1.1 ความเป็นมาและสภาพของปัญหา
แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 (พ.ศ. 2566-2570) ได้ให้ความสำคัญ กับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และสังคมไทยให้มีคุณภาพ โดยมุ่งเน้นการเสริมสร้างคุณธรรมจริยธรรมเพื่อเป็นรากฐานในการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืนซึ่งสอดคล้องกับนโยบายและจุดเน้นของกระทรวงศึกษาธิการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ที่มุ่งส่งเสริมการจัดการศึกษาเพื่อพัฒนาคุณธรรมจริยธรรมในสถานศึกษา (กระทรวงศึกษาธิการ, 2566) อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันสังคมไทยยังคงเผชิญกับวิกฤต ด้านคุณธรรม จริยธรรม โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กและเยาวชน จากการศึกษาของ สุทธิพร บุญส่ง (2562) พบว่า ปัญหาการขาดความซื่อสัตย์ในกลุ่มนักเรียนระดับประถมศึกษามีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น โดยมีสาเหตุสำคัญจากการขาดการปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรมอย่างเป็นระบบ งานวิจัยของ วิชุดา กิจธรธรรม (2563) ยังชี้ให้เห็นว่า การพัฒนาคุณธรรมจริยธรรมควรเริ่มตั้งแต่ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 เนื่องจากเป็นช่วงวัย ที่เด็กเริ่มเข้าใจเรื่องความถูกผิดและสามารถซึมซับค่านิยมที่ดีได้อย่างรวดเร็ว
การปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรมในโรงเรียนประถมศึกษามีส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนานักเรียนให้เติบโตเป็นพลเมืองที่มีคุณภาพของสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการศึกษาในระบบโรงเรียน นักเรียนในวัยนี้มีความพร้อมที่จะเรียนรู้และซึมซับค่านิยมต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว การปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรมโดยเฉพาะด้านความซื่อสัตย์ จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยหล่อหลอมบุคลิกภาพและพฤติกรรมของเด็กในระยะยาว แต่จากการสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 พบปัญหาการสูญหายของอุปกรณ์การเรียน เช่น ดินสอ สี ยางลบ กบเหลาดินสอ หรือแม้กระทั่งเงิน หรือการที่เพื่อนนักเรียนหยิบไปใช้โดยไม่ทราบว่าเป็นของใคร สถานการณ์เช่นนี้ไม่เพียงส่งผลกระทบต่อการเรียนการสอน แต่ยังสะท้อนถึงปัญหาด้านความซื่อสัตย์และการเคารพทรัพย์สินของผู้อื่น ซึ่งหากไม่ได้รับการแก้ไขอย่างเหมาะสม อาจส่งผลเสียต่อพัฒนาการทางด้านคุณธรรมจริยธรรมของเด็กในระยะยาว สอดคล้องกับงานวิจัยของ ประภาศรี สีหอำไพ (2564) พบว่า พฤติกรรมการหยิบของผู้อื่นมาใช้โดยไม่ได้รับอนุญาตในวัยเด็ก หากไม่ได้รับการแก้ไข อาจพัฒนาไปสู่ปัญหาการลักขโมยในวัยที่โตขึ้นได้
จากสภาพปัญหาดังกล่าว จึงมีความจำเป็นในการพัฒนานวัตกรรมสร้างสรรค์คนดีที่ส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรมด้านความซื่อสัตย์ ให้กับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 อย่างมีประสิทธิภาพ นวัตกรรมสร้างสรรค์คนดีเรื่อง การปลูกฝังคนดีด้วยกล่องสมบัติแห่งความซื่อสัตย์ โดยใช้รูปแบบ CARE Model ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ถูกพัฒนาขึ้น โดยอาศัยแนวคิดการเรียนรู้ผ่านการปฏิบัติ (Active Learning) และการเสริมแรงทางบวกเข้ากับการปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรม ด้านความซื่อสัตย์ ซึ่งประกอบด้วย 4 ขั้นตอนสำคัญ ได้แก่ Choose : การเลือกที่จะทำในสิ่งที่ถูกต้อง, Act honestly : การลงมือปฏิบัติด้วยความซื่อสัตย์, Reflect : สะท้อนการกระทำของตนเองและ Encourage : ส่งเสริมและให้กำลังใจซึ่งกันและกันซึ่งสอดคล้อง กับงานวิจัยของ ธีรพงษ์ วิริยานนท์ (2564) ที่พบว่า การพัฒนาคุณธรรมจริยธรรมในเด็กประถมศึกษาควรเน้นกระบวนการที่ให้เด็กได้คิด ตัดสินใจ และลงมือปฏิบัติด้วยตนเอง นอกจากนี้ การใช้กล่องสมบัติเป็นสื่อการเรียนรู้ยังสอดคล้องกับทฤษฎีพัฒนาการทางสติปัญญาของ Piaget ที่ระบุว่าเด็กในวัย 7-11 ปี สามารถเรียนรู้ได้ดีผ่านการมีปฏิสัมพันธ์กับวัตถุที่เป็นรูปธรรม โดยขับเคลื่อนนวัตกรรมด้วยวงจรคุณภาพ PDCA (Plan-Do-Check-Act) จะช่วยให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างมีระบบและมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น นวัตกรรมสร้างสรรค์คนดีเรื่อง การปลูกฝังคนดีด้วยกล่องสมบัติแห่งความซื่อสัตย์ โดยใช้รูปแบบ CARE Model ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 จึงมีความเหมาะสมอย่างยิ่งในการปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรม ด้านความซื่อสัตย์ให้กับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1
2. จุดประสงค์และเป้าหมายของผลงานนวัตกรรม
2.1 จุดประสงค์
1. เพื่อปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรมด้านความซื่อสัตย์ให้กับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1
2. เพื่อศึกษาความพึงพอใจต่อการใช้นวัตกรรมเรื่อง การปลูกฝังคนดีด้วย กล่องสมบัติแห่งความซื่อสัตย์ โดยใช้รูปแบบ CARE Model ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1
2.2 เป้าหมายเชิงปริมาณ
1. เปรียบเทียบคะแนนแบบสังเกตพฤติกรรมด้านความซื่อสัตย์ก่อนและหลังใช้นวัตกรรม
2. นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 มีคะแนนเฉลี่ยร้อยละ 80 ของคะแนนเต็มจากแบบสังเกตพฤติกรรมด้านความซื่อสัตย์หลังใช้นวัตกรรม
3. นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ร้อยละ 90 เข้าร่วมกิจกรรมกล่องสมบัติแห่งความซื่อสัตย์
2.3 เป้าหมายเชิงคุณภาพ
1. นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 มีผลการประเมินความพึงพอใจต่อการใช้นวัตกรรม อยู่ในระดับดีขึ้นไป