ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
การจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยกระบวนการจัดการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบ 5E- cooperative Learning รายวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เรื่อง สถานะของสสาร ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนบ้านดอยคำ

การเรียนการสอนวิทยาศาสตร์เป็นการเรียนรู้ที่นักเรียนเป็นผู้ลงมือกระทำการทดลองและฝึกคิดด้วยตนเอง การศึกษาวิทยาศาสตร์เป็นการจัดการศึกษาที่มุ่งเน้นให้คนไทยเป็นนักคิด มีความสามารถคิดวิเคราะห์หาเหตุผล และมีความตื่นตัวที่จะหาความรู้ ข้อเท็จจริงในเชิงวิทยาศาสตร์ รวมทั้งสามารถที่จะนําวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาใช้ได้อย่างเหมาะสมในชีวิตและความเป็นอยู่ ตลอดจนมีส่วนช่วยในการพัฒนาประเทศ (รัตติยา รัตนอุดม : 2535: 57-58)

กระบวนการเรียนรู้แบบ Active Learning คือ กระบวนการในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ผู้เรียนต้องได้มีโอกาสลงมือกระทำมากกว่าการฟังเพียงอย่างเดียว โดยมีกิจกรรมส่งเสริมให้ผู้เรียนประยุกต์ใช้ทักษะและเชื่อมโยงองค์ความรู้นำไปปฏิบัติเพื่อแก้ไขปัญหา โดยมีกระบวนการเรียนรู้โดยการอ่าน การเขียน การโต้ตอบและการวิเคราะห์ปัญหา อีกทั้งผู้เรียนได้ใช้กระบวนการคิดขั้นสูง ได้แก่ คิดวิเคราะห์ สังเคราะห์และการประเมิน (Bonwell & Eison, 1991) การประยุกต์การเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม (Active Learning) มาใช้ในการจัดการเรียนการสอน จะทำให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในชั้นเรียน ส่งเสริมให้เกิดปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้เรียนกับผู้สอน และผู้เรียนกับผู้เรียน จึงถือเป็นการจัดการเรียนการสอนประเภทหนึ่งที่ส่งเสริมให้ผู้เรียนมีคุณลักษณะ ที่สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงในยุคปัจจุบัน ดังนั้นจึงสรุปได้ว่า Active Learning คือกระบวนการจัดการเรียนรู้ที่ผู้เรียนได้ลงมือกระทำ และได้ใช้กระบวนการคิดเกี่ยวกับสิ่งที่เขาได้กระทำลงไป และเป็นการจัดจกรรมการเรียนรู้ภายใต้สมมติฐานพื้นฐาน 2 ประการ คือ (1) การเรียนรู้เป็นความพยายามโดยธรรมชาติของมนุษย์ และ (2) แต่ละบุคคลมีแนวทางในการเรียนรู้ที่แตกต่างกัน (Meyers and Jones) โดยผู้เรียนจะเปลี่ยนบทบาทจากผู้รับความรู้ (receive) ไปสู่การมีส่วนร่วมในการสร้างความรู้ (co-creators)

การค้นคว้าและสืบค้นด้วยตนเองจะทำให้เกิดทักษะในการเรียนรู้ที่สำคัญและจำเป็นต่อการดำรงชีวิต ซึ่งทักษะการเรียนรู้ที่จำเป็นสำหรับผู้เรียนในปัจจุบันหรือทักษะที่ผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 คือ ทักษะด้านการเรียนรู้และนวัตกรรม(Learning and Innovation Skills) อันได้แก่ ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์และนวัตกรรม การคิดอย่างมีวิจารณญาณและการแก้ปัญหา การสื่อสารและการร่วมมือและทักษะด้านสารสนเทศ สื่อและเทคโนโลยี (Information, Media and Technology Skills) อันได้แก่ ความรู้ด้านสารสนเทศ ความรู้เกี่ยวกับสื่อ และความรู้ด้าน เทคโนโลยี (วิจารณ์ พานิชย์,2555) ความสนใจใฝ่รู้ ความมีเหตุผล คือคุณลักษณะหรือลักษณะนิสัยของบุคคลที่เกิดจากการศึกษาหาความรู้โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ นั่นคือ จิตวิทยาศาสตร์ซึ่งเป็นผลจากการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ โดยผ่านกิจกรรมที่หลายหลาย

