ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
วิจัยเรื่องการพัฒนาทักษะการอ่านพยัญชนะไทยโดยใช้นวัตกรรมกล่องจุ่มจับคู่พยัญชนะไทยองเด็กชั้นอนุบาลปีที่ 1 โรงเรียนสาธิตเทศบาลนครระยอง(วัดตรีรัตนาราม)

เรื่อง นวัตกรรมกล่องจุ่มจับคู่พยัญชนะไทย

ผู้วิจัย นางอลิสา ขาวรุ่งเรือง

ปีที่วิจัย 2567

บทคัดย่อ

การศึกษาวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ (1) เปรียบเทียบทักษะการอ่านของเด็กปฐมวัยก่อน และหลังการจัดกิจกรรมเสริมประสบการณ์ โดยใช้นวัตกรรมกล่องจุ่มจับคู่พยัญชนะไทยกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการ วิจัยครั้งนี้ คือ เด็กปฐมวัยชาย – หญิง อายุระหว่าง 3 – 4 ปี ที่กําลังศึกษาอยู่ชั้นอนุบาลปีที่ 1/5 โรงเรียนสาธิตเทศบาลนครระยอง (วัดตรีรัตนาราม) อำเภอเมือง จังหวัดระยอง สังกัดกองการศึกษา เทศบาลนครระยอง กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2567 จํานวน 22 คน โดยวิธีการเลือกแบบเจาะจงเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ (1) แผนการจัดกิจกรรมเสริมประสบการณ์ โดยกล่องจุ่มจับคู่พยัญชนะไทยเพื่อพัฒนาทักษะการอ่านพยัญชนะไทย ของเด็กปฐมวัยชั้นโรงเรียนสาธิตเทศบาลนครระยอง (วัดตรีรัตนาราม) อำเภอเมือง จังหวัดระยอง สังกัดกองการศึกษา เทศบาลนครระยอง (2) แบบทดสอบพัฒนาการทางด้านการอ่านสําหรับเด็กปฐมวัยก่อนและหลังการจัดกิจกรรม โดยใช้กล่องจุ่มจับคู่พยัญชนะไทย สถิติที่ใช้วิเคราะห์ข้อมูล คือ ค่าเฉลี่ย (X) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D) ค่าร้อยละและการ ทดสอบค่า (t– test dependent)

สรุปผลการวิจัยครั้งนี้ปรากฏว่าเด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัดกิจกรรมเสริมประสบการณ์ โดยใช้นวัตกรรมกล่องจุ่มจับคู่พยัญชนะไทย มีพัฒนาการด้านการอ่านพยัญชนะไทย ที่สูงกว่าก่อนได้รับการจัดกิจกรรม อย่างมีนัยสําคัญที่ระดับ .05 และยังทำให้นักเรียนมีความสนใจในบทเรียน ตั้งใจในการเรียน จนทำให้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้น จึงเป็นนวัตกรรมที่มีประสิทธิภาพและมีความเหมาะสมในการจัดการเรียนการสอนในกลุ่มสาระการเรียนรู้ระดับปฐมวัยอย่างมีประสิทธิภาพ

ความเป็นมา

เด็กเป็นทรัพยากรที่มีความสำคัญในการพัฒนาประเทศชาติจะเจริญก้าวหน้าได้ต้องอาศัยทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณภาพและมีการศึกษา เด็กจึงควรได้รับการพัฒนาอย่างครบถ้วนทั้งในด้านของการเลี้ยงดู การเอาใจใส่ ความรัก ความอบอุ่น โดยเฉพาะในวัยของเด็กปฐมวัยเป็นวัยเริ่มต้นของชีวิตมนุษย์นับว่าเป็นวัยที่สำคัญที่สุดเพราะพัฒนาการทุกด้านเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วต่อเนื่องกันและเป็นพื้นฐานในการวางรากฐานของพัฒนาการทุกๆ ด้านโดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านสติปัญญา ซึ่งแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 12 (พ.ศ. 2560-2564) ยึดหลัก "ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง" "การพัฒนาที่ยั่งยืน" และ "คนเป็นศูนย์กลางการพัฒนา" พัฒนาศักยภาพผู้เรียนให้มีทักษะ ความรู้และความสามารถ ในการดำรงชีวิตอย่างมีคุณภาพ อาทิ ส่งเสริมเด็กปฐมวัยให้มีพัฒนาทักษะทางสมองและทางสังคมที่เหมาะสมตามวัย เด็กวัยเรียนและวัยรุ่นมีทักษะการคิดวิเคราะห์อย่างเป็นระบบ (สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติสำนักนายกรัฐมนตรี 2560 -2564)

