ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
การพัฒนาบทเรียนสำเร็จรูป เรื่องการคูณ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4

วัตถุประสงค์ของการศึกษาค้นคว้า

1. เพื่อสร้างและหาประสิทธิภาพของบทเรียนสำเร็จรูป เรื่องการคูณ

กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ตามเกณฑ์มาตรฐาน 80/80

2. เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลังเรียน โดยใช้บทเรียนสำเร็จรูป เรื่องการคูณ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4

3. เพื่อหาดัชนีประสิทธิผลของบทเรียนสำเร็จรูป เรื่องการคูณ

กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4

4. เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนต่อการเรียนโดยใช้บทเรียนสำเร็จรูป เรื่องการคูณ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4

การดำเนินการทดลองและเก็บรวบรวมข้อมูล

1. ให้นักเรียนทำแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนโดยใช้บทเรียนสำเร็จรูป

เรื่องการคูณ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 รวบรวมคะแนนไว้เป็นคะแนนก่อนเรียน

2. ผู้รายงานดำเนินการสอนโดยใช้บทเรียนสำเร็จรูป เรื่องการคูณ

กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ตามแผนการจัดการเรียนรู้ที่วางแผนไว้ และบันทึกคะแนนจากการทำกิจกรรม

3. ให้นักเรียนทำแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียน หลังจากเรียนครบ ทุกแผนการจัดการเรียนรู้แล้วรวบรวมคะแนนไว้เป็นคะแนนหลังเรียน

4. ให้นักเรียนทำแบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อบทเรียนสำเร็จรูป เรื่องการคูณ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 แล้วบันทึก

คะแนนไว้

สรุปผลการศึกษา

ผลการทดลองใช้บทเรียนสำเร็จรูป เรื่องการคูณ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 พบว่า

1. บทเรียนสำเร็จรูป เรื่องการคูณ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์

ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 มีประสิทธิภาพเท่ากับ 82.43/81.45 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดคือ 80/80

2. นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน ซึ่งนักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนเฉลี่ยร้อยละ 47.69 และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนเฉลี่ยร้อยละ 86.35

3. ดัชนีประสิทธิผลของการเรียนด้วยบทเรียนสำเร็จรูป เรื่องการคูณ

กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 มีค่าเท่ากับ 0.7389 แสดงว่านักเรียน

มีความก้าวหน้าทางการเรียนสูงขึ้น 0.7389

4. นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการเรียนด้วยบทเรียนสำเร็จรูป เรื่องการคูณ

กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก (= 4.09)

อภิปรายผล

จากการพัฒนาบทเรียนสำเร็จรูป เรื่องการคูณ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 อภิปรายผลได้ดังนี้

1. บทเรียนสำเร็จรูป เรื่องการคูณ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์

ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 มีประสิทธิภาพเท่ากับ 82.43/81.45 หมายความว่า นักเรียนได้คะแนนเฉลี่ยจากการทำกิจกรรมระหว่างเรียนบทเรียนสำเร็จรูปทั้ง ร้อยละ 82.43และคะแนนเฉลี่ยจากการทำแบบทดสอบหลังเรียนบทเรียนสำเร็จรูปทั้ง ร้อยละ 81.45 แสดงว่า บทเรียนสำเร็จรูปที่ผู้รายงานสร้างขึ้นมีประสิทธิภาพสูงกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้คือ 80/80 ทั้งนี้เนื่องจากบทเรียนสำเร็จรูปมีเนื้อหาสาระที่ผ่านการค้นคว้ามาอย่างละเอียดและถูกต้อง อีกทั้งจัดทำบทเรียนสำเร็จรูปอย่างมีกระบวนการ เป็นขั้นตอนที่ชัดเจน สามารถใช้อ้างเป็นความรู้เพื่อขยายประสบการณ์ตรงของผู้เรียนได้อย่างลึกซึ้ง โดยเฉพาะการส่งเสริมด้านการอ่านและการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ สำหรับขั้นตอนในการสร้างบทเรียนสำเร็จรูปได้มีการเตรียมตัวและมีการวางแผนโดยศึกษาทำความเข้าใจเกี่ยวกับการกำหนดวัตถุประสงค์ พิจารณา วิเคราะห์และสังเคราะห์ในรายละเอียดต่างๆ ขององค์ประกอบตามแนวทางการสร้างบทเรียนสำเร็จรูปตามที่ บุญชม ศรีสะอาด (2552 : 162-164) ได้กล่าวว่า หลักในการสร้างบทเรียนสำเร็จรูปต้องยึดหลักสำคัญ 4 ประการคือ หลักการเรียนรู้เพิ่มทีละน้อย การเรียนรู้จะเกิดขึ้นได้โดย ถ้ามีการจัดแบ่งขั้นตอนของกิจกรรมการเรียนให้เป็นขั้นตอนสั้นๆ เพื่อให้เรียนรู้ขั้นแรกเป็นพื้นฐานเสริมหรือเชื่อมโยงหรือทำให้เกิดการเรียนรู้ในขั้นตอนต่อไป หลักของการมีส่วนร่วมอย่างจริงจัง คือการเรียนรู้จะเกิดได้ดีถ้าผู้เรียนมีกิจกรรมหลักของการรู้ผล การเรียนรู้จะเกิดขึ้นได้ดี ถ้าผู้เรียนได้รู้ผลของการกระทำของตนเอง รู้ว่าสิ่งที่ทำไปถูกหรือผิด ถ้าผิดที่ถูกควรเป็นอย่างไร หลักของความสำเร็จ การเรียนรู้จะเกิดขึ้นได้ดี ถ้าผู้เรียนรู้สึกว่าได้รับความสำเร็จทำได้ถูกต้อง ในทางกลับกัน ถ้าผู้เรียนไม่ได้รับความสำเร็จทำไม่ได้บ่อยๆ ก็จะเกิดความรู้สึกเบื่อหน่าย ท้อถอย ไม่อยากทำ ซึ่งสอดคล้องกับผลการวิจัยของชุลีพร พงศ์วิเศษ (2550 : 75-76) ได้ศึกษาเรื่องการพัฒนาแผน การจัดการเรียนรู้โดยบทเรียนสำเร็จรูปประกอบการ์ตูน กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่องระบบจำนวนเต็ม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 พบว่า

แผนการจัดการเรียนรู้โดยบทเรียนสำเร็จรูปประกอบการ์ตูน กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่องระบบจำนวนเต็ม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่สร้างขึ้น มีประสิทธิภาพเท่ากับ 79.23/78.45 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ 75/75 ที่ตั้งไว้ นอกจากนี้ยังสอดคล้องกับงานวิจัย วิเลิศ สาระภักดี (2547 : 86) ได้ศึกษาการพัฒนาบทเรียนสำเร็จรูปกลุ่มทักษะศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 เรื่องเรื่องการคูณ และการหาร กลุ่มตัวอย่างคือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2546 โรงเรียนบ้านจิก จำนวน 20 คน เครื่องมือที่ใช้คือ บทเรียนสำเร็จรูปกลุ่มทักษะศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 เรื่อง เรื่องการคูณและการหารแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน แบบประเมินความพึงพอใจ แบบประเมินบทเรียนสำเร็จรูปผล การศึกษาค้นคว้าพบว่า บทเรียนสำเร็จรูป กลุ่มทักษะศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 เรื่องเรื่องการคูณและการหาร มีประสิทธิภาพเท่ากับ 85.30/83.83 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ 80/80 เช่นเดียวกับ สุพัตรา อุตรนคร (2553 : 104-105) ได้ศึกษาเรื่องผลการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่องโจทย์ปัญหาเรื่องการคูณและการหาร ชั้นประถมศึกษา ปีที่ 4 โดยใช้บทเรียนสำเร็จรูปประกอบการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือเทคนิค TAI พบว่า แผนการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่อง โจทย์ปัญหาเรื่องการคูณและการหาร ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้บทเรียนสำเร็จรูปประกอบการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค TAI มีประสิทธิภาพ 90.74/87.22 นอกจากนี้ บทเรียนสำเร็จรูป เรื่องการคูณ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดยทดลองใช้กับประชากร พบว่าโดยภาพรวมมีประสิทธิภาพของกระบวนการ(E1) และประสิทธิภาพของผลลัพธ์(E2) เท่ากับ 87.62/84.10 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ 80/80

2. นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนโดยใช้บทเรียนสำเร็จรูป

เรื่องการคูณ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 สูงกว่าก่อนเรียนโดยใช้บทเรียนสำเร็จรูป เรื่องการคูณ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4

ซึ่งนักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนเฉลี่ยร้อยละ 47.69 และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนเฉลี่ยร้อยละ 86.35 แสดงว่าการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนโดยใช้บทเรียนสำเร็จรูป

ทำให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้ได้จริง ทั้งนี้เนื่องจากบทเรียนสำเร็จรูปที่ผู้รายงานสร้างขึ้นเพื่อใช้ในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน สร้างโดยศึกษาหลักการทฤษฎีและเทคนิควิธีการสร้างจากเอกสาร และงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ตลอดจน ได้ศึกษาเนื้อหาในส่วนของกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 เรื่องทบทวนเรื่องการคูณ, เรื่องการคูณจำนวนหนึ่งหลักกับจำนวน ที่มากกว่าสี่หลัก, เรื่องการคูณจำนวนสองหลักกับจำนวนสามหลัก, เรื่องการคูณจำนวนสามหลักกับ

จำนวนสามหลัก, เรื่องการคูณจำนวนหลายหลัก, โจทย์ปัญหาเรื่องการคูณ รวมทั้งบทเรียนสำเร็จรูป

เรื่องการคูณ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ได้ผ่านขั้นตอนพิจารณาความเหมาะสมสอดคล้อง ในด้านต่างๆ จากผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญมีความเห็นว่าบทเรียนสำเร็จรูป เรื่องการคูณ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 มีความเหมาะสมสามารถนำไปทดลองใช้ได้จริง ซึ่งยังสอดคล้องกับผลการวิจัยของ ศิวาพรรณ พาณิชเจริญ (2547 : 79-80) ได้วิจัยการพัฒนาแผนการจัดการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่องเรื่องการคูณและการหารโดยใช้บทเรียนประกอบการ์ตูนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ผลการวิจัยพบว่า บทเรียนประกอบการ์ตูนกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่องเรื่องการคูณและการหาร โดยใช้บทเรียนสำเร็จรูป ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 เช่นเดียวกับ รำใย เติมใจ (2553 : 137) ได้ศึกษาเรื่องการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์ โดยใช้บทเรียนสำเร็จรูปประกอบเทคนิค STAD เรื่องประยุกต์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 กับกิจกรรมการเรียนรู้ปกติ พบว่า กิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้บทเรียนสำเร็จรูปประกอบเทคนิค STAD คณิตศาสตร์ เรื่องบทประยุกต์ ชั้นประถมศึกษา

ปีที่ 6 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์ของนักเรียนที่เรียนโดยใช้บทเรียนสำเร็จรูป ประกอบเทคนิค STAD มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงกว่านักเรียนที่เรียนด้วยกิจกรรมการเรียนรู้ปกติอย่าง

มีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05

3. ดัชนีประสิทธิผลของการเรียนด้วยบทเรียนสำเร็จรูป เรื่องการคูณ

กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 มีค่าเท่ากับ 0.7389 แสดงว่าหลังการเรียน ด้วยบทเรียนสำเร็จรูปที่สร้างขึ้น นักเรียนมีความก้าวหน้าในการเรียนรู้ 0.7389 หรือคิดเป็นร้อยละ 73.89 ทั้งนี้อาจเป็นเพราะว่า บทเรียนสำเร็จรูปที่ผู้รายงานสร้างขึ้นเป็นบทเรียนที่เรียนตามกรอบเนื้อหาจากง่ายไปหายาก ทำให้ผู้เรียนสนใจเรียน ผู้เรียนสามารถเรียนซ้ำเนื้อหาที่ยังไม่เข้าใจได้ด้วยตนเอง ทำให้เกิดทักษะและความคิดรวบยอดในการเรียนรู้ ผู้เรียนสามารถตรวจดูคำตอบ

ได้ด้วยตนเอง นักเรียนจึงทำแบบทดสอบหลังเรียนได้สูงขึ้น สอดคล้องกับผลการวิจัยของ ชุลีพร พงศ์วิเศษ (2550 : 75-76) ได้ศึกษา เรื่องการพัฒนาแผนการจัดการเรียนรู้โดยบทเรียนสำเร็จรูปประกอบการ์ตูน กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่องระบบจำนวนเต็ม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 พบว่า ค่าดัชนีประสิทธิผลของแผนการจัดการเรียนรู้ โดยบทเรียนสำเร็จรูปประกอบการ์ตูน

กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่องระบบจำนวนเต็ม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 มีค่าเท่ากับ 0.6890 แสดงว่านักเรียนมีความก้าวหน้าในการเรียนคิดเป็นร้อยละ 68.90 และยังสอดคล้องกับผลการวิจัยของ สุพัตรา อุตรนคร (2553 : 104-105) ได้ศึกษาเรื่องผลการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่องโจทย์ปัญหาเรื่องการคูณและการหาร ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้บทเรียนสำเร็จรูปประกอบการเรียนรู้ แบบกลุ่มร่วมมือเทคนิค TAI พบว่า ดัชนีประสิทธิผลของการเรียนรู้ด้วยแผนการเรียนรู้คณิตศาสตร์