การเรียนรู้แบบร่วมมือ (Cooperative Learning: CL) เป็นวิธีการจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็น ศูนย์กลางรูปแบบหนึ่ง การเรียนรู้แบบร่วมมือแบบ CL นี้เน้นให้ผู้เรียนเรียนรู้ร่วมกันและมีการทำงานร่วมกัน เป็นทีมเล็กๆ ทีมละ2-5 คน โดยกำหนดให้สมาชิกของทีมต้องมีความสามารถที่แตกต่างกัน เพื่อเสริมสร้าง สมรรถภาพการเรียนรู้ของแต่ละคน และเพื่อที่จะทำให้สมาชิกแต่ละคนมีความสามารถมากยิ่งๆขึ้น สมาชิกแต่ ละคนจะต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกัน จนบรรลุตามเป้าหมายที่วางไว้ บทบาทของสมาชิกที่ทำงานด้วยกันในทีมมี หน้าที่สองอย่างด้วยกันคือ • เป็นผู้เรียน- รับผิดชอบการเรียนของตนเองและ • เป็นผู้สอน - รับผิดชอบการสอนและช่วยเหลือเพื่อนสมาชิกในทีมให้เรียนรู้ไปพร้อมๆกัน นักการศึกษาที่มีบทบาทที่สำคัญในการเผยแพร่แนวคิดของการเรียนรู้แบบ CL นี้คือ สลาวิน (Slavin, 1995) จอห์นสัน จอห์นสันและโฮลูเบค (Johnson, Johnson & Holubec :1990, 14) มีความเห็นพ้องต้องกันว่า จุดมุ่งหมายของการเรียนแบบCooperative learning คือ การเรียนรู้แบบกลุ่มเพื่อทำกิจกรรมร่วมกัน แก้ไข ปัญหาและทำงานร่วมกันจนเกิดความสำเร็จ และประการสำคัญต้องมีกระบวนทักษะทางสังคมไปพร้อมๆกัน

จากการที่ผู้ศึกษาได้รับคำสั่งมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่เป็นครูผู้สอนรายวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนบ้านดอยคำ อำเภอแม่ทา จังหวัดลำพูน พบปัญหาด้านผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนที่ยังไม่สามารถพัฒนาได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ คือ ร้อยละ 55 กล่าวคือ จากรายงานผลผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนในรายวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนบ้านดอยคำ ในปีการศึกษา 2565 (งานวิชาการโรงเรียนบ้านดอยคำ, 2565 : 18) พบว่า คะแนนเฉลี่ยในกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์มีผลคะแนนเฉลี่ย ดังนี้ หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง การเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ รอบตัว นักเรียนได้คะแนนเฉลี่ยคิดเป็นร้อยละ 65.03 หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 เรื่องสิ่งมีชีวิตนักเรียนได้คะแนนเฉลี่ยคิดเป็นร้อยละ 73.08 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 เรื่องแรงและพลังงานนักเรียนได้คะแนนเฉลี่ยคิดเป็นร้อยละ 70.56 หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 เรื่องวัสดุและสสารนักเรียนได้คะแนนคิดเป็นร้อยละ 50.23 และหน่วยการเรียนรู้ที่ 5 เรื่องโลกและอวกาศ นักเรียนได้คะแนนเฉลี่ยคิดเป็นร้อยละ 74.03 ซึ่งพบว่าหน่วยการเรียนรู้ที่ 4 เรื่องวัสดุและสสารได้ค่าเฉลี่ยน้อยที่สุดต้องการการพัฒนาอย่างเร่งด่วน

นอกจากนี้จากการวิเคราะห์การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ของผู้ศึกษาที่ผ่าน พบว่า กิจกรรมการเรียนการสอนที่จัดขึ้น นักเรียนไม่สามารถทำงานเป็นกลุ่มได้ ขาดความสามัคคี ขาดความร่วมมือในการทำกิจกรรมกลุ่ม นักเรียนที่เก่งจะทำได้ฝ่ายเดียว ทำงานเร็ว ส่วนนักเรียนที่เรียนรู้ได้ในระดับปานกลางและอ่อนไม่สามารถทำงานได้ ทำงานช้า ขาดความกระตือรือร้น ขาดความพยายามในการเรียนรู้ เมื่อนักเรียนเรียนในเนื้อหาที่มีความซับซ้อนมากขึ้น นักเรียนที่เรียนรู้ได้ในระดับปานกลางและอ่อน จะแสดงพฤติกรรมความเบื่อหน่าย เนื่องจากไม่เข้าใจในเนื้อหาทำให้ไม่สามารถปัญหาทางวิทยาศาสตร์นั้นๆ ได้ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนไม่พัฒนาขึ้นในทิศทางเดียวกัน

จากสภาพปัญหาดังกล่าว ผู้ศึกษาจึงได้ทำการวิจัยชั้นเรียน เรื่อง กระบวนการจัดการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบ 5E- cooperative Learning รายวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เรื่อง สถานะของสสารของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนบ้านดอยคำ โดยผู้ศึกษาได้ออกแบบการจัดการเรียนการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5E เน้นกระบวนการทำงานเป็นกลุ่ม (ร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมนำ ร่วมใจ) หรือรูปแบบ 5E- cooperative Learning มาใช้ในห้องเรียน เป็นการสร้างวิธีการเรียนการสอนแบบใหม่ขึ้นมา เป็นการกระตุ้นนักเรียนให้เกิดกระบวนการเรียนรู้ตามจุดประสงค์การเรียนรู้ ส่งผลให้นักเรียนมีทักษะการเรียนรู้ของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 และนำไปสู่ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้น นักเรียนทุกคนได้รับการพัฒนาและเรียนรู้ได้ด้วยตนเองอย่างเต็มตามศักยภาพ

โพสต์โดย ครูจอย : [24 ก.ค. 2567 (15:09 น.)]
อ่าน [978] ไอพี : 171.4.222.80
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 14,788 ครั้ง
เตือน! โทรไม่ติดวางสายก่อน 6 วิ ไม่งั้นเสียเงิน
เตือน! โทรไม่ติดวางสายก่อน 6 วิ ไม่งั้นเสียเงิน

เปิดอ่าน 56,685 ครั้ง
กินแอปเปิ้ล ลดไข้
กินแอปเปิ้ล ลดไข้

เปิดอ่าน 13,150 ครั้ง
ซึ้งมาก! บัณฑิตจุฬาฯ ก้มกราบพ่อพนง.ขับรถเก็บขยะทั้งชุดครุย พร้อมเล่าเรื่องประทับใจ
ซึ้งมาก! บัณฑิตจุฬาฯ ก้มกราบพ่อพนง.ขับรถเก็บขยะทั้งชุดครุย พร้อมเล่าเรื่องประทับใจ

เปิดอ่าน 9,097 ครั้ง
ระบบประกันคุณภาพทางการศึกษา ถึงเวลาทบทวนวิธีการแล้วหรือยัง?
ระบบประกันคุณภาพทางการศึกษา ถึงเวลาทบทวนวิธีการแล้วหรือยัง?