เด็กอายุ 3 - 6 ปี เป็นวัยที่สมองของเด็กกำลังเจริญเติบโต เด็กต้องการความรักความเอาใจใส่ในการดูแลอย่างใกล้ชิด เด็กวัยนี้มีโอกาสเรียนรู้จากการใช้ประสาทสัมผัสทั้งห้า ได้สำรวจเล่น ทดลอง ค้นพบด้วยตนเอง ได้มีโอกาสคิดแก้ปัญหา เลือกตัดสินใจ ใช้ภาษาความหมาย คิดริเริ่มสร้างสรรค์และอยู่ร่วมกับผู้อื่นอย่างมีความสุข ผู้ที่รับผิดชอบจึงมีหน้าที่ในการอบรมเลี้ยงดูและจัดประสบการณ์ให้เด็กได้พัฒนาเต็มตามศักยภาพ ส่งเสริมให้เด็กสังเกต สำรวจ สร้างสรรค์ และยิ่งเด็กมีความกระตือรือร้นยิ่งทำให้เด็กเกิดการเรียนรู้ ผู้รับผิดชอบจึงต้องส่งเสริมสนับสนุนให้ความรัก ความเข้าใจ ความเอาใจใส่เด็กวัยนี้เป็นพิเศษ เพราะจะเป็นพื้นฐานที่ช่วยเตรียมพร้อมให้เด็กประสบความสำเร็จในการเรียนและในชีวิตของเด็กต่อไป การนำหลักสูตรสู่การปฏิบัติของสถานศึกษาหรือสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยแต่ละแห่ง จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาเด็ก (หลักสูตรการศึกษาปฐมวัยพุทธศักราช 2560)

เด็กวัยปฐมวัย อายุ 1-3 ปีเป็นวัยที่มีการ เปลี่ยนแปลงทางสติปัญญามาก (Sower, 2000, p. 143; เพ็ญพิไล ฤทธาคณานนท์, 2549, หน้า 99) มีพัฒนาการด้านการฟังและพูดอย่างรวดเร็ว พัฒนาการ การอ่านในช่วงนี้จึงส่งผลต่อความพร้อมในการเรียนอ่าน เขียนและนิสัยรักการอ่าน ซึ่งจะติดตัวไปจนโตเป็นผู้ใหญ่ (Gunning,1990, pp. 48-49; เม็ม ฟ็อกซ์, 2553, หน้า 88-89) จากการสำรวจด้านการอ่านหนังสือของ คนไทย พ.ศ.2551 พบว่า เด็กปฐมวัยที่มีผู้ใหญ่อ่านหนังสือ ให้ฟัง หรืออ่านหนังสือเองร้อยละ 36 คิดเป็นสัดส่วน 1 ใน 3ของเด็กปฐมวัยทั่วประเทศ (สำนักงานสถิติแห่ง ชาติ, 2552, หน้า 1-3) และจากการสำรวจสถานการณ์ศูนย์เด็กเล็กทุกสังกัดทั่วประเทศของสำนักอนามัย สิ่งแวดล้อม กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข พ.