ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
การพัฒนาบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน เรื่อง อัตราส่วนตรีโกณมิติ เพื่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 OBEC Content Center

ชื่อผลงาน การพัฒนาบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน เรื่อง อัตราส่วนตรีโกณมิติ เพื่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 OBEC Content Center

ผู้เสนอผลงาน นายยศปกรณ์ จันทะลุน

ตำแหน่ง ครูผู้ช่วย

สถานศึกษา โรงเรียนศรีราช อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาชลบุรี ระยอง

ผลงานประเภท

ครูผู้สร้างสื่อเทคโนโลยีระบบ OBEC Content Center

ความเป็นมาและความสำคัญ

คณิตศาสตร์มีบทบาทสำคัญยิ่งต่อความสำเร็จในการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 เนื่องจากคณิตศาสตร์ช่วยให้มนุษย์มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ คิดอย่างมีเหตุผล เป็นระบบ มีแบบแผน สามารถวิเคราะห์ปัญหาหรือสถานการณ์ได้อย่างรอบคอบ และถี่ถ้วน ช่วยให้คาดการณ์ วางแผน ตัดสินใจ แก้ปัญหาได้อย่างถูกต้องเหมาะสม และสามารถนำไปใช้ในชีวิตจริงได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้คณิตศาสตร์ยังเป็นเครื่องมือ ในการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และศาสตร์อื่น ๆ อันเป็นรากฐานในการพัฒนาทรัพยากรบุคคลของชาติให้มีคุณภาพ และพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศให้ทัดเทียมกับนานาชาติ การศึกษาคณิตศาสตร์จึงจำเป็นต้องมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ทันสมัยและสอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจ สังคม และความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่เจริญก้าวหน้าอย่างรวดเร็วในยุคโลกาภิวัฒน์ (กระทรวงศึกษาธิการ 2560: 10)

ปัจจุบันโลกมีความเจริญก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว สืบเนื่องมาจากการใช้เทคโนโลยีเพื่อเชื่อมโยงข้อมูลต่าง ๆ ของทุกภูมิภาคของโลกเข้าด้วยกัน กระแสการปรับเปลี่ยนทางสังคมที่เกิดขึ้นในศตวรรษที่ 21 ส่งผลต่อวิถีการดำรงชีพของสังคมอย่างทั่วถึง ผู้สอนจึงต้องมีความตื่นตัวและเตรียมพร้อมในการจัดการเรียนรู้เพื่อเตรียมความพร้อมให้ผู้เรียนมีทักษะสำหรับการออกไปดำรงชีวิตในโลกในศตวรรษที่ 21 ที่เปลี่ยนไปจากศตวรรษที่ 20 และ 19 โดยทักษะแห่งศตวรรษ ที่ 21 ที่สำคัญที่สุด คือ ทักษะการเรียนรู้ (Learning Skill) ส่งผลให้มีการเปลี่ยนแปลงการจัดการเรียนรู้เพื่อให้เด็กในศตวรรษที่ 21 นี้ มีความรู้ ความสามารถ และ ทักษะจำเป็น ซึ่งเป็นผลจากการปฏิรูปเปลี่ยนแปลงรูปแบบการจัดการเรียนรู้ ตลอดจนการเตรียมความพร้อมด้านต่าง ๆ ที่เป็นปัจจัยสนับสนุนที่จะทำให้เกิดการเรียนรู้ดังกล่าว

ทักษะด้านการเรียนรู้และนวัตกรรมจะเป็นตัวกำหนดความพร้อมของนักเรียนเข้าสู่โลกการทำงานที่มีความซับซ้อนมากขึ้นในปัจจุบัน ได้แก่ ความริเริ่มสร้างสรรค์และนวัตกรรมการคิดอย่างมีวิจารณญาณและ การแก้ปัญหา การสื่อสาร และการร่วมมือ

ทักษะด้านสารสนเทศ สื่อและเทคโนโลยี เนื่องด้วยในปัจจุบันมีการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารผ่านทางสื่อและเทคโนโลยีมากมาย ผู้เรียนจึงต้องมีความสามารถในการแสดงทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณและปฏิบัติงานได้หลากหลายโดยอาศัยความรู้ในหลายด้าน ดังนี้ ความรู้ ด้านสารสนเทศ ความรู้เกี่ยวกับสื่อ ความรู้ด้านเทคโนโลยี

