ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
Advertisement

การช่วยเหลือนักเรียนที่ขาดทักษะการคำนวณในการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์กายภาพ(ฟิสิกส์) โดยใช้เทคนิคขั้นตอนการแก้โจทย์ปัญหาทางฟิสิกส์ ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4

ชื่องานวิจัย การช่วยเหลือนักเรียนที่ขาดทักษะการคำนวณในการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์กายภาพ(ฟิสิกส์) โดยใช้เทคนิคขั้นตอนการแก้โจทย์ปัญหาทางฟิสิกส์ ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4

ผู้วิจัย นายเบญจพล อุดมรัตน์ ตำแหน่ง ครูผู้ช่วย

ปีที่วิจัย 2564

ที่มาและความสำคัญของปัญหา

การแก้โจทย์ปัญหาถือได้ว่า เป็นปัจจัยที่สำคัญมากในการเรียนการสอนวิชาฟิสิกส์ หากขาดทักษะนี้การเรียน ก็ไม่สามารถเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากในการเรียนวิชาฟิสิกส์นั้นนักเรียนต้องทราบสิ่งที่โจทย์กำหนดมาและทราบว่าโจทย์ต้องการหาสิ่งใดก่อนที่จะใช้สูตรหรือสมการทางฟิสิกส์ในการคำนวณค่าที่ต้องการออกมา ซึ่งนักเรียนบางคนยังไม่สามารถวิเคราะห์โจทย์ปัญหาได้ว่าจากสิ่งที่โจทย์กำหนดและไม่รู้ว่าจะต้องเริ่มหาคาตอบจากสมการอะไร ซึ่งถ้าหากนักเรียนไม่สามารถวิเคราะห์โจทย์ปัญหาไดแล้วก็ไม่สามารถที่จะแก้สมการหาคาตอบออกมาได้และนักเรียนบางคนสามารถที่จะวิเคราะห์โจทย์ได้แต่เมื่อแทนค่าลงในสมการแล้วนักเรียนไม่สามารถแก้สมการได้หรือแก้สมการด้วยวิธีที่ไม่ถูกต้องผลลัพธ์ที่ออกมาจึงเกิดความผิดพลาดไปด้วย

จากการเรียนการสอนในรายวิชาวิทยาศาสตร์กายภาพ(ฟิสิกส์) เรื่องการเคลื่อนที่แนวตรง ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 จานวน 31 คน พบว่า นักเรียนที่มีปัญหาด้านการแก้โจทย์ปัญหากล่าวคือ ไม่สามารถ

แทนค่าตัวแปรเพื่อหาค่าที่โจทย์ต้องการและไม่สามารถแก้โจทย์ปัญหาทางฟิสิกส์ได้ สังเกตได้จากการทำแบบฝึกหัดในห้องเรียน ซึ่งนักเรียนส่วนใหญ่ไม่สามารถทำได้ด้วยตนเอง ในการทำการบ้านที่ให้นักเรียนทำก็มักจะลอกมาส่ง ดังนั้นผู้วิจัยจึงค้นคว้าหาวิธีการที่จะช่วยพัฒนาทักษะดังกล่าวให้กับนักเรียน พบว่าเทคนิคในการคำนวณมาใช้ในการแก้โจทย์ปัญหาจะช่วยให้นักเรียนเข้าใจในเนื้อหาที่เรียน ช่วยให้ผู้เรียนพัฒนาความสามารถในการคำนวณประยุกต์แก้โจทย์ทางฟิสิกส์ ผู้วิจัยจึงสนใจที่จะ นาวิธีการกำหนดขั้นตอนการแก้โจทย์ปัญหาทางฟิสิกส์เทคนิคในการคำนวณมาใช้ในการแก้โจทย์ปัญหาของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เพื่อ ยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน

วัตถุประสงค์ของการวิจัย

1. เพื่อให้นักเรียนสามารถนำเทคนิค ในการคำนวณมาใช้ในการแก้โจทย์ปัญหาในรายวิชาฟิสิกส์ได้อย่างถูกต้อง

2. เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อน – หลังเรียนวิชาวิทยาศาสตร์กายภาพ(ฟิสิกส์) เรื่อง การเคลื่อนที่แนวตรง โดยใช้เทคนิคขั้นตอนการแก้โจทย์ปัญหาทางฟิสิกส์

ขอบเขตการวิจัย

1. เนื้อหาที่ทำวิจัยคือวิชาวิทยาศาสตร์กายภาพ(ฟิสิกส์) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 การเคลื่อนที่แนวตรง

2. กลุ่มเป้าหมายคือนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ปีการศึกษา 2564 จานวน 31 คน

วิธีดาเนินการวิจัย

1. ประชากร/กลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 จานวน 31 คน ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564 โรงเรียนชุมชนบ้านหนองฝ้าย อำเภอเลาขวัญ จังหวัดกาญจนบุรี

2. เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย/นวัตกรรม

2.1 เครื่องมือที่ใช้ในการทดลอง คือ ขั้นตอนในการคำนวณโดยใช้วิธีการกำหนดขั้นตอนการแก้โจทย์ปัญหาทางฟิสิกส์เพื่อให้เรียนเกิดทักษะการคำนวณการแก้ไขโจทย์ปัญหาทางฟิสิกส์ที่ถูกต้อง

ขั้นตอนการแก้โจทย์ปัญหาฟิสิกส์

ขั้นที่ 1 ทำความเข้าใจกับปัญหา

ขั้นที่ 2 วิเคราะห์ วางแผน

ขั้นที่ 3 ดำเนินการตามแผน

ขั้นที่ 4 พิสูจน์ ตรวจสอบคำตอบ และขยายผลปัญหา

2.2 เครื่องมือในการเก็บข้อมูล คือ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์กายภาพ(ฟิสิกส์) เรื่องการเคลื่อนที่แนวตรง เป็นแบบทดสอบแบบปรนัย 4 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ

3.เก็บรวบรวมข้อมูล

การเก็บรวบรวมข้อมูล

ผู้วิจัยได้ดาเนินตามขั้นตอนดังนี้

1. ให้นักเรียนทำแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์กายภาพ(ฟิสิกส์) เรื่อง การเคลื่อนที่แนวตรง เป็นแบบทดสอบแบบปรนัย 4 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ

2. สร้างและกำหนดขั้นตอนในการคำนวณโดยใช้วิธีการกำหนดขั้นตอนการแก้ไขโจทย์ปัญหาทางฟิสิกส์ ตามขั้นตอน ต่อไปนี้

2.1 ทบทวนความรู้เกี่ยวกับการเคลื่อนที่แนวตรง

2.2 สอนขั้นตอนการแก้โจทย์ปัญหาฟิสิกส์

2.3 ให้นักเรียนฝึกทำแบบฝึกเสริมทักษะ

3. นักเรียนทำแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์กายภาพ(ฟิสิกส์) เรื่อง การเคลื่อนที่แนวตรง เป็นแบบทดสอบแบบปรนัย 4 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ

การวิเคราะห์ข้อมูล/สถิติที่ใช้ในการวิจัย

จากการทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์กายภาพ(ฟิสิกส์) เรื่อง การเคลื่อนที่แนวตรง ก่อนเรียนและหลังเรียนพบว่า คะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน ดังแสดงในตารางที่ 1 ดังนี้

ตารางที่ 1 แสดงผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์กายภาพ(ฟิสิกส์) เรื่อง การเคลื่อนที่แนวตรงของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้วิธีการกำหนดขั้นตอนการแก้โจทย์ปัญหาทางฟิสิกส์

การประเมินผล จำนวนนักเรียน คะแนนเต็ม คะแนนสูงสุด คะแนนต่ำสุด คะแนนเฉลี่ย ร้อยละของคะแนนเต็ม

ก่อนเรียน 31 30 15 3 10.30 36.79

หลังเรียน 31 30 29 15 23.53 84.04

สรุปผลการวิจัย

จากการใช้วิธีการกำหนดขั้นตอนการแก้โจทย์ปัญหาทางฟิสิกส์ สรุปผลไดดั้งนี้

1. นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 สามารถนาเทคนิคในการคำนวณมาใช้ในการแก้โจทย์ปัญหาในรายวิชาวิทยาศาสตร์กายภาพ(ฟิสิกส์) ได้อย่างถูกต้อง

2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังใช้เทคนิคขั้นตอนการแก้โจทย์ปัญหาทางฟิสิกส์ สูงกว่าก่อนเรียน

อภิปรายผลวิจัย

จากการวิจัยในครั้งนี้ พบว่า หลังจากนักเรียนได้เรียนโดยใช้วิธีการกำหนดขั้นตอนการแก้โจทย์

ปัญหาทางฟิสิกส์แล้วสามารถแก้โจทย์ปัญหาในรายวิชาวิทยาศาสตร์กายภาพ(ฟิสิกส์) ได้อย่างถูกต้อง และมีความมั่นใจในการเรียนมากขึ้น

ข้อเสนอแนะ

1. ควรมีการแจ้งผลการทาใบงานและแบบทดสอบท้ายแผนเพื่อเป็นข้อมูลย้อนกลับให้นักเรียนทราบผลการทางานของตนเอง ซึ้งจะช่วยให้นักเรียนมีความกระตือรือร้นและสนใจเรียนมากขึ้น

2. ควรพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนที่เน้นความสามารถในการแก้โจทย์ปัญหาวิชาฟิสิกส์ ให้ครอบคลุมทั้งระดับช่วงชั้น (ม. 4 -6) เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องและก่อให้เกิดกระบวนการเรียนรู้ที่เชื่อมโยงในรายวิชาวิทยาศาสตร์กายภาพ(ฟิสิกส์)

