วัตถุประสงค์ของการวิจัย
๑. เพื่อพัฒนาความสามารถในการบวก ลบ คูณ หาร เศษส่วน โดยใช้ชุดแบบฝึกทักษะ
๒. เพื่อเปรียบเทียบความสามารถในการบวก ลบ คูณ หาร เศษส่วนก่อนและหลังการใช้ชุดแบบฝึกทักษะ
วิธีดำเนินการวิจัย
ประชากร/กลุ่มตัวอย่าง
- ประชากร ได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๓๕ จังหวัดพังงา จำนวน ๔๔ คน
- กลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๓๕ จังหวัดพังงา ปีการศึกษา ๒๕๖๖ จำนวน ๒๐ คน
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย/นวัตกรรม
- นวัตกรรมที่ใช้ในการฝึก
- ชุดแบบฝึกทักษะ ประกอบไปด้วย แบบฝึกทักษะการบวกเศษส่วน , แบบฝึกทักษะการลบเศษส่วน , แบบฝึกทักษะการคูณเศษส่วน และ แบบฝึกทักษะการหารเศษส่วน
- แบบทดสอบวัดความสามารถในการเรียน การบวก ลบ คูณ หาร เศษส่วน ก่อนและหลังการใช้แบบฝึกทักษะ
ผลการวิจัย
จากการวิจัยพบว่าชุดแบบฝึกทักษะ เป็นนวัตกรรมที่สามารถพัฒนาผลสัมฤทธิ์ในการเรียน เรื่อง การบวก ลบ คูณ หารเศษส่วน ของกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ ให้มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เพิ่มขึ้นร้อยละ ๕๕.๕๐
อภิปรายผล
จากผลการวิจัยแสดงให้เห็นว่าการสอนโดยใช้ชุดแบบฝึกทักษะ เป็นนวัตกรรมที่ส่งเสริมความสามารถ
ทางด้านวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง การบวก ลบ คูณ หารเศษส่วน ทำให้นักเรียนสามารถหาผลลัพธ์ของเศษส่วนได้
เนื่องจากเมื่อครูผู้สอนได้อธิบายความรู้พื้นฐาน เกี่ยวกับการแสดงวิธีการหาคำตอบในแบบต่างๆ ให้นักเรียนฟัง
และใช้สื่อนวัตกรรม เพื่อเร้าความสนใจของผู้เรียน ทั้งนี้ได้อธิบายวิธีการใช้สื่อนวัตกรรมอย่างละเอียดและ
ชัดเจนก่อนที่จะให้นักเรียนได้ลงมือปฏิบัติกิจกรรมต่างๆ เพื่อให้นักเรียนสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง และการ
ใช้ชุดแบบฝึกทักษะ แบบซ้ำๆ โดยใช้หลักการนเรียนรู้แบบย้ำทวน จะทำให้นักเรียนเข้าใจใน บทเรียนมากขึ้น
อีกทั้งในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ได้เน้นกระบวนการเรียนการสอนแบบหลากหลาย การเรียนรู้โดยผ่าน
กระบวนการเล่น ที่สนุกสนาน ไม่น่าเบื่อ เน้นให้ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติด้วยตนเอง ทำให้เรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว
ดังนั้นการสอนโดยใช้แบบฝึกทักษะ จึงเหมาะสมที่จะนำไปใช้สอนนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ ในเรื่อง การ
บวก ลบ คูณ หารเศษส่วนได้ เพราะทำให้นักเรียนกลุ่มดังกล่าว มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง