วัตถุประสงค์ของการศึกษาค้นคว้า
1. เพื่อสร้างและหาประสิทธิภาพของบทเรียนสำเร็จรูป เรื่องการคูณ
กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ตามเกณฑ์มาตรฐาน 80/80
2. เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลังเรียน โดยใช้บทเรียนสำเร็จรูป เรื่องการคูณ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4
3. เพื่อหาดัชนีประสิทธิผลของบทเรียนสำเร็จรูป เรื่องการคูณ
กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4
4. เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนต่อการเรียนโดยใช้บทเรียนสำเร็จรูป เรื่องการคูณ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4
การดำเนินการทดลองและเก็บรวบรวมข้อมูล
1. ให้นักเรียนทำแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนโดยใช้บทเรียนสำเร็จรูป
เรื่องการคูณ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 รวบรวมคะแนนไว้เป็นคะแนนก่อนเรียน
2. ผู้รายงานดำเนินการสอนโดยใช้บทเรียนสำเร็จรูป เรื่องการคูณ
กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ตามแผนการจัดการเรียนรู้ที่วางแผนไว้ และบันทึกคะแนนจากการทำกิจกรรม
3. ให้นักเรียนทำแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียน หลังจากเรียนครบ ทุกแผนการจัดการเรียนรู้แล้วรวบรวมคะแนนไว้เป็นคะแนนหลังเรียน
4. ให้นักเรียนทำแบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อบทเรียนสำเร็จรูป เรื่องการคูณ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 แล้วบันทึก
คะแนนไว้
สรุปผลการศึกษา
ผลการทดลองใช้บทเรียนสำเร็จรูป เรื่องการคูณ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 พบว่า
1. บทเรียนสำเร็จรูป เรื่องการคูณ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 มีประสิทธิภาพเท่ากับ 82.43/81.45 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดคือ 80/80
2. นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน ซึ่งนักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนเฉลี่ยร้อยละ 47.69 และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนเฉลี่ยร้อยละ 86.35
3. ดัชนีประสิทธิผลของการเรียนด้วยบทเรียนสำเร็จรูป เรื่องการคูณ
กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 มีค่าเท่ากับ 0.7389 แสดงว่านักเรียน
มีความก้าวหน้าทางการเรียนสูงขึ้น 0.7389
4. นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการเรียนด้วยบทเรียนสำเร็จรูป เรื่องการคูณ
กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก (= 4.09)
อภิปรายผล
จากการพัฒนาบทเรียนสำเร็จรูป เรื่องการคูณ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 อภิปรายผลได้ดังนี้
1. บทเรียนสำเร็จรูป เรื่องการคูณ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 มีประสิทธิภาพเท่ากับ 82.43/81.45 หมายความว่า นักเรียนได้คะแนนเฉลี่ยจากการทำกิจกรรมระหว่างเรียนบทเรียนสำเร็จรูปทั้ง ร้อยละ 82.43และคะแนนเฉลี่ยจากการทำแบบทดสอบหลังเรียนบทเรียนสำเร็จรูปทั้ง ร้อยละ 81.45 แสดงว่า บทเรียนสำเร็จรูปที่ผู้รายงานสร้างขึ้นมีประสิทธิภาพสูงกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้คือ 80/80 ทั้งนี้เนื่องจากบทเรียนสำเร็จรูปมีเนื้อหาสาระที่ผ่านการค้นคว้ามาอย่างละเอียดและถูกต้อง อีกทั้งจัดทำบทเรียนสำเร็จรูปอย่างมีกระบวนการ เป็นขั้นตอนที่ชัดเจน สามารถใช้อ้างเป็นความรู้เพื่อขยายประสบการณ์ตรงของผู้เรียนได้อย่างลึกซึ้ง โดยเฉพาะการส่งเสริมด้านการอ่านและการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ สำหรับขั้นตอนในการสร้างบทเรียนสำเร็จรูปได้มีการเตรียมตัวและมีการวางแผนโดยศึกษาทำความเข้าใจเกี่ยวกับการกำหนดวัตถุประสงค์ พิจารณา วิเคราะห์และสังเคราะห์ในรายละเอียดต่างๆ ขององค์ประกอบตามแนวทางการสร้างบทเรียนสำเร็จรูปตามที่ บุญชม ศรีสะอาด (2552 : 162-164) ได้กล่าวว่า หลักในการสร้างบทเรียนสำเร็จรูปต้องยึดหลักสำคัญ 4 ประการคือ หลักการเรียนรู้เพิ่มทีละน้อย การเรียนรู้จะเกิดขึ้นได้โดย ถ้ามีการจัดแบ่งขั้นตอนของกิจกรรมการเรียนให้เป็นขั้นตอนสั้นๆ เพื่อให้เรียนรู้ขั้นแรกเป็นพื้นฐานเสริมหรือเชื่อมโยงหรือทำให้เกิดการเรียนรู้ในขั้นตอนต่อไป หลักของการมีส่วนร่วมอย่างจริงจัง คือการเรียนรู้จะเกิดได้ดีถ้าผู้เรียนมีกิจกรรมหลักของการรู้ผล การเรียนรู้จะเกิดขึ้นได้ดี ถ้าผู้เรียนได้รู้ผลของการกระทำของตนเอง รู้ว่าสิ่งที่ทำไปถูกหรือผิด ถ้าผิดที่ถูกควรเป็นอย่างไร หลักของความสำเร็จ การเรียนรู้จะเกิดขึ้นได้ดี ถ้าผู้เรียนรู้สึกว่าได้รับความสำเร็จทำได้ถูกต้อง ในทางกลับกัน ถ้าผู้เรียนไม่ได้รับความสำเร็จทำไม่ได้บ่อยๆ ก็จะเกิดความรู้สึกเบื่อหน่าย ท้อถอย ไม่อยากทำ ซึ่งสอดคล้องกับผลการวิจัยของชุลีพร พงศ์วิเศษ (2550 : 75-76) ได้ศึกษาเรื่องการพัฒนาแผน การจัดการเรียนรู้โดยบทเรียนสำเร็จรูปประกอบการ์ตูน กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่องระบบจำนวนเต็ม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 พบว่า
แผนการจัดการเรียนรู้โดยบทเรียนสำเร็จรูปประกอบการ์ตูน กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่องระบบจำนวนเต็ม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่สร้างขึ้น มีประสิทธิภาพเท่ากับ 79.23/78.45 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ 75/75 ที่ตั้งไว้ นอกจากนี้ยังสอดคล้องกับงานวิจัย วิเลิศ สาระภักดี (2547 : 86) ได้ศึกษาการพัฒนาบทเรียนสำเร็จรูปกลุ่มทักษะศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 เรื่องเรื่องการคูณ และการหาร กลุ่มตัวอย่างคือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2546 โรงเรียนบ้านจิก จำนวน 20 คน เครื่องมือที่ใช้คือ บทเรียนสำเร็จรูปกลุ่มทักษะศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 เรื่อง เรื่องการคูณและการหารแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน แบบประเมินความพึงพอใจ แบบประเมินบทเรียนสำเร็จรูปผล การศึกษาค้นคว้าพบว่า บทเรียนสำเร็จรูป กลุ่มทักษะศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 เรื่องเรื่องการคูณและการหาร มีประสิทธิภาพเท่ากับ 85.30/83.83 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ 80/80 เช่นเดียวกับ สุพัตรา อุตรนคร (2553 : 104-105) ได้ศึกษาเรื่องผลการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่องโจทย์ปัญหาเรื่องการคูณและการหาร ชั้นประถมศึกษา ปีที่ 4 โดยใช้บทเรียนสำเร็จรูปประกอบการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือเทคนิค TAI พบว่า แผนการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่อง โจทย์ปัญหาเรื่องการคูณและการหาร ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้บทเรียนสำเร็จรูปประกอบการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค TAI มีประสิทธิภาพ 90.74/87.22 นอกจากนี้ บทเรียนสำเร็จรูป เรื่องการคูณ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดยทดลองใช้กับประชากร พบว่าโดยภาพรวมมีประสิทธิภาพของกระบวนการ(E1) และประสิทธิภาพของผลลัพธ์(E2) เท่ากับ 87.62/84.10 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ 80/80
2. นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนโดยใช้บทเรียนสำเร็จรูป
เรื่องการคูณ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 สูงกว่าก่อนเรียนโดยใช้บทเรียนสำเร็จรูป เรื่องการคูณ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4