เรื่องโจทย์ปัญหาเรื่องการคูณและการหาร ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้บทเรียนสำเร็จรูปประกอบ

การเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค TAI มีค่าเท่ากับ 0.7386 แสดงว่านักเรียนมีความก้าวหน้าทาง

การเรียนสูงขึ้น 0.7386 หรือคิดเป็นร้อยละ 73.86

4. ผลการศึกษาด้านความพึงพอใจ นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการเรียนด้วยบทเรียนสำเร็จรูป เรื่องการคูณ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ทั้ง พบว่าโดยภาพรวมนักเรียนมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก(= 4.09) ซึ่งผู้รายงานมีความเห็นว่า แต่เดิมก่อนการเรียนโดยใช้บทเรียนสำเร็จรูป นักเรียนส่วนใหญ่ได้รับการสอนแบบบรรยาย ครูช่วยแก้ปัญหาให้ ซึ่งอาจทำให้นักเรียนเบื่อหน่ายเพราะไม่เข้าใจเนื้อหาที่เรียน แต่การสอนโดยใช้บทเรียนสำเร็จรูป ได้สร้างบรรยากาศที่ดี ส่งเสริมให้นักเรียนเป็นคนกล้าคิด กล้าทำ กล้าแสดงความคิดเห็น นักเรียนทุกคนได้ฝึกการตัดสินใจ สรุปความเห็น กิจกรรมต่างๆ จะทำให้นักเรียน และสมาชิกภายในกลุ่มรู้จักช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น และผู้รายงานก็ช่วยกระตุ้นให้นักเรียนรู้จักคิดวิเคราะห์ ส่งเสริมความสามารถ พร้อมทั้งให้คำชมเชย คำแนะนำ และข้อเสนอแนะต่างๆ เพื่อให้นักเรียนเกิดความรู้สึกอบอุ่น มีความกระตือรือร้น เกิดความชอบ และอยากเรียนรู้ โดยเฉพาะมีความรู้สึกเป็นสุข และมีความสนุกสนานต่อการเรียน ส่งเสริมให้นักเรียนรู้จักคิด และวิเคราะห์เป็น ซึ่งนำไปสู่ให้เกิดความพึงพอใจต่อการเรียนด้วยบทเรียนสำเร็จรูป ซึ่งสอดคล้องกับผลการวิจัยของ พิไลลักษณ์ หงส์มาลา (2551 : 81-82) ได้ศึกษา เรื่องการพัฒนาบทเรียนสำเร็จรูป กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่องเศษส่วนและทศนิยม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 พบว่า ความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่เรียนด้วยบทเรียนสำเร็จรูป กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่องเศษส่วนและทศนิยม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โดยภาพรวมอยู่ในระดับพึงพอใจมาก เช่นเดียวกับ สมศักดิ์ มะทะโจทย์ (2564 : 117) ได้ศึกษา เรื่องการพัฒนาบทเรียนสำเร็จรูป วิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง การบวก ลบ คูณ และหารเศษส่วน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 พบว่า ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการใช้บทเรียนสำเร็จรูป วิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง เศษส่วนและการบวก การลบ เรื่องการคูณ การหารเศษส่วน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โดยรวมมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก (x ̅= 4.39) นอกจากนี้ ศุภสิริ โสมาเกตุ (2544 : 89) กล่าวว่า ในการดำเนินกิจกรรมการเรียนการสอน ความพึงพอใจเป็นสิ่งสำคัญที่จะกระตุ้นให้ผู้เรียนทำงานที่ได้รับมอบหมายหรือที่ต้องการปฏิบัติงานให้บรรลุวัตถุประสงค์ ดังนั้นครูผู้สอนจึงต้องคำนึงถึงความพึงพอใจของผู้เรียน การทำให้ผู้เรียนมีความสุขและเกิดความพึงพอใจในการเรียนรู้หรือปฏิบัติงานจะส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนดีขึ้นด้วย

โพสต์โดย ขวัญ : [12 ก.ค. 2567 (10:34 น.)]
อ่าน [995] ไอพี : 1.0.217.97
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 16,078 ครั้ง
"เนยรักโลก" วลีเด็ดสุดฮิต ที่ฮอตที่สุดในขณะนี้
"เนยรักโลก" วลีเด็ดสุดฮิต ที่ฮอตที่สุดในขณะนี้

