศึกษา รูปแบบมีการนำเสนอเนื้อหาและวิธีการนิเทศที่เป็นไปตามหลักวิชาและรูปแบบสามารถทำความเข้าใจได้ง่าย ไม่ยุ่งยาก ซับซ้อน ช่วยให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง เข้าใจขั้นตอนในการนำไปปฏิบัติ (x̄ = 5.00, S.D. = 0.00) ส่วนรายการที่มีระดับความเป็นประโยชน์ต่ำสุด ได้แก่ รูปแบบมีความสอดคล้องกับนโยบายการจัดการศึกษาของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน รูปแบบมีแนวทางการปฏิบัติที่สอดคล้องกับโครงสร้างการปฏิบัติงานนิเทศภายในสถานศึกษาและรูปแบบมีแนวทางการปฏิบัติการนิเทศที่สามารถนำไปใช้ในสถานการณ์จริงได้ (x̄ = 4.86 , S.D. = 0.36)

4. ประเมินความพึงพอใจของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่มีต่อรูปแบบการจัดการเรียนรู้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของครูสู่คุณภาพผู้เรียน โดยใช้กระบวนการนิเทศรูปแบบ WATSAWANGAROM SCHOOL พบว่า มีระดับความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด (x̄ = 4.76, S.D. = 0.44) เมื่อพิจารณาเป็นรายการ พบว่า ระดับความพึงพอใจในระดับมากที่สุดทุกรายการ โดยเรียงลำดับจากมากไปหาน้อย 3 ลำดับแรก ได้แก่ การทำความเข้าใจวิธีการนิเทศร่วมกันระหว่างผู้นิเทศกับผู้รับการนิเทศ (x̄ = 4.97 , S.D. = 0.18) รองลงมา คือ การให้คำปรึกษา แนะนำเกี่ยวกับการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน เช่น หลักสูตร แผนการจัดการเรียนรู้ สื่อ การวัดผลประเมินผล(x̄ = 4.86 , S.D. = 0.36) และวิธีการนิเทศภายในมีความสอดคล้องกับปัญหาความต้องการของผู้รับการนิเทศ (x̄ = 4.78, S.D. = 0.44) ส่วนรายการที่มีระดับความพึงพอใจระดับต่ำสุด คือ ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียมีส่วนร่วมในการตัดสินใจร่วมกันในการวางแผนการนิเทศภายในโรงเรียน (x̄ = 4.68 , S.D. = 0.52) ตามลำดับ

โพสต์โดย pat : [26 ส.ค. 2567 (19:01 น.)]
อ่าน [89] ไอพี : 171.98.243.98
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 7,623 ครั้ง
ปิดฉาก!"ไมโครซอฟท์" ประกาศเลิกผลิตวินโดวส์รุ่นใหม่ เน้นบริการ"อัพเดต"แทน
ปิดฉาก!"ไมโครซอฟท์" ประกาศเลิกผลิตวินโดวส์รุ่นใหม่ เน้นบริการ"อัพเดต"แทน

เปิดอ่าน 6,743 ครั้ง
คำถามยอดฮิต วิทยฐานะใหม่ (PA)
คำถามยอดฮิต วิทยฐานะใหม่ (PA)

เปิดอ่าน 23,788 ครั้ง
เปิดชื่อ 11 จังหวัด หนาวยะเยือกที่สุดในประเทศ
เปิดชื่อ 11 จังหวัด หนาวยะเยือกที่สุดในประเทศ

เปิดอ่าน 22,746 ครั้ง
อึ้ง!! สมุนไพรไทย 2,000 ตำรับ รักษามะเร็งได้จริง เตรียมเผยแพร่ผ่านหมอพื้นบ้านกันต่างชาติขโมยสูตร
อึ้ง!! สมุนไพรไทย 2,000 ตำรับ รักษามะเร็งได้จริง เตรียมเผยแพร่ผ่านหมอพื้นบ้านกันต่างชาติขโมยสูตร

