1. ที่มาและความสำคัญ
คนไทยนั้นมีปัญหามากมายในการออกเสียงภาษาอังกฤษ เนื่องมาจากความ แตกต่างระหว่างระบบเสียงภาษาอังกฤษกับระบบเสียงภาษาไทย ดังนั้นการที่จะให้ผู้เรียนสามารถ ออกเสียงได้ถูกต้องใกล้เคียงกับเจ้าของภาษาและป้องกันมิให้ผู้เรียนออกเสียงผิดจึงควรสร้าง พื้นฐานและปลูกฝังลักษณะนิสัยในการออกเสียงให้ถูกต้องชัดเจนตั้งแต่เด็กในระยะเริ่มต้นหรือ ประถมศึกษา (จีรนันท์ เมฆวงษ์,2547 : 2) ซึ่งวิธีการจัดการเรียนรู้ที่นิยมใช้ คือการอ่านออกเสียง สะกดคำ (Phonics)
เมื่อพิจารณาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2565 ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 พบว่า นักเรียนมีผลการเรียนรู้รายวิชาภาษาอังกฤษอยู่ในระดับต่ำ เนื่องจากขาดทักษะการอ่านออกเสียงสะกดคำ แต่จะใช้วิธีการจำคำศัพท์เป็นคำๆ แล้วเขียนคำอ่านเป็นภาษาไทยกำกับไว้ ทำให้ไม่สามารถอ่านออกเสียงคำศัพท์ที่แตกต่างจากบทเรียนได้ ซึ่งเป็นปัญหาในการจัดการเรียนการสอนภาษาอังกฤษและส่งผลให้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนในรายวิชาภาษาอังกฤษต่ำ ถ้าหากนักเรียนไม่ได้รับการแก้ไขปัญหาจะส่งผลกระทบต่อการเรียนวิชาภาษาอังกฤษในระดับที่สูงขึ้น
ดังนั้น ในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 ที่นักเรียนได้เลื่อนชั้นอยู่ในระดับชั้นประถมศึกษาปี่ที่ 2 ผู้วิจัยจึงได้มองเห็นปัญหาและได้จัดการเรียนรู้และจัดทำแบบฝึกทักษะการอ่านออกเสียงสะกดคำ (Phonics) เพื่อพัฒนานักเรียนให้มีพื้นฐานด้านการอ่านและพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนให้สูงขึ้น
2.วัตถุประสงค์ของการวิจัย
1) เพื่อศึกษาผลการพัฒนาการทักษะอ่านออกเสียงสะกดคำภาษาอังกฤษของนักเรียน
2) เพื่อหาประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะการอ่านออกเสียง สะกดคำภาษาอังกฤษ
3. วิธีดำเนินการวิจัย
1) ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง
1.1 ประชากรที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2
โรงเรียนบ้านตาปรกปีการศึกษา 2566 จำนวน 18 คน
1.2 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในกำรวิจัยครั้งนี้คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2
โรงเรียนบ้านตาปรก ปีการศึกษา 2566 จำนวน 18 คน
โดยใช้วิธีการสุ่มแบบเฉพาะเจาะจง (Purposive Sampling)
เนื่องจากมีนักเรียนร้อยละ 44.44 ของนักเรียนทั้งชั้นเรียนอ่านออกเสียงสะกดคำไม่ได้
2 ) เครื่องมือวิจัย
2.1 บัตรคำศัพท์แยกสี
2.2 แบบทดสอบก่อนเรียน หลังเรียน
4. ผลการวิจัย
จากที่ทดสอบนักเรียนด้านการอ่านออกเสียงสะกดคำโดย ใช้แบบทดสอบก่อนเรียน หลังเรียนแล้วปรากฏผลดังนี้ หลังจากการจัดการเรียนรู้โดยใช้บัตรคำศัพท์แยกสี นักเรียนมีทักษะการอ่านออกเสียงสะกดคำภาษาอังกฤษที่ดีขึ้น พบว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนด้านการ อ่านออกเสียงสะกด
คำภาษาอังกฤษหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน โดยคะแนนการทดสอบการอ่านออกเสียง หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน
5. สรุปผลการวิจัย
ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียน หลังเรียนหลังจากที่ทดสอบนักเรียนด้านการอ่านออกเสียงสะกดคำโดยใช้แบบทดสอบก่อนเรียน หลังเรียนแล้วปรากฏผลดังนี้
หลังจากการจัดการเรียนรู้โดยใช้บัตรคำศัพท์แยกสีนักเรียนมีทักษะการ
อ่านออกเสียงสะกดคำภาษาอังกฤษดีขึ้น
6. ข้อเสนอแนะ
ควรมีการวิจัยเกี่ยวกับการออกเสียงพยัญชนะภาษาอังกฤษที่เป็นปัญหาสำหรับนักเรียน เพื่อแก้ไขปัญหาในการจัดการเรียนการสอน หรือเพื่อศึกษาเป็นกรณีตัวอย่างควรมีการวิจัยเกี่ยวกับการออกเสียงพยัญชนะท้ายคำ (final sound) เนื่องจาก นักเรียนเป็นปัญหามากสำหรับคนไทย เพราะในภาษาไทยไม่มีการออกเสียงพยัญชนะท้ายคำ ควรมีการวิจัยเกี่ยวกับการอ่านออกเสียงประโยค เพื่อให้นักเรียนนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน