วัตถุประสงค์ของการวิจัย
๑. เพื่อหาความมีประสิทธิภาพของวิธีการสอนเทคนิคกระบนการปฏิบัติ วิชาคอมพิวเตอร์และสารสนเทศเพื่องานอาชีพ ของนักเรียนระดับชั้นประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นปีที่ ๓ สาขาการโรงแรม ให้มีประสิทธิภาพเป็นไปตามเกณฑ์ ๘๐/๘๐
๒. เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียน วิชาคอมพิวเตอร์และสานสนเทศเพื่องานอาชีพ ของนักเรียนระดับชั้นประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นปีที่ ๓สาขาการโรงแรม โดยใช้วิธีการสอนเทคนิคกระบวนการปฏิบัติ
๓. เพื่อทราบระดับความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อวิธีการสอนเทคนิคกระบวนการปฏิบัติ สำหรับนักเรียนระดับชั้นประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นปีที่ ๓สาขาการโรงแรม
กลุ่มเป้าหมาย
นักเรียนระดับชั้นประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นปีที่ ๓ สาขาการโรงแรม โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๓๕ จังหวัดพังงา จำนวน ๑๖ คน
ด้านตัวแปร ( ตัวแปรต้น / ตัวแปรตาม )
ตัวแปรต้น
นักเรียนระดับชั้นประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นปีที่ ๓ สาขาการโรงแรม ภาคเรียนที่ ๑ ปีการศึกษา ๒๕๖6 โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๓๕ จังหวัดพังงา จำนวน ๑๖ คน
ตัวแปรตาม
นักเรียนระดับชั้นประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นปีที่ ๓ สาขาการโรงแรม ภาคเรียนที่ ๑ ปีการศึกษา ๒๕๖6 โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๓๕ จังหวัดพังงา ที่มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคอมพิวเตอร์และสารสนเทศเพื่องานอาชีพ ต่ำกว่าเกณฑ์ ๗๐% จำนวน ๓ คน ซึ่งเป็นการเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง
ผลการวิจัย
๑. เชิงปริมาณ
๑. จากการศึกษาและหาความมีประสิทธิภาพของวิธีการสอนเทคนิคกระบวนการปฏิบัติวิชาคอมพิวเตอร์และสารสนเทศเพื่องานอาชีพของนักเรียนระดับชั้นประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นปีที่ ๒/๑ สาขาการโรงแรม มีประสิทธิภาพเท่ากับ ๘๕.๑๑/๘๗.๕๖ แสดงว่าคุณภาพของเครื่องมือมีประสิทธิภาพเป็นไปตามเกณฑ์ ๘๐/๘๐
๒. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนด้วยวิธีการสอนเทคนิคกระบวนการปฏิบัติ วิชาคอมพิวเตอร์และสารสนเทศเพื่องานอาชีพ รหัสวิชา ง๓๐๒๑๐ สูงกว่าก่อนเรียน
๓. นักเรียนมีความพึงพอใจต่อวิธีการสอนเทคนิคกระบวนการปฏิบัติ วิชาคอมพิวเตอร์และสารสนเทศเพื่องานอาชีพ รหัสวิชา ง๓๐๒๑๐ อยู่ที่ระตับ ๔.๕๙ คือ พอใจมาก
๒. เชิงคุณภาพ ( ผลที่เกิดขึ้นจากการวิจัยในชั้นเรียนนั้นได้ทำให้เกิดมีการพัฒนาไปในด้านความรู้ ความสามารถ พัฒนาด้านพฤติกรรม พัฒนาด้านกระบวนการ ฯ ไปในทิศทางใด )
๑. วิธีการสอนเทคนิคกระบวนการปฏิบัติมีประสิทธิภาพเท่ากับ ๘๕.๑๑/๘๗.๕๖ ซึ่งสูงกว่า เกณฑ์มาตรฐานที่ตั้งไว้หมายความว่า นักเรียนได้คะแนนเฉลี่ยจากการทดสอบหลังเรียนคิดเป็น ร้อยละ ๘๗.๕๖และคะแนนเฉลี่ยจากการทดสอบระหว่างเรียนคิดเป็นร้อยละ ๘๕.๑๑ แสดงว่า วิธีการสอนเทคนิคกระบวนการปฏิบัติเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ ๘๐/๘๐
๒. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนหลังเรียนด้วยวิธีการสอนเทคนิคกระบวนการ ปฏิบัติสูงกว่าก่อนเรียน ซึ่งเป็นไปตามสมมติฐานที่ตั้งไว้
ข้อเสนอแนะ
๑. ในการสอนโดยการใช้เทคนิคการสอนกระบนการปฏิบัติ จะต้องมีอุปกรณ์ หรือวัสดุใช้ในการปฏิบัติที่
เพียงพอกับจำนวนนักเรียน
๒. การมอบหมายงานให้นักเรียน โดยการสอนที่ใช้เทคนิคกระบวนการปฏิบัติ ควรมอบหมายเป็นงานรายบุคคล เพื่อให้นักเรียนทุกคนได้ลงมือปฏิบัติ และฝึกทักษะของตนเองอย่างแท้จริง จึงจะเข้าใจในวิธีการทำมากกว่าการทำงานเป็นกลุ่ม
๓. ในระหว่างการสอนครูควรดูแลนักเรียนอย่างทั่วถึง ควรเดินดูหรือสอบถามนักเรียนเป็นรายบุคคล เพราะนักเรียนบางคนไม่กล้าที่จะยกมือถาม เนื่องจากว่ากลัว