การเรียนการสอนที่ใช้อยู่ในปัจจุบันมีวัตถุประสงค์ประการหนึ่งคือ มุ่งปลูกฝังให้นักเรียนได้ ใฝ่รู้ใฝ่เรียน การปลูกฝังให้นักเรียนรักการแสวงหาความรู้จึงมีความจำเป็นที่ หนังสือ แบบฝึกทักษะต่างๆหรือห้องสมุดจึงเป็นครูคนที่สองของนักเรียน ครูจึงจำเป็นต้องจักหาแหล่งค้นคว้าหาความรู้ให้นักเรียนแทนการเป็นผู้บอก เป็นผู้พูดหรือจัดทำกิจกรรมต่างๆ เอง การส่งเสริมการเรียนให้แก่นักเรียนหาความรู้เพิ่มเติม ทำแบบฝึกหัดเพิ่มเติม จึงมีความจำเป็นในการจัด การเรียนการสอนในปัจจุบัน
ผู้วิจัยได้ศึกษาสภาพปัญหาเกี่ยวกับการเรียนการสอน วิชาวิทยาการคำนวณ พบว่านักเรียน ขาดทักษะในการศึกษาหาความรู้ด้วยตนเอง การฝึกฝนทบทวน การทำการบ้าน การอ่าน ตลอดจนการทำแบบฝึกหัด และค้นคว้าบางเนื้อหามีไม่เพียงพอกับความต้องการของนักเรียน นักเรียนบางส่วนยังมีสมรรถภาพในการเรียนรู้ที่ไม่ดีพอ นักเรียนบางส่วนยังไม่มีนิสัยรักการเรียนรู้ เมื่อรู้สภาพปัญหาแล้ว ก็นำข้อมูลที่ได้มาเป็นแนวทางเสริมการเรียนรู้ พอจะสรุปได้ว่าหนังสือหรือแบบฝึกทักษะพัฒนาการเรียนรู้ หมายถึง หนังสือที่จัดขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เป็นไปในทางส่งเสริมให้ผู้เรียนเกิดการฝึกฝนทักษะในด้านต่างๆ และทำให้รักในการเรียนรู้มากขึ้น
การวิจัยครั้งนี้เป็นการศึกษาเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ของนักเรียนในรายวิชาวิทยาการคำนวณ โดยการใช้กิจกรรมการทำแบบฝึกทักษะ และทำแบบฝึกหัดด้วยตนเองในวิชาที่ครูสอน สำหรับให้นักเรียนศึกษาหาความรู้และมีการช่วยเหลือกันบ้างเล็กน้อย และเพื่อให้นักเรียนเกิดความสนุกสนานเพลิดเพลิน เกิดความซาบซึ้งในคุณค่าของการเรียนรู้ อีกทั้งยังเป็นการช่วยเสริมสร้างทักษะและนิสัยของการเรียนที่ดีให้แก่นักเรียน
วัตถุประสงค์ของการวิจัย
1) เพื่อพัฒนาทักษะการแสวงหาความรู้วิชาวิทยาการคำนวณของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/1
2) เพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาวิทยาการคำนวณของนักเรียนให้สูงขึ้น
สมมติฐานการศึกษา
ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาวิทยาการคำนวณของนักเรียนหลังเรียนด้วยรูปแบบการสอนโดยใช้แบบฝึกทักษะพัฒนาการเรียนรู้สูงกว่าก่อนเรียน
ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาวิทยาการคำนวณที่สูงขึ้น และมีแนวทางในการเรียนที่ดีเพื่อนำมาปรับใช้กับการเรียนของตัวเองได้หลากหลายวิชา
ขอบเขตการวิจัย
ประชากร นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 14 คน
กลุ่มตัวอย่าง นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/1 และ มัธยมศึกษาปีที่ 6/2 จำนวน 14 คน
สรุปและอภิปรายผล
จากการศึกษาและวิเคราะห์การประเมินความคิดเห็นในการทำแบบทดสอบส่งเสริมทักษะสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 แสดงให้เห็นว่า โดยรวมอยู่ในระดับเหมาะสมมาก โดยระดับคะแนนเฉลี่ยก่อนการวิจัย (x ̅) ได้ 5.14 คะแนน และหลังจากการใช้แบบฝึกทักษะมาช่วยในการสอนทำให้ระดับคะแนนเฉลี่ยหลังการวิจัย (x ̅) ได้ 8.43 คะแนน ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 3.29 คะแนน คิดเป็นคะแนนที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 64.00%
พบว่าแบบทดสอบพัฒนาการเรียนรู้เรื่องการแบ่งปันข้อมูล สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ที่ผู้จัดทำได้ทำขึ้นนี้ สามารถช่วยพัฒนาการเรียนรู้ในด้านต่างๆ ให้นักเรียนได้รับประโยชน์ สนุกสนานเพลิดเพลิน นักเรียนจับหลักการในเนื้อหาการเรียนที่ครูสอนได้ และสามารถสรุปความรู้รวมถึงทำแบบฝึกหัดต่างๆ ได้อย่างมั่นใจ รวมทั้งยังนำความรู้ที่ได้จากการทำแบบฝึกทักษะไปประยุกต์ใช้กับตัวนักเรียน โดยดูได้จากผลการประเมินความคิดเห็นของนักเรียนในการจัดหาแบบฝึกทักษะพัฒนาการเรียนรู้
ข้อเสนอแนะ
1. ในการจัดหาแบบฝึกทักษะพัฒนาการเรียนรู้อาจจะใช้เนื้อหาหลายเรื่องที่มากกว่าเรื่องเดียวโดยอาจจะหาเรื่องอื่นๆ มาเพิ่มขึ้น เพื่อช่วยพัฒนาทักษะการเรียนรู้ของนักเรียนให้ได้ผลดีที่สุด
2. ในการวิจัยครั้งต่อไปอาจลดปริมาณของกลุ่มตัวอย่างลง อาจเจาะจงทำการวิจัยกลุ่มนักเรียนที่ขาดทักษะในการอ่าน การคิดวิเคราะห์ เพื่อหาแนวทางในการช่วยเหลือและแก้ไขต่อไป