ซึ่งนักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนเฉลี่ยร้อยละ 47.69 และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนเฉลี่ยร้อยละ 86.35 แสดงว่าการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนโดยใช้บทเรียนสำเร็จรูป
ทำให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้ได้จริง ทั้งนี้เนื่องจากบทเรียนสำเร็จรูปที่ผู้รายงานสร้างขึ้นเพื่อใช้ในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน สร้างโดยศึกษาหลักการทฤษฎีและเทคนิควิธีการสร้างจากเอกสาร และงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ตลอดจน ได้ศึกษาเนื้อหาในส่วนของกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 เรื่องทบทวนเรื่องการคูณ, เรื่องการคูณจำนวนหนึ่งหลักกับจำนวน ที่มากกว่าสี่หลัก, เรื่องการคูณจำนวนสองหลักกับจำนวนสามหลัก, เรื่องการคูณจำนวนสามหลักกับ
จำนวนสามหลัก, เรื่องการคูณจำนวนหลายหลัก, โจทย์ปัญหาเรื่องการคูณ รวมทั้งบทเรียนสำเร็จรูป
เรื่องการคูณ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ได้ผ่านขั้นตอนพิจารณาความเหมาะสมสอดคล้อง ในด้านต่างๆ จากผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญมีความเห็นว่าบทเรียนสำเร็จรูป เรื่องการคูณ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 มีความเหมาะสมสามารถนำไปทดลองใช้ได้จริง ซึ่งยังสอดคล้องกับผลการวิจัยของ ศิวาพรรณ พาณิชเจริญ (2547 : 79-80) ได้วิจัยการพัฒนาแผนการจัดการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่องเรื่องการคูณและการหารโดยใช้บทเรียนประกอบการ์ตูนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ผลการวิจัยพบว่า บทเรียนประกอบการ์ตูนกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่องเรื่องการคูณและการหาร โดยใช้บทเรียนสำเร็จรูป ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 เช่นเดียวกับ รำใย เติมใจ (2553 : 137) ได้ศึกษาเรื่องการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์ โดยใช้บทเรียนสำเร็จรูปประกอบเทคนิค STAD เรื่องประยุกต์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 กับกิจกรรมการเรียนรู้ปกติ พบว่า กิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้บทเรียนสำเร็จรูปประกอบเทคนิค STAD คณิตศาสตร์ เรื่องบทประยุกต์ ชั้นประถมศึกษา
ปีที่ 6 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์ของนักเรียนที่เรียนโดยใช้บทเรียนสำเร็จรูป ประกอบเทคนิค STAD มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงกว่านักเรียนที่เรียนด้วยกิจกรรมการเรียนรู้ปกติอย่าง
มีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
3. ดัชนีประสิทธิผลของการเรียนด้วยบทเรียนสำเร็จรูป เรื่องการคูณ
กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 มีค่าเท่ากับ 0.7389 แสดงว่าหลังการเรียน ด้วยบทเรียนสำเร็จรูปที่สร้างขึ้น นักเรียนมีความก้าวหน้าในการเรียนรู้ 0.7389 หรือคิดเป็นร้อยละ 73.89 ทั้งนี้อาจเป็นเพราะว่า บทเรียนสำเร็จรูปที่ผู้รายงานสร้างขึ้นเป็นบทเรียนที่เรียนตามกรอบเนื้อหาจากง่ายไปหายาก ทำให้ผู้เรียนสนใจเรียน ผู้เรียนสามารถเรียนซ้ำเนื้อหาที่ยังไม่เข้าใจได้ด้วยตนเอง ทำให้เกิดทักษะและความคิดรวบยอดในการเรียนรู้ ผู้เรียนสามารถตรวจดูคำตอบ
ได้ด้วยตนเอง นักเรียนจึงทำแบบทดสอบหลังเรียนได้สูงขึ้น สอดคล้องกับผลการวิจัยของ ชุลีพร พงศ์วิเศษ (2550 : 75-76) ได้ศึกษา เรื่องการพัฒนาแผนการจัดการเรียนรู้โดยบทเรียนสำเร็จรูปประกอบการ์ตูน กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่องระบบจำนวนเต็ม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 พบว่า ค่าดัชนีประสิทธิผลของแผนการจัดการเรียนรู้ โดยบทเรียนสำเร็จรูปประกอบการ์ตูน
กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่องระบบจำนวนเต็ม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 มีค่าเท่ากับ 0.6890 แสดงว่านักเรียนมีความก้าวหน้าในการเรียนคิดเป็นร้อยละ 68.90 และยังสอดคล้องกับผลการวิจัยของ สุพัตรา อุตรนคร (2553 : 104-105) ได้ศึกษาเรื่องผลการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่องโจทย์ปัญหาเรื่องการคูณและการหาร ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้บทเรียนสำเร็จรูปประกอบการเรียนรู้ แบบกลุ่มร่วมมือเทคนิค TAI พบว่า ดัชนีประสิทธิผลของการเรียนรู้ด้วยแผนการเรียนรู้คณิตศาสตร์
เรื่องโจทย์ปัญหาเรื่องการคูณและการหาร ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้บทเรียนสำเร็จรูปประกอบ
การเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค TAI มีค่าเท่ากับ 0.7386 แสดงว่านักเรียนมีความก้าวหน้าทาง
การเรียนสูงขึ้น 0.7386 หรือคิดเป็นร้อยละ 73.86
4. ผลการศึกษาด้านความพึงพอใจ นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการเรียนด้วยบทเรียนสำเร็จรูป เรื่องการคูณ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ทั้ง พบว่าโดยภาพรวมนักเรียนมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก(= 4.09) ซึ่งผู้รายงานมีความเห็นว่า แต่เดิมก่อนการเรียนโดยใช้บทเรียนสำเร็จรูป นักเรียนส่วนใหญ่ได้รับการสอนแบบบรรยาย ครูช่วยแก้ปัญหาให้ ซึ่งอาจทำให้นักเรียนเบื่อหน่ายเพราะไม่เข้าใจเนื้อหาที่เรียน แต่การสอนโดยใช้บทเรียนสำเร็จรูป ได้สร้างบรรยากาศที่ดี ส่งเสริมให้นักเรียนเป็นคนกล้าคิด กล้าทำ กล้าแสดงความคิดเห็น นักเรียนทุกคนได้ฝึกการตัดสินใจ สรุปความเห็น กิจกรรมต่างๆ จะทำให้นักเรียน และสมาชิกภายในกลุ่มรู้จักช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น และผู้รายงานก็ช่วยกระตุ้นให้นักเรียนรู้จักคิดวิเคราะห์ ส่งเสริมความสามารถ พร้อมทั้งให้คำชมเชย คำแนะนำ และข้อเสนอแนะต่างๆ เพื่อให้นักเรียนเกิดความรู้สึกอบอุ่น มีความกระตือรือร้น เกิดความชอบ และอยากเรียนรู้ โดยเฉพาะมีความรู้สึกเป็นสุข และมีความสนุกสนานต่อการเรียน ส่งเสริมให้นักเรียนรู้จักคิด และวิเคราะห์เป็น ซึ่งนำไปสู่ให้เกิดความพึงพอใจต่อการเรียนด้วยบทเรียนสำเร็จรูป ซึ่งสอดคล้องกับผลการวิจัยของ พิไลลักษณ์ หงส์มาลา (2551 : 81-82) ได้ศึกษา เรื่องการพัฒนาบทเรียนสำเร็จรูป กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่องเศษส่วนและทศนิยม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 พบว่า ความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่เรียนด้วยบทเรียนสำเร็จรูป กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่องเศษส่วนและทศนิยม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โดยภาพรวมอยู่ในระดับพึงพอใจมาก เช่นเดียวกับ สมศักดิ์ มะทะโจทย์ (2564 : 117) ได้ศึกษา เรื่องการพัฒนาบทเรียนสำเร็จรูป วิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง การบวก ลบ คูณ และหารเศษส่วน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 พบว่า ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการใช้บทเรียนสำเร็จรูป วิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง เศษส่วนและการบวก การลบ เรื่องการคูณ การหารเศษส่วน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โดยรวมมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก (x ̅= 4.39) นอกจากนี้ ศุภสิริ โสมาเกตุ (2544 : 89) กล่าวว่า ในการดำเนินกิจกรรมการเรียนการสอน ความพึงพอใจเป็นสิ่งสำคัญที่จะกระตุ้นให้ผู้เรียนทำงานที่ได้รับมอบหมายหรือที่ต้องการปฏิบัติงานให้บรรลุวัตถุประสงค์ ดังนั้นครูผู้สอนจึงต้องคำนึงถึงความพึงพอใจของผู้เรียน การทำให้ผู้เรียนมีความสุขและเกิดความพึงพอใจในการเรียนรู้หรือปฏิบัติงานจะส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนดีขึ้นด้วย