เปิดอ่าน 10,253 ครั้ง
หนี้สิน หนี้เสีย แก้ได้
หนี้สิน หนี้เสีย แก้ได้

เปิดอ่าน 12,357 ครั้ง
เชื่อไหมว่าเรามียาดีประจำบ้าน ก็เกลือที่อยู่ในครัวนี่เอง
เชื่อไหมว่าเรามียาดีประจำบ้าน ก็เกลือที่อยู่ในครัวนี่เอง

เปิดอ่าน 11,423 ครั้ง
แนวทางการส่งเสริมพัฒนาการเด็กวัย3 - 6 ปี สำหรับพ่อแม่ ผู้ปกครอง
แนวทางการส่งเสริมพัฒนาการเด็กวัย3 - 6 ปี สำหรับพ่อแม่ ผู้ปกครอง

เปิดอ่าน 15,514 ครั้ง
การประคบร้อน และ ประคบเย็น ที่ถูกต้อง
การประคบร้อน และ ประคบเย็น ที่ถูกต้อง

เปิดอ่าน 12,350 ครั้ง
9 สถานที่ท่องเที่ยว สุดประทับใจ คุณไปมารึยัง?
9 สถานที่ท่องเที่ยว สุดประทับใจ คุณไปมารึยัง?

เปิดอ่าน 12,441 ครั้ง
เกมลับสมองกับการศึกษาและความสำเร็จอื่น ๆ
เกมลับสมองกับการศึกษาและความสำเร็จอื่น ๆ

เปิดอ่าน 17,415 ครั้ง
กินอาหารจากไมโครเวฟบ่อย ๆ อันตรายไหมนะ?
กินอาหารจากไมโครเวฟบ่อย ๆ อันตรายไหมนะ?

เปิดอ่าน 11,967 ครั้ง
ชื่นชมพระบารมี สมเด็จพระเทพฯ ทรงขับร้องเพลง "ขอใจเธอแลกเบอร์โทร"
ชื่นชมพระบารมี สมเด็จพระเทพฯ ทรงขับร้องเพลง "ขอใจเธอแลกเบอร์โทร"

เปิดอ่าน 44,419 ครั้ง
คำพังเพย
คำพังเพย

เปิดอ่าน 10,978 ครั้ง
 ประโยชน์ของการดื่มน้ำ
ประโยชน์ของการดื่มน้ำ

เปิดอ่าน 9,344 ครั้ง
ไทยอันดับ 3 ของเอเชีย ถ่ายเซลฟี่ในรถ
ไทยอันดับ 3 ของเอเชีย ถ่ายเซลฟี่ในรถ

เปิดอ่าน 14,472 ครั้ง
สารพัดวิธี เบิร์น 100 กิโลแคลอรี่ แค่ไม่ถึงชั่วโมง แบบง่ายๆ
สารพัดวิธี เบิร์น 100 กิโลแคลอรี่ แค่ไม่ถึงชั่วโมง แบบง่ายๆ
เปิดอ่าน 17,067 ครั้ง
คลิปเจ้าหนู 11 ปี นักบาสฯ ขั้นเทพ เล่นเก่งกว่าผู้ใหญ่ ฮิตกว่า 2 ล้านวิวแล้ว
คลิปเจ้าหนู 11 ปี นักบาสฯ ขั้นเทพ เล่นเก่งกว่าผู้ใหญ่ ฮิตกว่า 2 ล้านวิวแล้ว
เปิดอ่าน 4,554 ครั้ง
เหงื่อออกมือไม่ใช่สัญญาณของโรคหัวใจ
เหงื่อออกมือไม่ใช่สัญญาณของโรคหัวใจ
เปิดอ่าน 11,608 ครั้ง
คอมพิวเตอร์ วิชั่น-ออฟฟิศ ซินโดรม โรคฮิตของคนเมืองทางแก้เริ่มที่ตัวเอง
คอมพิวเตอร์ วิชั่น-ออฟฟิศ ซินโดรม โรคฮิตของคนเมืองทางแก้เริ่มที่ตัวเอง
เปิดอ่าน 10,896 ครั้ง
กินโป๊ยกั้กใส่"พะโล้"สู้ไข้หวัด
กินโป๊ยกั้กใส่"พะโล้"สู้ไข้หวัด

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