ทักษะด้านชีวิตและอาชีพในการดำรงชีวิตและทำงานในยุคปัจจุบันให้ประสบความสำเร็จนักเรียนจะต้องพัฒนาทักษะชีวิตที่สำคัญดังต่อไปนี้ความยืดหยุ่นและการปรับตัวการริเริ่มสร้างสรรค์และเป็นตัวของตัวเอง ทักษะสังคมและสังคมข้ามวัฒนธรรม การเป็นผู้สร้างหรือผู้ผลิต (Productivity) และความรับผิดชอบเชื่อถือได้ (Accountability) ภาวะผู้นำและความรับผิดชอบ (Responsibility)

การเปลี่ยนแปลงของสังคมโลกยุคปัจจุบันที่ผู้คนสามารถเข้าถึงสื่อเทคโนโลยีได้อย่างรวดเร็ว จากหลากหลายรูปแบบ บนอุปกรณ์ที่สามารถเข้าถึงได้อย่าง โทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ แท็บเลต เป็นต้น สื่อสังคมออนไลน์ คือ สื่อดิจิทัลที่เป็นเครื่องมือในการปฏิบัติการทางสังคมเพื่อใช้ในการสื่อสารกันระหว่างบุคคลในสังคม ผ่านเว็บไซต์หรือโปรแกรมประยุกต์ ที่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต โดยเน้นให้ผู้ใช้เป็นทั้งผู้ส่งสารและผู้รับสาร มีส่วนร่วมอย่างสร้างสรรค์ในการผลิตเนื้อหาขึ้นเอง ในรูปแบบของ รูปภาพ ข้อมูล เสียง VDO ผู้คนเชื่อมต่อถึงกันโดยอาศัยสื่อสังคมออนไลน์เป็นตัวเชื่อม อันประกอบไปด้วย Facebook TikTok Youtube Line Instagram จากการเปลี่ยนแปลงของสังคมโลกในยุคปัจจุบันทำให้ผู้คนมีการตื่นตัวในหลายด้านไม่เว้นแม้แต่ด้านการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการมีนโยบายด้านการพลิกโฉมระบบการศึกษาไทยด้วยการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในการจัดการศึกษาในทุกระดับการศึกษา

กระทรวงศึกษาธิการ ได้มีนโยบาย “เรียนดี มีความสุข” เรียนได้ทุกที่ ทุกเวลา (Anywhere Anytime) เรียนฟรี มีงานทำ ยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง รวมทั้งมีระบบหรือแพลตฟอร์มการเรียนรู้โดยผู้เรียน ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย เพื่อสร้างความเสมอภาคทางการศึกษา ประกอบกับสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน มีนโยบายให้ปรับกระบวนการจัดการเรียนรู้ให้มีคุณภาพ ทันสมัย และ การบริหารจัดการที่มี ประสิทธิภาพ ดังนั้นการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการบริหารจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน และการเรียนรู้ของ ผู้เรียนจึงเป็นสิ่งสำคัญ รวมถึงแพลตฟอร์มการเรียนรู้ที่เป็นแหล่งเรียนรู้เทคโนโลยีดิจิทัล ที่นักเรียน ครูและบุคลากรทางการศึกษา ผู้ปกครองและประชาชน สามารถเรียนรู้ได้ทุกที่ทุกเวลาอย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต เพื่อเป็นการสร้างโอกาสในการเรียนรู้ได้ทุกอย่างเท่าเทียมทั่วถึง และลดความเหลื่อมล้ำในสังคม

สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้ตระหนักถึงความสำคัญของการศึกษา โดยได้จัดทำระบบคลังสื่อเทคโนโลยีดิจิทัลระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน (OBEC Content Center) ที่ให้บริการสำหรับผู้ใช้งานตั้งแต่ระดับนักเรียน ครู บุคลากรทางการศึกษา และผู้ใช้งานทั่วไป ได้สามารถเข้าถึงและนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อการเรียนรู้ ระบบคลังสื่อเทคโนโลยีดิจิทัลระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน (OBEC Content Center) เป็นแพลตฟอร์มการเรียนรู้ที่เป็นชุดโปรแกรมรวบรวมเนื้อหาใน 8 ประเภทเนื้อหา ได้แก่ หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ วิดีโอ รูปภาพ เสียง แอฟพลิเคชัน ข้อสอบ เทมเพลต และมัลติมีเดีย โดยสามารถเข้าถึงเนื้อหาได้จากหลากหลายอุปกรณ์ ได้ทุกที่ ทุกเวลา การใช้งานเกี่ยวกับการจัดการเรียนรู้ในระบบคลังสื่อเทคโนโลยีดิจิทัลระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน (OBEC Content Center) แบ่งผู้ใช้งานออกเป็น 2 ประเภท คือ ผู้ใช้สื่อ และผู้สร้างสื่อ ในรูปแบบดิจิทัลแล้วนำสื่อเข้าสู่ระบบคลังสื่อ

จากผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) ปีการศึกษา 2565-2566 ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ในรายวิชาคณิตศาสตร์ ได้คะแนนเฉลี่ยร้อยละ 24.39 , 25.38 ซึ่งต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนด ซึ่งแสดงให้เห็นว่า การจัดการเรียนการสอนคณิตศาสตร์ ยังไม่บรรลุเป้าหมายเท่าที่ควร (สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ 2566)

การเรียนการสอนคณิตศาสตร์ในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เรื่อง อัตราส่วนตรีโกณมิติ เป็นเนื้อหาที่สำคัญต่อการเรียนคณิตศาสตร์ ซึ่งปัญหาที่เกิดจากการเรียนการสอน เรื่อง อัตราส่วนตรีโกณมิติ นักเรียนไม่เข้าใจเนื้อหา และไม่สามารถแก้สมการได้ ซึ่งจะเป็นผลต่อการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ในบทเรียนถัดไปที่ต้องใช้ความรู้เรื่องอัตราส่วนตรีโกณมิติเป็นพื้นฐานในการต่อยอดความรู้ สอดคล้องกับ พรพรหม อัตตวัฒนากุล (2547) ที่กล่าวว่า เด็กส่วนใหญ่ที่แก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ไม่ได้ เกิดจากอ่านโจทย์แล้วไม่เข้าใจว่าจะดำเนินการในทิศทางใด ไม่สามารถเปลี่ยนโจทย์ข้อความมาเป็นประโยคสัญลักษณ์คณิตศาสตร์ ไม่สามารถคิดคำนวณตามที่โจทย์ต้องการได้ ไม่สามารถเขียนรูปแบบออกมาได้ ด้วยเหตุนี้ ครูควรเปลี่ยนแปลงวิธีการจัดประสบการณ์ให้กับนักเรียน จากเดิมที่ครูเป็นศูนย์กลาง ให้มาเป็นกระบวนการเรียนรู้ที่ผู้เรียนได้เรียนอย่างมีความสุข (สุวร กาญจนมยูร, 2541) ซึ่งสอดคล้องกับ ยุพิน พิพิธกุล (2543) ที่กล่าวว่า การเรียนการสอนที่เหมาะสม ในกระบวนการของคณิตศาสตร์ ต้องเข้าใจ ในกระบวนการทางคณิตศาสตร์ ที่ผู้เรียนต้องสร้างความรู้เอง โดยการเรียนจากอุปกรณ์ของจริง ให้มีโอกาสสัมผัสจับต้อง มีสิ่งช่วยให้เด็กเกิดความสนุกสนานระหว่างเรียน พร้อมทั้งมีสิ่งท้าทายให้เด็กอยากรู้อยากเรียน วัฒนาพร ระงับทุกข์ (2542) กล่าวว่า ในปัจจุบันได้มีการนำเทคโนโลยีต่างๆ เข้ามามีส่วนเสริมหรือสนับสนุนการเรียนการสอนอย่างกว้างขวางมากขึ้น เพื่อเป็นทางเลือกให้แก่ครูในการนำเสนอข้อมูลให้แก่นักเรียน ซึ่งการเรียนการสอนโดยใช้เทคโนโลยีประกอบด้วย แบบฝึกทักษะ ชุดการสอน การสอนแบบศูนย์การเรียน คอมพิวเตอร์ช่วยสอน และการใช้บทเรียนสำเร็จรูป

