1) ชื่อนวัตกรรม คู่มือการส่งเสริมการวิจัยในชั้นเรียนของครู ด้วยกระบวนการนิเทศแบบ PASMER
2) ชื่อเจ้าของผลงาน นายรณธิชัย สวัสดิ์
3) ชื่อหน่วยงาน โรงเรียนดอนศาลานำวิทยา
ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา
ครูยังเป็นผู้มีบทบาทสำคัญยิ่งในการพัฒนาคุณภาพการเรียนรู้ของผู้เรียน บทบาทสำคัญของครู ได้แก่ การเป็นผู้กำหนดกระบวนการจัดการเรียนการสอนตั้งแต่การวางแผนการสอนการจัดการเรียนการสอน และการวัดผลและประเมินผลการจัดการเรียนการสอน กระบวนการจัดการเรียนการสอนดังกล่าวนี้ควรดำเนินไปตามแนวทางที่วงการศึกษายอมรับ และที่สำคัญยิ่งผลที่เกิดจากการจัดการเรียนการสอนต้องเป็นไปตามจุดมุ่งหมายของหลักสูตร ครูเป็นปัจจัยสำคัญในกระบวนการพัฒนาการเรียนรู้ให้แก่ผู้เรียนเพราะครูเป็นผู้ที่ต้องจัดการเรียนการสอน และมีปฏิสัมพันธ์กับผู้เรียนโดยตรง มีความสำคัญในการปรับปรุง แก้ไขและพัฒนาการจัดการเรียนการสอน โดยที่ มนสิช สิทธิสมบูรณ์ (2563 : 1) กล่าวว่า ครูต้องมีความสามารถแสวงหาความรู้ คิดวิเคราะห์ และสร้างองค์ความรู้เพื่อพัฒนาการเรียนการสอน โดยแบ่งออกเป็น 3 ตัวบ่งชี้ คือ 1) ครูต้องมีนิสัยรักการแสวงหา 2) ครูต้องทำวิจัยเพื่อพัฒนาการเรียนการสอน และ 3) ครูต้องรู้วิธีการวิเคราะห์ และการแก้ปัญหาในชั้นเรียนของตนเองได้
จากข้อมูลข้างต้นกล่าวถึงการพัฒนาการเรียนการสอนของครู โดยการนำวิจัยมาเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาการจัดการเรียนการสอน นอกจากนี้หน่วยงานการศึกษาต่าง ๆ มีการกำหนดให้ครูมีบทบาทในการทำวิจัยเพิ่มมากขึ้น เช่น การกำหนดให้ครูต้องบันทึกหลังแผนการจัดการเรียนรู้ การกำหนดหลักสูตรวิชาชีพครู 5 ปี หรือ 4 ปี โดยเน้นความสำคัญของการสอนและการปฏิบัติการวิจัยควบคู่กัน โดยการวิจัยเป็นส่วนหนึ่งในการยกระดับครู เป็นครูแกนนำ ครูต้นแบบ ครูแห่งชาติ ครูมืออาชีพ และการพัฒนาเป็นครูชั้นสูงต่อไป นอกจากนี้การวิจัยในชั้นเรียนเป็นกระบวนการพัฒนางาน และการทดลองใช้นวัตกรรมของครูอย่างเป็นระบบเป็นวิธีการที่เหมาะสมที่สุดที่ครูจะต้องศึกษาหาความรู้และฝึกปฏิบัติ ซึ่งนอกจากจะเป็นร่องรอยที่แสดงความสามารถของครูแล้วยังส่งผลให้ผู้เรียนได้พัฒนาเต็มตามศักยภาพของแต่ละบุคคล (กุศยา แสงเดช. 2545 : 1) การจัดการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการวิจัยเป็นเครื่องยืนยันว่าครูปรารถนาให้นักเรียนรู้จักคิดในระดับสูง และจากความรู้ ความคิด สามารถสร้างองค์ความรู้ใหม่ขึ้นมาอันแสดงถึงความสามารถของครูในการจัดการศึกษา (กระทรวงศึกษาธิการ. 2542 : 4) ซึ่งสอดคล้องกับเกณฑ์มาตรฐานวิชาชีพครูที่ต้องการให้ครูเป็นครูมืออาชีพ การวิจัยจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับครูที่สามารถส่งเสริมให้ครูเป็นครูมืออาชีพ ผลการวิจัยจะทำให้ครูได้ทราบว่าจะจัดการศึกษาอย่างไรจึงถือว่าผู้เรียนสำคัญที่สุด และได้รับการพัฒนาตามธรรมชาติและเต็มตามศักยภาพ ครูต้องใช้การวิจัยเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการเรียนรู้และสามารถวิจัยเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับผู้เรียน (กาญจนา วัฒายุ. 2548 : 5)
จากความสำคัญข้างต้น สิ่งที่จะช่วยให้ครูจัดการเรียนการสอนควบคู่กับการทำวิจัยในชั้นเรียนได้ดี ประสบความสำเร็จในการจัดการเรียนการสอนได้นั้น จำเป็นต้องมีผู้ชี้แนะแนวทาง แนะนำให้กับครูจึงต้องมีระบบนิเทศการศึกษาที่จะช่วยสนับสนุน ช่วยเหลือ ส่งเสริมให้ครู มีความรู้ ความสามารถในการจัดการเรียนการสอน โดยระบบการนิเทศการศึกษาเป็นระบบสนับสนุนการจัดการเรียนรู้ และการบริหารการศึกษาที่มีความสำคัญในการเป็นเพื่อนร่วมทางปรับปรุงพัฒนาคุณภาพผู้เรียนภายใต้บรรยากาศแห่งความเป็นกัลยาณมิตรช่วยสร้างเสริมสร้างขวัญกำลังใจ ส่งเสริมสนับสนุนให้สถานศึกษา มีความชัดเจน ตัดสินใจถูกต้องในการบริหารการศึกษา ส่งผลต่อคุณภาพผู้เรียนโดยตรง ช่วยให้ครูสามารถจัดกิจกรรมการเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ถูกต้องตามหลักวิชาการ ส่งผลดีต่อผู้เรียนให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ ทั้งความรู้ ความสามารถ เจตคติและมีคุณธรรม (กชพร จันทนามศรีและคณะ. 2564 : 84-85) การให้ความรู้แก่ครูที่ไม่มีระบบ ครูจะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมใหม่ ๆ ได้ยาก การช่วยเหลือครูนั้นต้องอาศัยวิธีการที่หลากหลาย วิธีหนึ่งที่จะช่วยให้ครูสามารถปรับปรุงพัฒนาตนเอง พัฒนางานในวิชาชีพของตนเองได้อย่างต่อเนื่อง เกิดประสิทธิผลสูงสูดต่อผู้เรียน คือการนิเทศที่มุ่งเน้นการปรับปรุงพัฒนา การเรียนการสอนโดยตรง อาจเป็นการนิเทศที่เป็นรายบุคคล หรือรายกลุ่มที่สอดคล้องกับปัญหาและความต้องการของครูและโรงเรียนโดยใช้เทคนิควิธีการนิเทศที่เหมาะสมกับยุคสมัย และสถานการณ์โดยกระบวนการนิเทศในปัจจุบันมีหลากหลายวิธีการ
จากที่กล่าวมาข้างต้นผู้ศึกษาได้ทำการวิเคราะห์ และสังเคราะห์ กระบวนการนิเทศของนักวิชาการต่าง ๆ ออกมาใช้โดยมีชื่อว่า PASMER ซึ่งมี 5 ขั้นตอน คือ ประกอบด้วย 5 ขั้นตอน ดังนี้ ขั้นตอนที่ 1 ศึกษาสภาพปัญหาและความต้องการ (Problem Analysis) ขั้นตอนที่ 2 วางแผนและจัดทำแผนการนิเทศ (Action plan) ขั้นตอนที่ 3 การปฏิบัติการนิเทศ (Supervisory Management) ขั้นตอนที่ 4 การวัดและการประเมินผล (Measurement and Evaluation) และ ขั้นตอนที่ 5 การรายงานผลการนิเทศ (Reporting)
ทั้งนี้ จากการนิเทศห้องเรียน และสังเคราะห์รายงานประจำปี (SAR) ของโรงเรียนจาการสังเคราะห์รายงานประจำปี (SAR) ของโรงเรียนดอนศาลานำวิทยา ปีการศึกษา 2566 พบว่า ครูขาดการจัดทำวิจัยในชั้นเรียนเพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นกับนักเรียน และในห้องเรียน เพื่อสร้างเป็นนวัตกรรมในการจัดการเรียนการสอนและให้สอดคล้องตัวชี้วัดของ PA ตามมาตรฐานตำแหน่งของครู
จากเหตุผลความสำคัญ และความจำเป็น ผู้ศึกษาในฐานะเป็นรองผู้อำนวยการสถานศึกษา ที่รับผิดชอบกลุ่มบริหารงานวิชาการ จึงได้เกิดแนวคิดที่จะช่วยเหลือครูให้สามารถปฏิบัติการวิจัยในชั้นเรียนได้ควบคู่การจัดการเรียนการสอนของครู โดยใช้คู่มือการส่งเสริมการวิจัยในชั้นเรียนของครู ด้วยกระบวนการนิเทศแบบ PASMER เพื่อเป็นแนวทางให้ครูได้ศึกษา และฝึกปฏิบัติกิจกรรมตามลำดับขั้นตอนตามคำชี้แจงที่กำหนดไว้ในคู่มือ จนเกิดทักษะ ความรู้ ความเข้าใจ พร้อมที่จะนำไปใช้ปฏิบัติจริงในชั้นเรียน และเมื่อมีปัญหาในขั้นตอนใดในระหว่างการปฏิบัติในชั้นเรียน ก็จะได้รับความกระจ่างอย่างทันท่วงที ส่งผลให้เกิดประโยชน์ต่อผู้บริหาร ครูผู้สอนและผู้เรียนต่อไป
วัตถุประสงค์ของการพัฒนา
1. เพื่อสร้างและหาประสิทธิภาพของคู่มือการส่งเสริมการวิจัยในชั้นเรียนของครู ด้วยกระบวนการนิเทศแบบ PASMER
2. เพื่อเปรียบเทียบความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการวิจัยในชั้นเรียนก่อนและหลังใช้คู่มือการส่งเสริมการวิจัยในชั้นเรียนของครู ด้วยกระบวนการนิเทศแบบ PASMER
3. เพื่อเปรียบเทียบความสามารถการวิจัยในชั้นเรียนก่อนและหลังใช้คู่มือการส่งเสริมการวิจัยในชั้นเรียนของครู ด้วยกระบวนการนิเทศแบบ PASMER
4. เพื่อศึกษาความพึงพอใจของครูผู้สอนที่มีต่อการใช้คู่มือการส่งเสริมการวิจัยในชั้นเรียนของครู ด้วยกระบวนการนิเทศแบบ PASMER
ผลที่ได้
1) ประสิทธิภาพของคู่มือการส่งเสริมการวิจัยในชั้นเรียนของครู ด้วยกระบวนการนิเทศแบบ PASMER ที่สร้างขึ้นมีประสิทธิภาพของกระบวนการระหว่างการใช้คู่มือการส่งเสริมการวิจัยในชั้นเรียนของครู ด้วยกระบวนการนิเทศแบบ PASMER เท่ากับ 82.40 และประสิทธิภาพของผลลัพธ์หลังการใช้คู่มือการส่งเสริมการวิจัยในชั้นเรียนของครู ด้วยกระบวนการนิเทศแบบ PASMER เท่ากับ 83.39
๒) ความรู้ความเข้าใจของครูผู้สอนกลุ่มเป้าหมายหลังการใช้คู่มือการส่งเสริมการวิจัยในชั้นเรียนของครู ด้วยกระบวนการนิเทศแบบ PASMER ครูผู้สอนกลุ่มเป้าหมายมีความรู้ความเข้าใจสูงกว่าก่อนการใช้คู่มือการส่งเสริมการวิจัยในชั้นเรียนของครู ด้วยกระบวนการนิเทศแบบ PASMER
3) ความสามารถในการทำวิจัยในชั้นเรียนของครูผู้สอนกลุ่มเป้าหมายหลัง การใช้ สูงกว่าก่อนใช้คู่มือการส่งเสริมการวิจัยในชั้นเรียนของครู ด้วยกระบวนการนิเทศแบบ PASMER
4) ระดับความพึงพอใจของครูผู้สอนที่มีต่อการใช้คู่มือการส่งเสริมการวิจัยในชั้นเรียนของครู ด้วยกระบวนการนิเทศแบบ PASMER หลังใช้คู่มือ ภาพรวม อยู่ในระดับมากที่สุด