ศ. 2552 พบว่า เด็กก่อนวัยเรียนอายุ2-5 ปีที่อยู่ในศูนย์เด็กเล็กมีพัฒนาการเติบโตล่าช้ามากในด้านภาษา (สำนักงานสถิติแห่งชาติ, 2554, ออนไลน์) ผลการสำรวจดังกล่าวชี้ให้เห็นว่า เด็กไทยมีประสบการณ์การอ่านน้อย เมื่อเด็กเข้าโรงเรียนจึงทำให้เกิดอุปสรรคในการเรียนอ่านที่ถือเป็นทักษะสำคัญที่ต้อง ใช้ในการเรียน (กรองแก้วฉายสภาวธรรม, 2537, หน้า 16-17) จากการศึกษาพบว่าเด็กที่ได้รับประสบการณ์ทักษะการอ่านเริ่มแรกมาตั้งแต่วัยทารกและวัยเตาะแตะ จะมีพื้นฐานในการเรียนอ่านดีกว่าเด็กที่ไม่มีประสบการณ์มาก่อน (Sower,2000, p. 140) เด็กที่มีประสบการณ์ด้านการอ่านมากกว่าจะมีพัฒนาการการอ่านดีกว่า มีความพร้อม ความสนใจ และความสุขเมื่อเรียนการอ่าน ในโรงเรียน (Stewig & Simpson, 1995, pp. 180 – 182; บังอร พานทอง, 2541, หน้า 24-25 อ้างถึงใน Cochrane et al., 1984) การปลูกฝังให้เด็ก วัยเตาะแตะรักการอ่านและมีทักษะการอ่านจึงเป็นแนวทาง ช่วยแก้ไขปัญหาคนไทยไม่อ่านหนังสือและไม่รักการอ่าน ได้(ปรีดา ปัญญาจันทร์, 2554, สัมภาษณ์) เกมการศึกษาเป็นกิจกรรม 1 ใน 6 กิจกรรมที่ช่วยส่งเสริมให้เด็กเกิดการเรียนรู้พัฒนาได้หลายๆ ด้าน รวมทั้งช่วยในการพัฒนาทักษะด้านต่างๆ โดยเฉพาะทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ซึ่งเป็นองค์ประกอบ และรากฐานสำคัญของกระบวนการพัฒนาทางด้านสติปัญญา และเกมการศึกษาเป็นสื่อที่ช่วยให้ผู้เล่น มีการสังเกต ช่วยให้มองเห็นในสิ่งที่ควรได้เห็น ได้ฟังหรือคิดอย่างรวดเร็ว เกมการศึกษาต่างจากการเล่นอย่างอื่น เช่น การเล่นตุ๊กตา เครื่องเล่นสนาม หรือเกมทางพลศึกษาตรงที่ว่าแต่ละชุดมีวิธีเล่นโดยเฉพาะ ผู้เล่นสามารถตรวจสอบการเล่นว่าถูกต้องหรือไม่ได้ด้วยตนเองและยังเป็นผลพลอยได้ตามมาอีกหลายประการ เช่น ฝึกให้เด็กจัดภาพให้ขอบเสมอกัน วางเรียงกันเป็นชุดๆ ให้เป็นระเบียบ นอกจากช่วยให้เด็กทำงาน เป็นระเบียบแล้วยังช่วยฝึกประสาทสัมผัสอีกด้วย ในการเล่นเด็กมักเล่นด้วยกันหลายคน เด็กเรียนรู้การเล่นร่วมกัน เด็กต้องพยายามปรับตนให้เข้ากับเพื่อนกิจกรรมเช่นนี้ช่วยให้เด็กได้พัฒนาทั้งทางด้านอารมณ์และสังคม (วรรณี วัจนสวัสดิ์, 2552: 55)