จากประเด็นที่กล่าวมาข้างต้นดังนั้นผู้วิจัยจึงมีวัตถุประสงค์ในการสร้างและพัฒนาบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนในวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง อัตราส่วนตรีโกณมิติ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยใช้กระบวนการสร้างพัฒนารูปแบบแอดดี (ADDIE Model) ประกอบด้วยกิจกรรมในการดำเนินงาน 5 กิจกรรม ได้แก่ การวิเคราะห์ (Analyze) การออกแบบ (Design) การพัฒนา (Develop) การนำไปใช้ (Implement) และการประเมินผล (Evaluate) ซึ่งเมื่อพิจารณาและมีลักษณะคล้ายกระบวน การแก้ปัญหา อย่างเป็นระบบ เริ่มจากการวิเคราะห์ปัญหา (Analyze) การนำเสนอ แนวทางการแก้ปัญหา (Design) การเตรียมการแก้ปัญหา (Develop) การทดลองการแก้ปัญหา (Implement) และสุดท้ายประเมินแนวทาง การแก้ปัญหาว่าประสบความสำเร็จหรือไม่ (Evaluate) รูปแบบ ADDIE นี้ จึงเป็นรูปแบบที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการออกแบบการเรียนรู้ในเรื่องต่าง ๆ ได้อย่างกว้างขวาง โดยมีผู้นิยมนำไปใช้ในการออกแบบสื่อ วัสดุการเรียนการสอน เช่น การออกแบบชุดการเรียนการสอน การออกแบบบทเรียนแบบโปรแกรม เป็นต้น ตลอดจนนำไปใช้ในการออกแบบการเรียนรู้คือ ระบบการศึกษาในชุมชน และการออกแบบการเรียนรู้ในระดับ ห้องเรียน เพื่อพัฒนาผลการเรียนรู้ของนักเรียนในด้านต่าง ๆ ที่จะนำมาใช้ในการจัดการเรียนการสอนว่าจะทำให้นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์เป็นอย่างไรและมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนหรือไม่อย่างไร

วัตถุประสงค์

1) เพื่อศึกษาประสิทธิภาพของกระบวนการและผลลัพธ์ของบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนในวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง อัตราส่วนตรีโกณมิติ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3

2) เพื่อศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์โดยใช้บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนในวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง อัตราส่วนตรีโกณมิติ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3

3) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์โดยใช้บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนในวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง อัตราส่วนตรีโกณมิติ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียน

บทเรียนที่ได้รับ

ข้อสรุป

1. ได้รับองค์ความรู้เกี่ยวกับการสร้างและพัฒนาบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนในวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง อัตราส่วนตรีโกณมิติ ที่สร้างขึ้นของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3

2. ได้รับแนวทางการเรียนรู้ที่ใช้บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนในวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง อัตราส่วนตรีโกณมิติ ที่สร้างขึ้นของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3

3. ได้ตัวอย่างของแผนการจัดการเรียนรู้ (แบบปกติ) ที่ใช้บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนในวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง อัตราส่วนตรีโกณมิติ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3

ข้อสังเกต

นักเรียนสามารถเรียนรู้วิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง อัตราส่วนตรีโกณมิติ ได้ด้วยตนเอง และสามารถทำแบบทดสอบท้ายหน่วยเพื่อประเมินการเรียนในครั้งนั้นได้ว่าผ่านเกณฑ์เพื่อเข้าสู่เนื้อหาต่อไปหรือไม่

ข้อเสนอแนะ

1. บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนสามารถเพิ่มเติมเนื้อหา และแบบฝึกหัดเก็บคะแนนในรูปแบบ Google Form ได้

2. บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนเป็นระบบออฟไลน์ โดยใช้โปรแกรม PowerPoint ที่สามารถดาวน์โหลดและติดตั้งได้ด้วยตนเอง ซึ่งต้องใช้คอมพิวเตอร์หรือโน้ตบุ๊คในการเรียนเท่านั้น ยังไม่สามารถใช้มือถือออนไลน์ติดตั้งได้

ข้อระมัดระวัง

เปิดนำเสนอตั้งแต่หน้าแรกทุกครั้ง ไม่ควรเปิดนำเสนอเฉพาะหน้า เพราะระบบที่ตั้งค่าให้โปรแกรมรันอัตโนมัติ และบางฟังก์ชั้นอาจไม่ทำงานได้

โพสต์โดย ก้อนเมฆ : [17 ก.ค. 2567 (22:17 น.)]
อ่าน [23] ไอพี : 124.122.107.214
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 9,225 ครั้ง
ไทยอันดับ 3 ของเอเชีย ถ่ายเซลฟี่ในรถ
ไทยอันดับ 3 ของเอเชีย ถ่ายเซลฟี่ในรถ

เปิดอ่าน 453,427 ครั้ง
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ฉบับสมบูรณ์(4 สี)
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ฉบับสมบูรณ์(4 สี)

