ชื่อเรื่อง การพัฒนารูปแบบการนิเทศ เพื่อส่งเสริมความสามารถของครูในการจัดการเรียนรู้เชิงรุก
(Active Learning) เพื่อพัฒนาทักษะการคิดพื้นฐานของเด็กปฐมวัย สังกัดสำนักงาน
เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานราธิวาส เขต 2
ผู้วิจัย นางสาวธิติมา เรืองสกุล ตำแหน่ง ศึกษานิเทศก์ วิทยฐานะ ชำนาญการพิเศษ
สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานราธิวาส เขต 2
ปีที่วิจัย 2563-2564
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ ดังนี้ 1) เพื่อศึกษาแนวทางการนิเทศ เพื่อส่งเสริมความสามารถของครูในการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) เพื่อพัฒนาทักษะการคิดพื้นฐานของเด็กปฐมวัย 2) เพื่อสร้างรูปแบบการนิเทศ เพื่อส่งเสริมความสามารถของครูในการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) เพื่อพัฒนาทักษะการคิดพื้นฐานของเด็กปฐมวัย 3) เพื่อทดลองใช้รูปแบบการนิเทศ เพื่อส่งเสริมความสามารถของครูในการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) เพื่อพัฒนาทักษะ การคิดพื้นฐานของเด็กปฐมวัย และ 4) เพื่อประเมินรูปแบบการนิเทศ เพื่อส่งเสริมความสามารถ ของครูในการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) เพื่อพัฒนาทักษะการคิดพื้นฐานของเด็กปฐมวัย การดำเนินการวิจัย ใช้รูปแบบการวิจัยและพัฒนา (Research and Development) มี 4 ขั้นตอน คือ ขั้นที่ 1 การศึกษาข้อมูลพื้นฐาน ขั้นที่ 2 การสร้างและตรวจสอบคุณภาพรูปแบบการนิเทศ ขั้นที่ 3 การทดลองใช้รูปแบบการนิเทศ กลุ่มผู้ให้ข้อมูล เป็นผู้บริหารสถานศึกษาและครูผู้สอนระดับปฐมวัยจำนวน 89 คน แบ่งเป็น ผู้บริหารสถานศึกษา จำนวน 31 คน และครูผู้สอนระดับปฐมวัย จำนวน 58 คนของโรงเรียนในศูนย์เครือข่ายอำเภอสุไหงปาดี สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานราธิวาส เขต 2 ปีการศึกษา 2564 จำนวน 31 โรงเรียน ซึ่งเป็นโรงเรียนในการดูแลรับผิดชอบด้านการนิเทศของผู้วิจัย ได้มาด้วยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) และขั้นที่ 4 การประเมินรูปแบบการนิเทศ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ คู่มือการใช้รูปแบบการนิเทศ เครื่องมือที่ใช้ ในการรวบรวมข้อมูล ได้แก่ แบบวิเคราะห์เอกสาร แบบสัมภาษณ์ แบบบันทึกการสนทนากลุ่ม แบบทดสอบ แบบประเมินความสามารถในการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) แบบประเมินความเป็นประโยชน์ ความเป็นไปได้ ความเหมาะสมและความถูกต้อง และแบบสอบถามความพึงพอใจ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ประกอบด้วย สถิติพื้นฐาน ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน สถิติที่ใช้ในการทดสอบสมมติฐาน ได้แก่ สถิติทดสอบค่าทีประเภท Paired Sample t-test และข้อมูลเชิงคุณภาพใช้วิธีการวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis)
ผลการวิจัย พบว่า
1. ผลการศึกษาแนวทางการนิเทศ เพื่อส่งเสริมความสามารถของครูในการจัดการเรียนรู้ เชิงรุก (Active Learning) เพื่อพัฒนาทักษะการคิดพื้นฐานของเด็กปฐมวัย สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานราธิวาส เขต 2 พบว่า โดยรวม มีการดำเนินงานในระดับมาก (x̄ = 4.44, S.D. =0.56) เมื่อพิจารณารายด้าน พบว่า ด้านการจัดสภาพแวดล้อมภายในและภายนอกห้องเรียน มีระดับการดำเนินงานค่าเฉลี่ยสูงที่สุด รองลงมาคือ ด้านการบริหารจัดการหลักสูตร ด้านการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ และด้านการประเมินพัฒนาการเด็ก ตามลำดับ และครูต้องการให้โรงเรียน มีการประเมินผลการใช้หลักสูตรอย่างต่อเนื่อง มีแผนการนิเทศ ติดตามและให้การช่วยเหลือครูด้านการจัดประสบการณ์ตามหลักสูตรให้เป็นไปอย่างราบรื่นและสม่ำเสมอ จากการสัมภาษณ์ แนวทางการพัฒนาการนิเทศ พบว่า สถานศึกษาควรให้ความสำคัญกับการจัดประสบการณ์ การเรียนรู้ที่สอดคล้องกับสภาพการจัดการศึกษาปฐมวัยในปัจจุบัน การนิเทศ ติดตาม การชี้แนะแนวทางในการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) เพื่อพัฒนาการจัดกระบวนการเรียนรู้ของครูอย่างจริงจัง เพื่อส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษาระดับปฐมวัย
2. ผลการสร้างรูปแบบการนิเทศ เพื่อส่งเสริมความสามารถของครูในการจัดการเรียนรู้ เชิงรุก (Active Learning) เพื่อพัฒนาทักษะการคิดพื้นฐานของเด็กปฐมวัย สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานราธิวาส เขต 2 พบว่า 2.1 รูปแบบการนิเทศ มี 6 องค์ประกอบ ได้แก่ 1) หลักการ 2) วัตถุประสงค์ 3) เนื้อหา 4) กระบวนการนิเทศ 5) การวัดผลและประเมินผล และ 6) ปัจจัยแห่งความสำเร็จ 2.2 ผลการประเมินคุณภาพของรูปแบบการนิเทศโดยผู้ทรงคุณวุฒิ พบว่า รูปแบบการนิเทศ มีความเหมาะสมอยู่ในระดับมาก (x̄ = 4.50, S.D.= 0.52) และมีความเป็นไปได้ ในการนำไปใช้ประโยชน์อยู่ในระดับมากที่สุด (x̄ = 4.53, S.D.= 0.50)
3. ผลการใช้รูปแบบการนิเทศ เพื่อส่งเสริมความสามารถของครูในการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) เพื่อพัฒนาทักษะการคิดพื้นฐานของเด็กปฐมวัย สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานราธิวาส เขต 2 พบว่า
3.1 โรงเรียนในศูนย์เครือข่ายอำเภอสุไหงปาดี สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานราธิวาส เขต 2 มีการปฏิบัติด้านการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) เพื่อพัฒนาทักษะการคิดพื้นฐานของเด็กปฐมวัย อยู่ในระดับดีมาก (x̄ = 4.49, S.D.= 0.50) หรือคิดเป็นร้อยละ 89.82
3.2 ครูผู้รับการนิเทศ มีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) เพื่อพัฒนาทักษะการคิดพื้นฐานของเด็กปฐมวัย หลังได้รับการนิเทศโดยใช้รูปแบบการนิเทศสูงกว่าก่อนการนิเทศโดยใช้รูปแบบการนิเทศอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
3.3 ครูผู้รับการนิเทศ มีความสามารถในการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) เพื่อพัฒนาทักษะการคิดพื้นฐานของเด็กปฐมวัย หลังการนิเทศสูงกว่าก่อนการนิเทศโดยใช้รูปแบบ การนิเทศ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ทั้ง 4 ด้าน ได้แก่ การออกแบบการจัดการเรียนรู้ การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ การใช้สื่อและแหล่งเรียนรู้ และการวัดและประเมินผล
3.4 เด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ตามแนวทางการจัดการเรียนรู้ เชิงรุก (Active Learning) จากครูผู้รับการนิเทศ มีผลการประเมินทักษะการคิดพื้นฐานอยู่ในระดับ ดีมาก คิดเป็นร้อยละ 84.27
4. ผลการประเมินรูปแบบการนิเทศ เพื่อส่งเสริมความสามารถของครูในการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) เพื่อพัฒนาทักษะการคิดพื้นฐานของเด็กปฐมวัย สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานราธิวาส เขต 2 พบว่า
4.1 ผลการประเมินความเป็นประโยชน์ ความเป็นไปได้ ความเหมาะสมและความถูกต้องของรูปแบบการนิเทศ เพื่อส่งเสริมความสามารถของครูในการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) เพื่อพัฒนาทักษะการคิดพื้นฐานของเด็กปฐมวัย สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานราธิวาส เขต 2 พบว่า โดยรวม รูปแบบการนิเทศ มีความเป็นประโยชน์ ความเป็นไปได้ ความเหมาะสมและความถูกต้อง อยู่ในระดับมาก (x̄ = 4.48, S.D. =0.54)
4.2 ผลการประเมินความพึงพอใจของผู้บริหารสถานศึกษาและครูผู้สอนระดับปฐมวัยต่อรูปแบบการนิเทศ เพื่อส่งเสริมความสามารถของครูในการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) เพื่อพัฒนาทักษะการคิดพื้นฐานของเด็กปฐมวัย สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานราธิวาส เขต 2 พบว่า โดยรวมมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด กลุ่มผู้ให้ข้อมูลที่มีความพึงพอใจในระดับมากที่สุด คือ ครูผู้สอนระดับปฐมวัย (x̄ = 4.54, S.D. =0.50) รองลงมา คือ ผู้บริหารสถานศึกษา (x̄ = 4.52, S.D. =0.51)
4.3 ผลงานรางวัลที่สถานศึกษา ผู้บริหารสถานศึกษาและครูผู้สอนของโรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานราธิวาส เขต 2 ได้รับในปีการศึกษา 2563-2565 พบว่า จำนวนรางวัลของสถานศึกษา จำนวน 9 รายการ ผู้บริหารสถานศึกษา จำนวน 18 รายการ และครูผู้สอน จำนวน 13 รายการ รวมจำนวน 40 รายการ เป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนดคือไม่น้อยกว่า 25 รายการ ผ่านเกณฑ์ตามกำหนดบรรลุตามวัตถุประสงค์ของการดำเนินงาน