ทักษะภาษาเป็นทักษะหนึ่งที่มีความสำคัญสำหรับเด็กปฐมวัย เพราะภาษาเป็นพื้นฐานของการ เรียนรู้ในด้าน อื่น ๆและการนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน ทักษะภาษาประกอบไปด้วย การฟังการพูดการอ่าน และการ เขียน ซึ่ง ในระดับอนุบาลจำเป็นต้องมีการเตรียมความพร้อมของทักษะภาษาในด้านต่าง ๆ ดังกล่าวอย่าง เหมาะสม เพื่อให้สามารถนำไปต่อยอดการเรียนรู้ในระดับชั้นที่สูงขึ้นต่อไป โดยเฉพาะช่วงเชื่อมต่อของ การศึกษา ใน ระดับชั้นอนุบาลปีที่ 1 กับระดับชั้นระดับชั้นอนุบาลปีที่ 1 ซึ่งในระดับชั้นระดับชั้นอนุบาลปีที่ 1 นี้มีการ ปรับเปลี่ยนในด้านเนื้อหาและการจัดการเรียนรู้เชิงวิชาการที่ต้องใช้ความรู้ความเข้าใจทางด้านภาษาเป็นอย่าง มาก ดังนั้น นักเรียนระดับชั้นอนุบาลปีที่ 1 ในสถานศึกษาปฐมวัยหลาย ๆ แห่งจึงมักถูกคาดหวังว่าจะต้องมี 2 ความพร้อมเพียงพอสำหรับการเรียนรู้วิชาการในระดับชั้นระดับชั้นอนุบาลปีที่ 1 และได้เน้นให้เด็กปฐมวัยมี ความรู้ความเข้าใจในด้านการรู้หนังสือมากขึ้น ดังนั้นเพื่อให้เด็กปฐมวัยสามารถพัฒนาและเรียนรู้ได้อย่าง เหมาะสมตามวัย บุคลากรทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจึงต้องให้ความสนใจต่อการจัดการศึกษาทั้งสองระดับเพื่อให้เด็ก สามารถปรับตัวรับความเปลี่ยนแปลงในช่วงรอยเชื่อมต่อได้เป็นอย่างดีสามารถพัฒนาการเรียนรู้ได้อย่างราบรื่น และประสบผลสำเร็จตามเป้าหมายหลักสูตรที่กำหนดไว้(กระทรวงศึกษาธิการ, 2561: 176) การรู้หนังสือเป็น สิ่งที่เด็กแสดงพฤติกรรมการอ่านเขียนขั้นต้นและการที่เด็กมีความรู้เกี่ยวกับ ตัวอักษรและเสียง ตัวหนังสือและ ภาพ คำและประโยค ความตระหนักเกี่ยวกับตัวอักษร ความเข้าใจ ความสัมพันธ์ระหว่างเสียงกับตัวอักษร และ การออกเสียงสะกดคำเบื้องต้น ซึ่งสังเกตได้จากการที่เด็กพยายาม ออกแบบข้อความสื่อสารโดยใช้สัญลักษณ์ ด้วยตนเอง รวมถึงการแทนที่คำด้วยพยัญชนะหนึ่ง สอง หรือสาม พยัญชนะ (ภิญญดาพัชญ์เพ็ชรรัตย์, 2554: 15) เมื่อเด็กมีทักษะการรู้หนังสือเบื้องต้นจะเป็นการนำไปสู่ความ พร้อมที่จะอ่านหนังสือต่อไป สำหรับเด็กอายุ 3-5 ปีเด็กจะต้องสามารถบอกความแตกต่างของชุดพยัญชนะที่คล้ายกันได้ตามสมรรถนะของเด็กปฐมวัยใน การพัฒนาตามวัย 3 - 5 ปี(สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ, 2552: 99) ผู้วิจัยจึงสนใจศึกษาความสามารถทักษะด้านการอ่านของนักเรียนชั้น อนุบาล 1/5 โรงเรียนสาธิตเทศบาลนครระยอง(วัดตรีรัตนาราม) ซึ่งจากการสังเกต พบว่า นักเรียนมีปัญหาด้านการอ่าน กล่าวคือ ไม่ สามารถบอกหรืออ่านพยัญชนะที่มีความคล้ายคลึงกันได้ประกอบกับทักษะภาษาและการรู้หนังสือเป็น พื้นฐาน ของการสื่อสารเป็นทักษะกระบวนการที่เกิดขึ้นตั้งแต่แรกเกิดและมีการพัฒนาต่อเนื่องไปตลอด ทุกช่วงวัยซึ่งมี ความสำคัญอย่างยิ่งโดยเฉพาะช่วงรอยต่อของการศึกษา หากไม่ได้รับการพัฒนาอาจจะส่งผล กระทบต่อทักษะ การอ่านของเด็กในอนาคต การศึกษาและทบทวนเอกสารด้านการพัฒนาการอ่านพยัญชนะที่สอดคล้องกับ ปัญหาดังกล่าว พบว่า เกมการศึกษาสามารถนำมาพัฒนาทักษะด้านการอ่านพยัญชนะได้และสามารถส่งเสริม ทักษะการอ่าน ได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับทฤษฏีการเรียนรู้ของกานเย (Gagne and briggs, 1974: 121- 136 อ้างถึงใน ทิศนา แขมมณี, 2563: 72-76) ที่กล่าวว่า การสนทนา ซักถาม ทายปัญหา หรือมีวัสดุอุปกรณ์ ต่าง ๆ สามารถ ทำให้ผู้เรียนเกิดความสนใจในบทเรียน เป็นแรงจูงใจที่เกิดขึ้นจากสิ่งยั่วยุภายนอกและแรงจูงใจ ที่เกิดจากตัว ผู้เรียนเองด้วยที่กระตุ้นให้ผู้เรียนตื่นตัว และมีความสนใจที่จะเรียนร้

