ผู้วิจัย นางณิรดา บูรณเครือ ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะครูชำนาญการพิเศษ
สถานศึกษา โรงเรียนเทศบาลวัดท่าสะต๋อย อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่
ปีที่ศึกษา 2565
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์การวิจัยเพื่อ (1) เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐานในการสร้างและพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) เพื่อเสริมสร้างทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และจิตวิทยาศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 (2) เพื่อการสร้างและพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) เพื่อเสริมสร้างทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และจิตวิทยาศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 (3) เพื่อทดลองใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) เพื่อเสริมสร้างทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และจิตวิทยาศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 (4) เพื่อประเมินผลการทดลองใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) เพื่อเสริมสร้างทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และจิตวิทยาศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการทดลองใช้รูปแบบเป็นนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 โรงเรียนเทศบาลวัดท่าสะต๋อย จังหวัดเชียงใหม่ ได้มาจากการสุ่มแบบแบ่งกลุ่ม (Cluster Random Sampling) จำนวน 32 คน 1 ห้องเรียน คือ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2/2 เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย (1) รูปแบบและคู่มือการใช้รูปแบบ (2) แผนการจัดการเรียนรู้ (3) แบบสอบถามความพึงพอใจต่อการใช้รูปแบบ (4) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน (4) แบบทดสอบวัดทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ (5) แบบประเมินจิตวิทยาศาสตร์ วิเคราะห์ข้อมูลโดยการหาค่าสถิติร้อยละ (%) ค่าเฉลี่ย(x̄) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) ค่าประสิทธิภาพ หาค่าทีแบบไม่อิสระ (t-test for dependent samples) และการวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis)
ผลการวิจัยสรุปได้ดังนี้
1. ข้อมูลพื้นฐานในการสร้างและพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) เพื่อเสริมสร้างทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และจิตวิทยาศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 พบว่า การเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) เป็นการจัดการเรียนรู้ที่เสริมสร้างทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และจิตวิทยาศาสตร์ สำหรับนักเรียน เนื่องจากได้ศึกษาแนวคิดการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) อาทิ การจัดการเรียนรู้โดยใช้กิจกรรมเป็นฐาน (Activity Based Learning : ABL) การจัดการเรียนรู้แบบสร้างสรรค์เป็นฐาน (Creativity Based Learning : CBL) และการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (Inquiry Based Learning : IBL) มาสังเคราะห์เป็นรูปแบบการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) เป็นการจัดการเรียนรู้ที่เสริมสร้างทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และจิตวิทยาศาสตร์ ซึ่งในกระบวนการเรียนรู้นี้จะเน้นให้นักเรียนตรวจสอบและเชื่อมโยงความรู้เดิมกับความรู้ใหม่ ผ่านกิจกรรมและสื่อการสอนที่หลากหลาย เน้นให้นักเรียนได้สืบค้นความรู้และสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเองผ่านประสบการณ์ในชั้นเรียน เกิดทักษะการนำเสนอความรู้ การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างเพื่อนร่วมชั้นเรียน โดยครูผู้สอนมีหน้าที่แนะนำ ช่วยเหลือ สนับสนุน และกระตุ้นความสนใจของนักเรียน นำไปสู่การพัฒนาทางด้านความรู้ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และการมีจิตวิทยาศาสตร์ของผู้เรียน เนื่องจากเกิดความสุขและความสนุกสนานในชั้นเรียน เกิดประสบการณ์ในการเรียนรู้และสามารถนำความรู้ไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้
2. รูปแบบการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) เพื่อเสริมสร้างทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และจิตวิทยาศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 มีชื่อว่า SASAE Model มี 5 องค์ประกอบ ได้แก่ (1) หลักการ (2) วัตถุประสงค์ (3) กระบวนการจัดการเรียนรู้ ประกอบด้วย 5 ขั้น คือ 1) ขั้นกระตุ้นความสนใจชวนให้คิด (Stimulus: S) 2) ขั้นกิจกรรมน่าค้นหา (Activity: A) 3) ขั้นนำเสนอแบ่งปันความรู้ (Show and Share: S) 4) ขั้นความรู้สู่การนำไปใช้ (Apply: A) 5)
ขั้นประเมินผล (Evaluation: E) (4) การประเมินผล มี 3 ด้าน คือ ด้านผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิทยาศาสตร์ ด้านทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และด้านจิตวิทยาศาสตร์ และ (5) ปัจจัยที่เอื้อต่อการเรียนรู้ มี 2 ด้าน คือ ด้านครู มีความคิดรวบยอด (Concept) ที่ถูกต้องชัดเจน และมีความเข้าใจในการจัดการเรียนรู้ที่ส่งเสริมผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิทยาศาสตร์ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และจิตวิทยาศาสตร์ และด้านนักเรียน จะต้องมีวินัย และความมุ่งมั่นตั้งใจในการเรียนรู้ มีประสิทธิภาพเท่ากับ 83.40/82.61
3. ผลการทดลองใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) เพื่อเสริมสร้างทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และจิตวิทยาศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 พบว่า ขั้นตอนในการจัดการเรียนรู้ส่งเสริมให้นักเรียนมีการพัฒนาทั้งในด้านความรู้ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ควบคู่กับพัฒนาจิตวิทยาศาสตร์ เนื่องจากกระบวนการจัดการเรียนรู้ที่มุ่งเน้นให้ผู้เรียนสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง ผ่านกิจกรรมที่หลากหลายและมีความสนุกสนาน มีความสุขในการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ นักเรียนจะเกิดทักษะในการสืบค้นความรู้ต่างๆ ด้วยตนเอง มีทักษะการนำเสนอความรู้และแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างเพื่อนๆ ในชั้นเรียน เกิดความมันใจและภูมิใจในตนเอง และยังสามารถนำความรู้ที่ได้ไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้อีกด้วย
4. ประสิทธิผลของรูปแบบการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) เพื่อเสริมสร้างทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และจิตวิทยาศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 พบว่า (1) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิทยาศาสตร์ของนักเรียนที่ได้รับการจัดการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) เพื่อเสริมสร้างทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และจิตวิทยาศาสตร์ หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 (2) ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ของนักเรียนที่ได้รับการจัดการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) เพื่อเสริมสร้างทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และจิตวิทยาศาสตร์ หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และ (3) จิตวิทยาศาสตร์ของนักเรียนที่ได้รับการจัดการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) เพื่อเสริมสร้างทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และจิตวิทยาศาสตร์ อยู่ในระดับมากที่สุด ( x̄ =4.71 , S.D.=0.54)