บทคัดย่อ
การวิจัยนี้ เป็นการวิจัยและพัฒนา (Research & Development) มีวัตถุประสงค์ ดังนี้ 1) เพื่อศึกษาสภาพปัญหาและความต้องการในการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนการสอนแบบ PASGA Model เพื่อส่งเสริมทักษะการแก้ปัญหาของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 รายวิชาฟิสิกส์ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 2) เพื่อพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนการสอนแบบ PASGA Model เพื่อส่งเสริมทักษะการแก้ปัญหาของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 รายวิชาฟิสิกส์ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 3) เพื่อทดลองใช้รูปแบบการจัดการเรียนการสอนแบบ PASGA Model เพื่อส่งเสริมทักษะการแก้ปัญหาของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 รายวิชาฟิสิกส์ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และ 4) เพื่อประเมินผลการใช้รูปแบบการจัดการเรียนการสอนแบบ PASGA Model เพื่อส่งเสริมทักษะการแก้ปัญหาของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 รายวิชาฟิสิกส์ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การดำเนินการวิจัย แบ่งออกเป็น 4 ขั้นตอน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/1 แผนการเรียนวิทยาศาสตร์คณิตศาสตร์ ของโรงเรียนรัตนบุรี สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาสุรินทร์ ที่เรียนภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 จำนวน 32 คน ได้มาโดยการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ แบบวิเคราะห์เอกสาร แบบบันทึกการสนทนากลุ่ม แบบสัมภาษณ์ และเอกสารประกอบการใช้รูปแบบ ได้แก่ แผนการจัดการเรียนรู้ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และแบบประเมินทักษะ การแก้ปัญหา วิเคราะห์ข้อมูลโดยการคำนวณหาประสิทธิภาพ (E1/E2) ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานและการทดสอบค่าที (t - test)
ผลการวิจัยพบว่า
1. ผลการศึกษาสภาพปัญหาและความต้องการในการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนการสอนแบบ PASGA Model เพื่อส่งเสริมทักษะการแก้ปัญหาของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 รายวิชาฟิสิกส์ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พบสภาพปัญหา คือ นักเรียนไม่อยากเรียนวิชาฟิสิกส์ ขาดความกระตือรือร้นในการเรียนรู้ กระบวนการคิดไม่เป็นระบบและไม่มีความพยายามในการแสวงหาความรู้ใหม่ ๆ จากการร่วมสนทนากลุ่มของครูผู้สอนกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จึงมีความต้องการที่ให้มีการพัฒนากระบวนการเรียนรู้วิชาฟิสิกส์ ที่เน้นให้ผู้เรียนได้มีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมอย่างจริงจัง มีกระบวนการคิดอย่างเป็นระบบระเบียบ เป็นขั้นเป็นตอน กระตุ้นให้นักเรียนมีความสนใจอยากเรียนรู้และแก้ปัญหาด้วยตนเอง
2. ผลการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนการสอนแบบ PASGA Model เพื่อส่งเสริมทักษะการแก้ปัญหาของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 รายวิชาฟิสิกส์ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พบว่า ได้องค์ประกอบของรูปแบบ 6 องค์ประกอบ ได้แก่ 1) หลักการและแนวคิด 2)วัตถุประสงค์ 3) กระบวนการจัดการเรียนรู้แบบ PASGA Model มี 5 ขั้น คือ ขั้นที่ 1 ขั้นตั้งปัญหา (Problem) ขั้นที่ 2 ขั้นตั้งสมมติฐานหาสาเหตุของปัญหา (Assume) ขั้นที่ 3 ขั้นวางแผนแก้ปัญหา (Solve problems) ขั้นที่ 4 ขั้นรวบรวมข้อมูล (Gather information) ขั้นที่ 5 ขั้นวิเคราะห์ข้อมูล (Analyze) 4) การวัดและประเมินผล 5) ระบบสังคม และ 6) ระบบสนับสนุน ผลการตรวจสอบโดยผู้ทรงคุณวุฒิ รูปแบบมีความเหมาะสมในระดับมาก ( = 4.49, S.D.= 0.64) และมีความเป็นไปได้ในการนำไปใช้สอน ในระดับมาก ( = 4.46, S.D.= 0.64)
3. ผลการทดลองใช้รูปแบบการจัดการเรียนการสอนแบบ PASGA Model เพื่อส่งเสริมทักษะการแก้ปัญหาของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 รายวิชาฟิสิกส์ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พบว่า มีประสิทธิภาพ 79.36/77.08 ถือว่าสูงกว่าเกณฑ์ 75/75 ที่กำหนดไว้
4. ผลการประเมินรูปแบบการจัดการเรียนการสอนแบบ PASGA Model เพื่อส่งเสริมทักษะการแก้ปัญหาของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 รายวิชาฟิสิกส์ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พบว่า
4.1 ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนที่เรียนด้วยรูปแบบการจัดการเรียนการสอนแบบ PASGA Model เรื่อง แม่เหล็กไฟฟ้า รายวิชาฟิสิกส์ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
4.2 นักเรียนที่เรียนด้วยรูปแบบการจัดการเรียนการสอนแบบ PASGA Model มีทักษะการแก้ปัญหาวิชาฟิสิกส์ เรื่อง แม่เหล็กไฟฟ้า รายวิชาฟิสิกส์ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี อยู่ในระดับดีมาก ( = 10.59, S.D. = 0.71)
4.3 นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการเรียนด้วยรูปแบบการจัดการเรียนการสอนแบบ PASGA Model เพื่อส่งเสริมทักษะการแก้ปัญหาของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 รายวิชาฟิสิกส์ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี อยู่ในระดับพึงพอใจมากที่สุด ( = 4.52, S.D = 0.59)