เปิดอ่าน 30,663 ครั้ง
สัตว์พวกปลาไม่มีความรู้สึกเจ็บปวดเลย โดนถูกเบ็ดเกี่ยวดิ้น ก็ไม่ได้ตกอกตกใจ(วิทย์)
สัตว์พวกปลาไม่มีความรู้สึกเจ็บปวดเลย โดนถูกเบ็ดเกี่ยวดิ้น ก็ไม่ได้ตกอกตกใจ(วิทย์)

เปิดอ่าน 9,346 ครั้ง
สภาวการณ์การศึกษาไทยในเวทีโลก ปี 2557
สภาวการณ์การศึกษาไทยในเวทีโลก ปี 2557

เปิดอ่าน 28,909 ครั้ง
5 วิธีชำระหนี้ กยศ. ให้หมดอย่างรวดเร็ว
5 วิธีชำระหนี้ กยศ. ให้หมดอย่างรวดเร็ว

เปิดอ่าน 11,268 ครั้ง
วิธีแก้เมื่อลืมกินยาตามเวลา
วิธีแก้เมื่อลืมกินยาตามเวลา

เปิดอ่าน 22,623 ครั้ง
เทคนิคเลือกกระถางต้นไม้ให้เหมาะสม
เทคนิคเลือกกระถางต้นไม้ให้เหมาะสม

เปิดอ่าน 26,709 ครั้ง
ต้นคริสต์มาส
ต้นคริสต์มาส

เปิดอ่าน 19,393 ครั้ง
ข่าวดีผู้ชอบดื่ม "ชา" ไม่ใช่แค่ดื่มเท่ห์ๆ แต่ดีต่อสุขภาพ
ข่าวดีผู้ชอบดื่ม "ชา" ไม่ใช่แค่ดื่มเท่ห์ๆ แต่ดีต่อสุขภาพ

เปิดอ่าน 22,142 ครั้ง
สรรพากร เผย รายการลดหย่อนภาษี ปี 2559 "ชุดใหญ่ ไฟกระพริบ"
สรรพากร เผย รายการลดหย่อนภาษี ปี 2559 "ชุดใหญ่ ไฟกระพริบ"

เปิดอ่าน 41,122 ครั้ง
ทำไมคนญี่ปุ่นไม่แซงคิว...เรื่องดี ๆ ที่อยากให้อ่าน
ทำไมคนญี่ปุ่นไม่แซงคิว...เรื่องดี ๆ ที่อยากให้อ่าน

เปิดอ่าน 14,711 ครั้ง
ม.44 "มาสเตอร์คีย์ผ่าทางตัน"ปฏิรูปการศึกษา??
ม.44 "มาสเตอร์คีย์ผ่าทางตัน"ปฏิรูปการศึกษา??

เปิดอ่าน 28,913 ครั้ง
ม.44 ศธ. เรื่องข่าวลือที่สร้างความเข้าใจผิด
ม.44 ศธ. เรื่องข่าวลือที่สร้างความเข้าใจผิด

เปิดอ่าน 22,356 ครั้ง
เกลือ สารพัดประโยชน์เพื่อความงาม ทำอะไรได้บ้าง
เกลือ สารพัดประโยชน์เพื่อความงาม ทำอะไรได้บ้าง

เปิดอ่าน 25,233 ครั้ง
สรภัญตารางธาตุ
สรภัญตารางธาตุ

เปิดอ่าน 20,999 ครั้ง
พ.ร.บ. ประกันสังคม (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2558 เพิ่มสิทธิประโยชน์ให้กับผู้ประกันตนมากยิ่งขึ้น
พ.ร.บ. ประกันสังคม (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2558 เพิ่มสิทธิประโยชน์ให้กับผู้ประกันตนมากยิ่งขึ้น
เปิดอ่าน 99,587 ครั้ง
100อันดับโรงเรียนดีที่สุดปี58
100อันดับโรงเรียนดีที่สุดปี58
เปิดอ่าน 6,542 ครั้ง
คำถามยอดฮิต วิทยฐานะใหม่ (PA)
คำถามยอดฮิต วิทยฐานะใหม่ (PA)
เปิดอ่าน 19,428 ครั้ง
ฟักทองญี่ปุ่น
ฟักทองญี่ปุ่น
เปิดอ่าน 12,803 ครั้ง
ปรนัย-อัตนัย เรียงความ-ย่อความ
ปรนัย-อัตนัย เรียงความ-ย่อความ

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