|
|
ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา
ศตวรรษที่ 21 เป็นการดำรงรงชีวิตท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของกระแสโลก กับความเป็นสังคมเมือง สังคมการเรียนรู้และความเป้าส่วนตัว ซึ่งในยุคที่เปลี่ยนผ่านนั้นคนไทยยังไม่สามารถเป็นผู้ริเริ่มสร้างสรรค์ หรือเป็นผู้นำในการคิด การทำงานได้ (สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน.ม.ป.ป.) การพัฒนาคนให้ก้าวทันโลกที่ก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว จึงจำเป็นอย่างยิ่งและเป็นวิธีการพื้นฐานให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่มุ่งเน้นในการเสริมสร้างความรู้ ความสามารถและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ในศตวรรษที่ 21 (วุฒิพงศ์ คาเนตร,2558) ด้วยการพัฒนาผู้เรียนให้มีความสามารถในการคิดริเริ่ม เป็นผู้นำทางการเรียนรู้ ตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 (พ.ศ.2560-2564) ได้กำหนดประเด็นการพัฒนา พร้อมทั้งแผนงาน โครงการสำคัญที่ต้องดำเนินการเพื่อเตรียมความพร้อมของคน สังคมและเศรษฐกิจให้สามารถปรับตัวได้เอรองรับการเปลี่ยนแปลงได้อย่างเหมาะสม ด้วยการให้เยาวชนของชาติได้รับการศึกษาที่ดี ตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชิต พ.ศ.2542 หมวด 4 มาตรา 22 ที่กล่าวว่า การจัดการศึกษาต้องยึดหลักการว่าผู้เรียนทุกคนมีความสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้ รวมถึงถือว่าผู้เรียนมีความสำคัญที่สุด กระบวนการจัดการต้องยึดหลักที่ว่าผู้เรียนทุกคนสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้ สอดคล้องวิสัยทัศน์ของหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ที่มุ่งพัฒนาผู้เรียนเป็นสำคัญบนพื้นฐานของความเชื่อที่ว่า ทุกคนสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้ตามศักยภาพที่จะช่วยให้ผู้เรียนเกิดสมรรถนะสำคัญหลายประการโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความสามารถในการคิด ประกอบด้วย การคิดวิเคราะห์การคิดสังเคราะห์การคิดสร้างสรรค์การคิดอย่างมีวิจารณญาณและการคิดอย่างเป็นระบบ เพื่อนำไปสู่การสร้างองค์ความรู้หรือสารสนเทศประกอบการตัดสินใจเกี่ยวกับตนเอง และสังคม ทักษะการคิด การทำงานของนักเรียน ถูกพัฒนาจากกิจกรรมการเรียนรู้ทั้งในห้องเรียนและนอกห้องเรียน ด้วยเครื่องมือการวัดที่หลากหลาย ที่จะช่วยให้นักเรียนได้แสดงความสามารถของตนเองได้ตามความสามารถ
โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๓๗ จังหวัดกระบี่ มีวิสัยทัศน์ในการพัฒนาผู้เรียนให้เป็นบุคคลที่เปี่ยมด้วยคุณธรรมนำความรู้ มีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและพัฒนาผู้เรียนให้มีทักษะอาชีพ เพื่อการดำรงชีวิต ได้วิเคราะห์หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2551 และฉบับแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2560 แล้วนำมาสร้างหลักสูตรสถานศึกษา พ.ศ. 2551 และที่แก้ไขเพิ่มเติม 2564 และหลักสูตรรายวิชาสังคมศึกษา 2 รหัสวิชา ส33102 โดยจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ Activins Learning เพื่อให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้อย่างมีความหมาย มีทักษะกระบวนการที่เกิดจากการนำความรู้มาฝึกปฏิบัติ ทดลองใช้ในสังคม สร้างสรรค์ชิ้นงาน มีความตระหนักในความสำคัญของความเป็นไทยมีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ คือรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ รักความเป็นไทย มุ่งมั่นในการทำงาน ใฝ่เรียนรู้ และมีทักษะความสามารถในการสื่อสาร การคิด การแก้ปัญหา การใช้ทักษะชีวิตและการใช้เทคโนโลยี (แผนปฏิบัติงานประจำปี พ.ศ.2564)
ดังนั้น ผู้วิจัยจึงมีความมุ่งหวังที่จะนำการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยกระบวนการกลุ่ม (Cooperative Learning) เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชา ส31103 สังคมศึกษา 2 เรื่อง ภูมิศาสตร์กายภาพของประเทศไทย ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เพื่อพัฒนาให้นักเรียนได้เรียนรู้ทั้งทักษะวิชาการ และทักษะทางสังคมไปพร้อม ๆ กันด้วยกระบวนการทางานกลุ่มส่งผลให้นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ที่ดีขึ้น และได้แลกเปลี่ยนองค์ความรู้กับเพื่อน มีความคิดริเริ่ม และสามารถนาความรู้ไปใช้ในชีวิตประจำวันได้
วัตถุประสงค์ของการทำวิจัย
1. เพื่อศึกษาสภาพการจัดการเรียนของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/2 เรื่อง ภูมิศาสตร์ โดยใช้การเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยกระบวนการกลุ่ม
2. เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/2 เรื่องการภูมิศาสตร์กายภาพของประเทศไทย โดยใช้การเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยกระบวนการกลุ่ม
|
โพสต์โดย นายอินทรวัต สุวรรณเพชร : [20 ก.ค. 2567 (11:52 น.)] อ่าน [984] ไอพี : 171.6.232.38
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก
|
|
|
|
|
|
|
โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2. ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป
3. สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น
7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป
** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**
|
|
|
≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡ เปิดอ่าน 11,287 ครั้ง
| เปิดอ่าน 12,827 ครั้ง
| เปิดอ่าน 8,026 ครั้ง
| เปิดอ่าน 2,809 ครั้ง
| เปิดอ่าน 12,390 ครั้ง
| เปิดอ่าน 11,330 ครั้ง
| เปิดอ่าน 10,149 ครั้ง
| เปิดอ่าน 20,217 ครั้ง
| เปิดอ่าน 44,720 ครั้ง
| เปิดอ่าน 24,063 ครั้ง
| เปิดอ่าน 15,378 ครั้ง
| เปิดอ่าน 9,744 ครั้ง
| เปิดอ่าน 7,719 ครั้ง
| เปิดอ่าน 50,738 ครั้ง
| เปิดอ่าน 9,980 ครั้ง
| |
|
เปิดอ่าน 3,133 ครั้ง
| เปิดอ่าน 11,592 ครั้ง
| เปิดอ่าน 13,872 ครั้ง
| เปิดอ่าน 80,334 ครั้ง
| เปิดอ่าน 12,010 ครั้ง
|
|
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด
|