ชื่อผลงาน การพัฒนาบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน เรื่อง อัตราส่วนตรีโกณมิติ เพื่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 OBEC Content Center
ผู้เสนอผลงาน นายยศปกรณ์ จันทะลุน
ตำแหน่ง ครูผู้ช่วย
สถานศึกษา โรงเรียนศรีราช อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาชลบุรี ระยอง
ผลงานประเภท
ครูผู้สร้างสื่อเทคโนโลยีระบบ OBEC Content Center
ความเป็นมาและความสำคัญ
คณิตศาสตร์มีบทบาทสำคัญยิ่งต่อความสำเร็จในการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 เนื่องจากคณิตศาสตร์ช่วยให้มนุษย์มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ คิดอย่างมีเหตุผล เป็นระบบ มีแบบแผน สามารถวิเคราะห์ปัญหาหรือสถานการณ์ได้อย่างรอบคอบ และถี่ถ้วน ช่วยให้คาดการณ์ วางแผน ตัดสินใจ แก้ปัญหาได้อย่างถูกต้องเหมาะสม และสามารถนำไปใช้ในชีวิตจริงได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้คณิตศาสตร์ยังเป็นเครื่องมือ ในการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และศาสตร์อื่น ๆ อันเป็นรากฐานในการพัฒนาทรัพยากรบุคคลของชาติให้มีคุณภาพ และพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศให้ทัดเทียมกับนานาชาติ การศึกษาคณิตศาสตร์จึงจำเป็นต้องมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ทันสมัยและสอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจ สังคม และความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่เจริญก้าวหน้าอย่างรวดเร็วในยุคโลกาภิวัฒน์ (กระทรวงศึกษาธิการ 2560: 10)
ปัจจุบันโลกมีความเจริญก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว สืบเนื่องมาจากการใช้เทคโนโลยีเพื่อเชื่อมโยงข้อมูลต่าง ๆ ของทุกภูมิภาคของโลกเข้าด้วยกัน กระแสการปรับเปลี่ยนทางสังคมที่เกิดขึ้นในศตวรรษที่ 21 ส่งผลต่อวิถีการดำรงชีพของสังคมอย่างทั่วถึง ผู้สอนจึงต้องมีความตื่นตัวและเตรียมพร้อมในการจัดการเรียนรู้เพื่อเตรียมความพร้อมให้ผู้เรียนมีทักษะสำหรับการออกไปดำรงชีวิตในโลกในศตวรรษที่ 21 ที่เปลี่ยนไปจากศตวรรษที่ 20 และ 19 โดยทักษะแห่งศตวรรษ ที่ 21 ที่สำคัญที่สุด คือ ทักษะการเรียนรู้ (Learning Skill) ส่งผลให้มีการเปลี่ยนแปลงการจัดการเรียนรู้เพื่อให้เด็กในศตวรรษที่ 21 นี้ มีความรู้ ความสามารถ และ ทักษะจำเป็น ซึ่งเป็นผลจากการปฏิรูปเปลี่ยนแปลงรูปแบบการจัดการเรียนรู้ ตลอดจนการเตรียมความพร้อมด้านต่าง ๆ ที่เป็นปัจจัยสนับสนุนที่จะทำให้เกิดการเรียนรู้ดังกล่าว
ทักษะด้านการเรียนรู้และนวัตกรรมจะเป็นตัวกำหนดความพร้อมของนักเรียนเข้าสู่โลกการทำงานที่มีความซับซ้อนมากขึ้นในปัจจุบัน ได้แก่ ความริเริ่มสร้างสรรค์และนวัตกรรมการคิดอย่างมีวิจารณญาณและ การแก้ปัญหา การสื่อสาร และการร่วมมือ
ทักษะด้านสารสนเทศ สื่อและเทคโนโลยี เนื่องด้วยในปัจจุบันมีการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารผ่านทางสื่อและเทคโนโลยีมากมาย ผู้เรียนจึงต้องมีความสามารถในการแสดงทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณและปฏิบัติงานได้หลากหลายโดยอาศัยความรู้ในหลายด้าน ดังนี้ ความรู้ ด้านสารสนเทศ ความรู้เกี่ยวกับสื่อ ความรู้ด้านเทคโนโลยี
ทักษะด้านชีวิตและอาชีพในการดำรงชีวิตและทำงานในยุคปัจจุบันให้ประสบความสำเร็จนักเรียนจะต้องพัฒนาทักษะชีวิตที่สำคัญดังต่อไปนี้ความยืดหยุ่นและการปรับตัวการริเริ่มสร้างสรรค์และเป็นตัวของตัวเอง ทักษะสังคมและสังคมข้ามวัฒนธรรม การเป็นผู้สร้างหรือผู้ผลิต (Productivity) และความรับผิดชอบเชื่อถือได้ (Accountability) ภาวะผู้นำและความรับผิดชอบ (Responsibility)
การเปลี่ยนแปลงของสังคมโลกยุคปัจจุบันที่ผู้คนสามารถเข้าถึงสื่อเทคโนโลยีได้อย่างรวดเร็ว จากหลากหลายรูปแบบ บนอุปกรณ์ที่สามารถเข้าถึงได้อย่าง โทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ แท็บเลต เป็นต้น สื่อสังคมออนไลน์ คือ สื่อดิจิทัลที่เป็นเครื่องมือในการปฏิบัติการทางสังคมเพื่อใช้ในการสื่อสารกันระหว่างบุคคลในสังคม ผ่านเว็บไซต์หรือโปรแกรมประยุกต์ ที่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต โดยเน้นให้ผู้ใช้เป็นทั้งผู้ส่งสารและผู้รับสาร มีส่วนร่วมอย่างสร้างสรรค์ในการผลิตเนื้อหาขึ้นเอง ในรูปแบบของ รูปภาพ ข้อมูล เสียง VDO ผู้คนเชื่อมต่อถึงกันโดยอาศัยสื่อสังคมออนไลน์เป็นตัวเชื่อม อันประกอบไปด้วย Facebook TikTok Youtube Line Instagram จากการเปลี่ยนแปลงของสังคมโลกในยุคปัจจุบันทำให้ผู้คนมีการตื่นตัวในหลายด้านไม่เว้นแม้แต่ด้านการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการมีนโยบายด้านการพลิกโฉมระบบการศึกษาไทยด้วยการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในการจัดการศึกษาในทุกระดับการศึกษา
กระทรวงศึกษาธิการ ได้มีนโยบาย เรียนดี มีความสุข เรียนได้ทุกที่ ทุกเวลา (Anywhere Anytime) เรียนฟรี มีงานทำ ยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง รวมทั้งมีระบบหรือแพลตฟอร์มการเรียนรู้โดยผู้เรียน ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย เพื่อสร้างความเสมอภาคทางการศึกษา ประกอบกับสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน มีนโยบายให้ปรับกระบวนการจัดการเรียนรู้ให้มีคุณภาพ ทันสมัย และ การบริหารจัดการที่มี ประสิทธิภาพ ดังนั้นการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการบริหารจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน และการเรียนรู้ของ ผู้เรียนจึงเป็นสิ่งสำคัญ รวมถึงแพลตฟอร์มการเรียนรู้ที่เป็นแหล่งเรียนรู้เทคโนโลยีดิจิทัล ที่นักเรียน ครูและบุคลากรทางการศึกษา ผู้ปกครองและประชาชน สามารถเรียนรู้ได้ทุกที่ทุกเวลาอย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต เพื่อเป็นการสร้างโอกาสในการเรียนรู้ได้ทุกอย่างเท่าเทียมทั่วถึง และลดความเหลื่อมล้ำในสังคม
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้ตระหนักถึงความสำคัญของการศึกษา โดยได้จัดทำระบบคลังสื่อเทคโนโลยีดิจิทัลระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน (OBEC Content Center) ที่ให้บริการสำหรับผู้ใช้งานตั้งแต่ระดับนักเรียน ครู บุคลากรทางการศึกษา และผู้ใช้งานทั่วไป ได้สามารถเข้าถึงและนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อการเรียนรู้ ระบบคลังสื่อเทคโนโลยีดิจิทัลระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน (OBEC Content Center) เป็นแพลตฟอร์มการเรียนรู้ที่เป็นชุดโปรแกรมรวบรวมเนื้อหาใน 8 ประเภทเนื้อหา ได้แก่ หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ วิดีโอ รูปภาพ เสียง แอฟพลิเคชัน ข้อสอบ เทมเพลต และมัลติมีเดีย โดยสามารถเข้าถึงเนื้อหาได้จากหลากหลายอุปกรณ์ ได้ทุกที่ ทุกเวลา การใช้งานเกี่ยวกับการจัดการเรียนรู้ในระบบคลังสื่อเทคโนโลยีดิจิทัลระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน (OBEC Content Center) แบ่งผู้ใช้งานออกเป็น 2 ประเภท คือ ผู้ใช้สื่อ และผู้สร้างสื่อ ในรูปแบบดิจิทัลแล้วนำสื่อเข้าสู่ระบบคลังสื่อ
จากผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) ปีการศึกษา 2565-2566 ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ในรายวิชาคณิตศาสตร์ ได้คะแนนเฉลี่ยร้อยละ 24.39 , 25.38 ซึ่งต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนด ซึ่งแสดงให้เห็นว่า การจัดการเรียนการสอนคณิตศาสตร์ ยังไม่บรรลุเป้าหมายเท่าที่ควร (สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ 2566)
การเรียนการสอนคณิตศาสตร์ในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เรื่อง อัตราส่วนตรีโกณมิติ เป็นเนื้อหาที่สำคัญต่อการเรียนคณิตศาสตร์ ซึ่งปัญหาที่เกิดจากการเรียนการสอน เรื่อง อัตราส่วนตรีโกณมิติ นักเรียนไม่เข้าใจเนื้อหา และไม่สามารถแก้สมการได้ ซึ่งจะเป็นผลต่อการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ในบทเรียนถัดไปที่ต้องใช้ความรู้เรื่องอัตราส่วนตรีโกณมิติเป็นพื้นฐานในการต่อยอดความรู้ สอดคล้องกับ พรพรหม อัตตวัฒนากุล (2547) ที่กล่าวว่า เด็กส่วนใหญ่ที่แก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ไม่ได้ เกิดจากอ่านโจทย์แล้วไม่เข้าใจว่าจะดำเนินการในทิศทางใด ไม่สามารถเปลี่ยนโจทย์ข้อความมาเป็นประโยคสัญลักษณ์คณิตศาสตร์ ไม่สามารถคิดคำนวณตามที่โจทย์ต้องการได้ ไม่สามารถเขียนรูปแบบออกมาได้ ด้วยเหตุนี้ ครูควรเปลี่ยนแปลงวิธีการจัดประสบการณ์ให้กับนักเรียน จากเดิมที่ครูเป็นศูนย์กลาง ให้มาเป็นกระบวนการเรียนรู้ที่ผู้เรียนได้เรียนอย่างมีความสุข (สุวร กาญจนมยูร, 2541) ซึ่งสอดคล้องกับ ยุพิน พิพิธกุล (2543) ที่กล่าวว่า การเรียนการสอนที่เหมาะสม ในกระบวนการของคณิตศาสตร์ ต้องเข้าใจ ในกระบวนการทางคณิตศาสตร์ ที่ผู้เรียนต้องสร้างความรู้เอง โดยการเรียนจากอุปกรณ์ของจริง ให้มีโอกาสสัมผัสจับต้อง มีสิ่งช่วยให้เด็กเกิดความสนุกสนานระหว่างเรียน พร้อมทั้งมีสิ่งท้าทายให้เด็กอยากรู้อยากเรียน วัฒนาพร ระงับทุกข์ (2542) กล่าวว่า ในปัจจุบันได้มีการนำเทคโนโลยีต่างๆ เข้ามามีส่วนเสริมหรือสนับสนุนการเรียนการสอนอย่างกว้างขวางมากขึ้น เพื่อเป็นทางเลือกให้แก่ครูในการนำเสนอข้อมูลให้แก่นักเรียน ซึ่งการเรียนการสอนโดยใช้เทคโนโลยีประกอบด้วย แบบฝึกทักษะ ชุดการสอน การสอนแบบศูนย์การเรียน คอมพิวเตอร์ช่วยสอน และการใช้บทเรียนสำเร็จรูป
จากประเด็นที่กล่าวมาข้างต้นดังนั้นผู้วิจัยจึงมีวัตถุประสงค์ในการสร้างและพัฒนาบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนในวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง อัตราส่วนตรีโกณมิติ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยใช้กระบวนการสร้างพัฒนารูปแบบแอดดี (ADDIE Model) ประกอบด้วยกิจกรรมในการดำเนินงาน 5 กิจกรรม ได้แก่ การวิเคราะห์ (Analyze) การออกแบบ (Design) การพัฒนา (Develop) การนำไปใช้ (Implement) และการประเมินผล (Evaluate) ซึ่งเมื่อพิจารณาและมีลักษณะคล้ายกระบวน การแก้ปัญหา อย่างเป็นระบบ เริ่มจากการวิเคราะห์ปัญหา (Analyze) การนำเสนอ แนวทางการแก้ปัญหา (Design) การเตรียมการแก้ปัญหา (Develop) การทดลองการแก้ปัญหา (Implement) และสุดท้ายประเมินแนวทาง การแก้ปัญหาว่าประสบความสำเร็จหรือไม่ (Evaluate) รูปแบบ ADDIE นี้ จึงเป็นรูปแบบที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการออกแบบการเรียนรู้ในเรื่องต่าง ๆ ได้อย่างกว้างขวาง โดยมีผู้นิยมนำไปใช้ในการออกแบบสื่อ วัสดุการเรียนการสอน เช่น การออกแบบชุดการเรียนการสอน การออกแบบบทเรียนแบบโปรแกรม เป็นต้น ตลอดจนนำไปใช้ในการออกแบบการเรียนรู้คือ ระบบการศึกษาในชุมชน และการออกแบบการเรียนรู้ในระดับ ห้องเรียน เพื่อพัฒนาผลการเรียนรู้ของนักเรียนในด้านต่าง ๆ ที่จะนำมาใช้ในการจัดการเรียนการสอนว่าจะทำให้นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์เป็นอย่างไรและมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนหรือไม่อย่างไร
วัตถุประสงค์
1) เพื่อศึกษาประสิทธิภาพของกระบวนการและผลลัพธ์ของบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนในวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง อัตราส่วนตรีโกณมิติ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
2) เพื่อศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์โดยใช้บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนในวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง อัตราส่วนตรีโกณมิติ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
3) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์โดยใช้บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนในวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง อัตราส่วนตรีโกณมิติ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียน
บทเรียนที่ได้รับ
ข้อสรุป
1. ได้รับองค์ความรู้เกี่ยวกับการสร้างและพัฒนาบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนในวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง อัตราส่วนตรีโกณมิติ ที่สร้างขึ้นของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
2. ได้รับแนวทางการเรียนรู้ที่ใช้บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนในวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง อัตราส่วนตรีโกณมิติ ที่สร้างขึ้นของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
3. ได้ตัวอย่างของแผนการจัดการเรียนรู้ (แบบปกติ) ที่ใช้บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนในวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง อัตราส่วนตรีโกณมิติ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
ข้อสังเกต
นักเรียนสามารถเรียนรู้วิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง อัตราส่วนตรีโกณมิติ ได้ด้วยตนเอง และสามารถทำแบบทดสอบท้ายหน่วยเพื่อประเมินการเรียนในครั้งนั้นได้ว่าผ่านเกณฑ์เพื่อเข้าสู่เนื้อหาต่อไปหรือไม่
ข้อเสนอแนะ
1. บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนสามารถเพิ่มเติมเนื้อหา และแบบฝึกหัดเก็บคะแนนในรูปแบบ Google Form ได้
2. บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนเป็นระบบออฟไลน์ โดยใช้โปรแกรม PowerPoint ที่สามารถดาวน์โหลดและติดตั้งได้ด้วยตนเอง ซึ่งต้องใช้คอมพิวเตอร์หรือโน้ตบุ๊คในการเรียนเท่านั้น ยังไม่สามารถใช้มือถือออนไลน์ติดตั้งได้
ข้อระมัดระวัง
เปิดนำเสนอตั้งแต่หน้าแรกทุกครั้ง ไม่ควรเปิดนำเสนอเฉพาะหน้า เพราะระบบที่ตั้งค่าให้โปรแกรมรันอัตโนมัติ และบางฟังก์ชั้นอาจไม่ทำงานได้