เปิดอ่าน 26,683 ครั้ง
Computing Science : วิชาบังคับสำหรับนักเรียน ป.1 ไทย
Computing Science : วิชาบังคับสำหรับนักเรียน ป.1 ไทย

เปิดอ่าน 37,356 ครั้ง
หลักเกณฑ์การคำนวณค่าเสื่อมราคาสินทรัพย์ถาวรสำหรับหน่วยงานภาครัฐ
หลักเกณฑ์การคำนวณค่าเสื่อมราคาสินทรัพย์ถาวรสำหรับหน่วยงานภาครัฐ

เปิดอ่าน 49,613 ครั้ง
ฝึกลูกจำศัพท์อังกฤษ50คำได้ไม่ต้องท่อง หมวดสิ่งของทั่วไป
ฝึกลูกจำศัพท์อังกฤษ50คำได้ไม่ต้องท่อง หมวดสิ่งของทั่วไป

เปิดอ่าน 11,126 ครั้ง
ตัดวงจรเครียด...ก่อนระเบิด
ตัดวงจรเครียด...ก่อนระเบิด

เปิดอ่าน 19,396 ครั้ง
เผยสูตร "หน้าใส" 4 วิธี
เผยสูตร "หน้าใส" 4 วิธี

เปิดอ่าน 16,893 ครั้ง
คึกคัก! นักท่องเที่ยวแห่ชม แมงกะพรุนหลากสี จ.ตราด ห้องพักเต็ม
คึกคัก! นักท่องเที่ยวแห่ชม แมงกะพรุนหลากสี จ.ตราด ห้องพักเต็ม

เปิดอ่าน 6,052 ครั้ง
"องุ่นทะเล" ไม้ใหญ่ประโยชน์เยอะ ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
"องุ่นทะเล" ไม้ใหญ่ประโยชน์เยอะ ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด

เปิดอ่าน 97,409 ครั้ง
ความหมายของ e-Learning (โดย รศ.ดร.ถนอมพร เลาหจรัสแสง)
ความหมายของ e-Learning (โดย รศ.ดร.ถนอมพร เลาหจรัสแสง)

เปิดอ่าน 13,445 ครั้ง
ตูนส์ศึกษา "นโยบายไปทาง..ปฏิบัติไปทาง..สุดท้ายปฏิวัติเสียของ"
ตูนส์ศึกษา "นโยบายไปทาง..ปฏิบัติไปทาง..สุดท้ายปฏิวัติเสียของ"

เปิดอ่าน 8,208 ครั้ง
"ครูพันธุ์วิจัย" สร้างเด็กไทยคิดได้ทำเป็น
"ครูพันธุ์วิจัย" สร้างเด็กไทยคิดได้ทำเป็น

เปิดอ่าน 10,391 ครั้ง
7 โรคอันตราย ที่มักเกิดกับสาว ๆ มากกว่าผู้ชาย !
7 โรคอันตราย ที่มักเกิดกับสาว ๆ มากกว่าผู้ชาย !

เปิดอ่าน 11,763 ครั้ง
หลักการเสริมฮวงจุ้ยให้ "ห้องรับประทานอาหาร"
หลักการเสริมฮวงจุ้ยให้ "ห้องรับประทานอาหาร"
เปิดอ่าน 17,048 ครั้ง
อาหารอันตรายขณะท้องว่าง
อาหารอันตรายขณะท้องว่าง
เปิดอ่าน 12,986 ครั้ง
นม ร.ร.ป้องกัน มะเร็ง ช่วยไม่ให้เกิดขึ้นเมื่อตอนเป็นผู้ใหญ่
นม ร.ร.ป้องกัน มะเร็ง ช่วยไม่ให้เกิดขึ้นเมื่อตอนเป็นผู้ใหญ่
เปิดอ่าน 13,568 ครั้ง
สีสันกับสุขภาพจิต
สีสันกับสุขภาพจิต
เปิดอ่าน 31,501 ครั้ง
ตะไคร้สมุนไพรใกล้ตัวแก้เวียนหัว
ตะไคร้สมุนไพรใกล้ตัวแก้เวียนหัว

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