ด้วยเหตุผลดังกล่าว ผู้วิจัยเห็นว่าการควรพัฒนาทักษะการอ่านพยัญชนะไทย โดยใช้นวัตกรรมกล่องจุ่มจับคู่พยัญชนะไทยของเด็กปฐมวัย เพื่อส่งเสริมทักษะการอ่านพยัญชนะไทยของเด็กปฐมวัย และการพัฒนารูปแบบการจัดประสบการณ์ที่เหมาะสมให้แก่เด็กปฐมวัยต่อไป

โพสต์โดย นิว : [19 ก.ค. 2567 (14:45 น.)]
อ่าน [48] ไอพี : 182.53.109.128
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 27,949 ครั้ง
คอร์รัปชันในระบบการศึกษา...ความท้าทายที่ต้องเดินหน้าสู้
คอร์รัปชันในระบบการศึกษา...ความท้าทายที่ต้องเดินหน้าสู้

เปิดอ่าน 8,093 ครั้ง
เล่นหมากล้อม สามารถพัฒนาผลการเรียนคณิตศาสตร์ได้!
เล่นหมากล้อม สามารถพัฒนาผลการเรียนคณิตศาสตร์ได้!

เปิดอ่าน 53,099 ครั้ง
เทคนิคที่ทำให้คุณเป็นคนฉลาดและมีความจำดี
เทคนิคที่ทำให้คุณเป็นคนฉลาดและมีความจำดี

เปิดอ่าน 12,433 ครั้ง
มะนาวฆ่ามะเร็ง เรื่องนี้เชื่อได้จริงหรือยังไม่ผ่านการพิสูจน์ ?
มะนาวฆ่ามะเร็ง เรื่องนี้เชื่อได้จริงหรือยังไม่ผ่านการพิสูจน์ ?

เปิดอ่าน 7,935 ครั้ง
"ฟุตบอล"...สอนอะไร
"ฟุตบอล"...สอนอะไร

เปิดอ่าน 12,907 ครั้ง
5 ปัญหาการเงิน เลี่ยงซะก่อนชีวิตคู่จะพัง
5 ปัญหาการเงิน เลี่ยงซะก่อนชีวิตคู่จะพัง

เปิดอ่าน 15,405 ครั้ง
โซเชียลเน็ตเวิร์กทำครอบครัวร้าว
โซเชียลเน็ตเวิร์กทำครอบครัวร้าว

เปิดอ่าน 410,951 ครั้ง
การวิ่งระยะต่าง ๆ (พลศึกษา)
การวิ่งระยะต่าง ๆ (พลศึกษา)

เปิดอ่าน 24,026 ครั้ง
เคล็ดลับๆก่อนอาบน้ำ
เคล็ดลับๆก่อนอาบน้ำ

เปิดอ่าน 12,597 ครั้ง
คลิปกัปตันออกมายอมรับ ผมกลับเข้าห้องนักบินไม่ได้ !!
คลิปกัปตันออกมายอมรับ ผมกลับเข้าห้องนักบินไม่ได้ !!

เปิดอ่าน 28,772 ครั้ง
นมวัว กับ นมถั่วเหลือง.. นมไหนดีกว่ากัน
นมวัว กับ นมถั่วเหลือง.. นมไหนดีกว่ากัน

เปิดอ่าน 2,040 ครั้ง
สีเสื้อมงคล 2567 เสริมดวงปัง ตลอดปี
สีเสื้อมงคล 2567 เสริมดวงปัง ตลอดปี

เปิดอ่าน 10,046 ครั้ง
วิธีดูแลต้นไม้ในหน้าร้อน
วิธีดูแลต้นไม้ในหน้าร้อน

เปิดอ่าน 11,951 ครั้ง
7 วิธีใช้คอมพิวเตอร์ แบบทำร้ายตัวเอง
7 วิธีใช้คอมพิวเตอร์ แบบทำร้ายตัวเอง

เปิดอ่าน 12,911 ครั้ง
พระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (องค์การมหาชน) (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2561
พระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (องค์การมหาชน) (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2561

เปิดอ่าน 18,848 ครั้ง
"พลูด่าง" ไม้มงคลเสริมโชคลาภ
"พลูด่าง" ไม้มงคลเสริมโชคลาภ
เปิดอ่าน 48,793 ครั้ง
พุทธคุณ 3
พุทธคุณ 3
เปิดอ่าน 11,428 ครั้ง
4 พัฒนาการที่แม่ควรส่งเสริม
4 พัฒนาการที่แม่ควรส่งเสริม
เปิดอ่าน 12,352 ครั้ง
พ่อแม่ควรแอด เฟซบุ๊ก Facebook ลูกไหม
พ่อแม่ควรแอด เฟซบุ๊ก Facebook ลูกไหม
เปิดอ่าน 10,760 ครั้ง
"ครูยงยุทธ"พูดชัดๆ การศึกษาไทย แพ้เขมร แพ้ลาว ผมไม่เชื่อ (ไปฟังและดูคลิป)
"ครูยงยุทธ"พูดชัดๆ การศึกษาไทย แพ้เขมร แพ้ลาว ผมไม่เชื่อ (ไปฟังและดูคลิป)

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