เปิดอ่าน 168,275 ครั้ง
งานแกะสลักไม้
งานแกะสลักไม้

เปิดอ่าน 46,846 ครั้ง
บัญชีเงินเดือนข้าราชการพลเรือน
บัญชีเงินเดือนข้าราชการพลเรือน

เปิดอ่าน 29,667 ครั้ง
ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับการสื่อสารข้อมูล
ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับการสื่อสารข้อมูล

เปิดอ่าน 18,541 ครั้ง
มารู้จัก GAT และ PAT กันดีกว่า
มารู้จัก GAT และ PAT กันดีกว่า

เปิดอ่าน 406,013 ครั้ง
ดาวน์โหลด แบบฝึกเพื่อพัฒนาทักษะการคิดเลขเร็ว ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-6
ดาวน์โหลด แบบฝึกเพื่อพัฒนาทักษะการคิดเลขเร็ว ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-6

เปิดอ่าน 18,065 ครั้ง
งานประเพณีรับบัว 2552
งานประเพณีรับบัว 2552

เปิดอ่าน 19,382 ครั้ง
3 ปีมีครั้ง! เฮ 28 พ.ย. "ฤกษ์รับทรัพย์" หมอช้างแนะปรับฮวงจุ้ย เปลี่ยนกระเป๋าตังค์ใหม่สุดเฮง
3 ปีมีครั้ง! เฮ 28 พ.ย. "ฤกษ์รับทรัพย์" หมอช้างแนะปรับฮวงจุ้ย เปลี่ยนกระเป๋าตังค์ใหม่สุดเฮง

เปิดอ่าน 10,743 ครั้ง
นับถอยหลังทั้งกาย-ใจ เทศกาลกินเจ ทำกุศลเพื่อ สุขภาพ
นับถอยหลังทั้งกาย-ใจ เทศกาลกินเจ ทำกุศลเพื่อ สุขภาพ

เปิดอ่าน 17,068 ครั้ง
หญ้าแฝก
หญ้าแฝก

เปิดอ่าน 13,998 ครั้ง
น้ำตกแปลก แหวกแนว มหัศจรรย์ลีลาแห่งสายน้ำ
น้ำตกแปลก แหวกแนว มหัศจรรย์ลีลาแห่งสายน้ำ

เปิดอ่าน 33,898 ครั้ง
ขนาดของหน่วยความจำและขนาดของภาพเมื่อนำไปอัด
ขนาดของหน่วยความจำและขนาดของภาพเมื่อนำไปอัด

เปิดอ่าน 36,608 ครั้ง
เผยสำรวจพบ8อาชีพมีรายได้เกินแสน นักบิน เงินเดือนสูงสุด
เผยสำรวจพบ8อาชีพมีรายได้เกินแสน นักบิน เงินเดือนสูงสุด

เปิดอ่าน 74,860 ครั้ง
World Wide Web คืออะไร
World Wide Web คืออะไร

เปิดอ่าน 9,191 ครั้ง
"สู่แสงสว่าง" หัวใจส่องเลนส์
"สู่แสงสว่าง" หัวใจส่องเลนส์

เปิดอ่าน 7,716 ครั้ง
เปิด 10 ธุรกิจเด่นปี59 สุขภาพและความงามยังครองแชมป์
เปิด 10 ธุรกิจเด่นปี59 สุขภาพและความงามยังครองแชมป์
เปิดอ่าน 15,897 ครั้ง
ไขมันพืช (น้ำมันปาล์ม) สาเหตุหนึ่งของอาการป่วยทางสมอง
ไขมันพืช (น้ำมันปาล์ม) สาเหตุหนึ่งของอาการป่วยทางสมอง
เปิดอ่าน 18,254 ครั้ง
Windows XP มีโปรแกรมซ่อนอยู่ตั้ง 23 โปรแกรม
Windows XP มีโปรแกรมซ่อนอยู่ตั้ง 23 โปรแกรม
เปิดอ่าน 28,125 ครั้ง
ข้อเสนอเชิงนโยบายการพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษา (2553)
ข้อเสนอเชิงนโยบายการพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษา (2553)
เปิดอ่าน 11,426 ครั้ง
ว้าว น่าสนใจ คลิปวีดิโอ 7 เทคนิค ถ่ายรูปด้วยสมาร์ทโฟนให้สนุกขึ้น
ว้าว น่าสนใจ คลิปวีดิโอ 7 เทคนิค ถ่ายรูปด้วยสมาร์ทโฟนให้สนุกขึ้น

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