3. ควรนำเทคนิค ขั้นตอนการแก้โจทย์ปัญหาทางฟิสิกส์ ไปเปรียบเทียบกับรูปแบบการสอนแบบอื่นๆ

โพสต์โดย โอ้ : [6 ส.ค. 2567 (22:00 น.)]
อ่าน [59811] ไอพี : 171.97.72.6
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
Advertisement

 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 22,673 ครั้ง
ราชวงศ์หยวน (ค.ศ. 1271-1368)
ราชวงศ์หยวน (ค.ศ. 1271-1368)

เปิดอ่าน 14,439 ครั้ง
เช็กสุขภาพง่าย ๆ แค่ส่องกระจก
เช็กสุขภาพง่าย ๆ แค่ส่องกระจก

เปิดอ่าน 1,815 ครั้ง
5 ไอเดียเก็บรักษาปากกาสำหรับนักสะสม ให้สภาพสมบูรณ์ สวยใหม่อยู่เสมอ
5 ไอเดียเก็บรักษาปากกาสำหรับนักสะสม ให้สภาพสมบูรณ์ สวยใหม่อยู่เสมอ

เปิดอ่าน 30,250 ครั้ง
วิวัฒนาการ ตู้ไปรษณีย์ สู่สัญลักษณ์ที่สุดเมืองไทย
วิวัฒนาการ ตู้ไปรษณีย์ สู่สัญลักษณ์ที่สุดเมืองไทย

เปิดอ่าน 51,628 ครั้ง
ระบบสุริยะจักรวาล
ระบบสุริยะจักรวาล

เปิดอ่าน 17,476 ครั้ง
การพิจารณาค่าความจริง (Truth value)
การพิจารณาค่าความจริง (Truth value)

เปิดอ่าน 226,170 ครั้ง
สงครามครูเสด
สงครามครูเสด

เปิดอ่าน 10,577 ครั้ง
อันตรายจากการกินของดอง
อันตรายจากการกินของดอง

เปิดอ่าน 626 ครั้ง
รวม 5 คำถามที่ควรถามหมอปลูกผมก่อนเริ่มรักษา
รวม 5 คำถามที่ควรถามหมอปลูกผมก่อนเริ่มรักษา

เปิดอ่าน 26,453 ครั้ง
รวมประกาศเกี่ยวกับการศึกษา
รวมประกาศเกี่ยวกับการศึกษา

เปิดอ่าน 16,456 ครั้ง
เผยเด็กนร.หญิง ไม่ค่อยกินข้าวเช้า เตือนเสี่ยงกระทบสุขภาพ-การเรียน
เผยเด็กนร.หญิง ไม่ค่อยกินข้าวเช้า เตือนเสี่ยงกระทบสุขภาพ-การเรียน

เปิดอ่าน 20,319 ครั้ง
จุฬาฯวิจัยสารสกัดดอกสะเดา มีฤทธิ์ป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่
จุฬาฯวิจัยสารสกัดดอกสะเดา มีฤทธิ์ป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่

เปิดอ่าน 27,125 ครั้ง
รูปแบบการบริหารจัดการศึกษา 4.0 ที่มีประสิทธิผลต่อการเป็นองค์กรคุณภาพของสถานศึกษาเข้มแข็ง
รูปแบบการบริหารจัดการศึกษา 4.0 ที่มีประสิทธิผลต่อการเป็นองค์กรคุณภาพของสถานศึกษาเข้มแข็ง

เปิดอ่าน 12,004 ครั้ง
ความลับของชาเขียว
ความลับของชาเขียว

เปิดอ่าน 17,013 ครั้ง
ซีร็อกมาจากคำว่าอะไร
ซีร็อกมาจากคำว่าอะไร

เปิดอ่าน 61,789 ครั้ง
ระเบียบ เบิกค่าใช้จ่าย ในการเดินทางไปราชการ 50
ระเบียบ เบิกค่าใช้จ่าย ในการเดินทางไปราชการ 50
เปิดอ่าน 21,680 ครั้ง
วันพืชมงคล พระราชพิธีพืชมงคลและจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ
วันพืชมงคล พระราชพิธีพืชมงคลและจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ
เปิดอ่าน 12,470 ครั้ง
ว่าด้วยใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูของญี่ปุ่น
ว่าด้วยใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูของญี่ปุ่น
เปิดอ่าน 54,232 ครั้ง
เทคนิคที่ทำให้คุณเป็นคนฉลาดและมีความจำดี
เทคนิคที่ทำให้คุณเป็นคนฉลาดและมีความจำดี
เปิดอ่าน 13,841 ครั้ง
สภาวะการศึกษาไทย ปี 2557/2558 จะปฏิรูปการศึกษาไทยให้ทันโลกในศตวรรษที่ 21 ได้อย่างไร
สภาวะการศึกษาไทย ปี 2557/2558 จะปฏิรูปการศึกษาไทยให้ทันโลกในศตวรรษที่ 21 ได้อย่างไร

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
ติวสอบ GED
ติวสอบ SAT
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