ชื่อเรื่อง รูปแบบการพัฒนาครูตามแนวคิดชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพเพื่อเสริมสร้างความสามารถในการจัดการเรียนรู้เชิงรุกของครูโรงเรียนสะโนวิทยา
ผู้วิจัย นางสาวปิยาภรณ์ สร้อยระย้า
ปีที่วิจัย ปีการศึกษา 2564 - 2566
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาข้อมูลพื้นฐานและความต้องการในการใช้รูปแบบการพัฒนาครูตามแนวคิดชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพเพื่อเสริมสร้างความสามารถในการจัดการเรียนรู้เชิงรุกของครูโรงเรียนสะโนวิทยา 2) เพื่อพัฒนารูปแบบการพัฒนาครูตามแนวคิดชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพเพื่อเสริมสร้างความสามารถในการจัดการเรียนรู้เชิงรุกของครูโรงเรียนสะโนวิทยา 3) เพื่อศึกษาผลการทดลองใช้รูปแบบการพัฒนาครูตามแนวคิดชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพเพื่อเสริมสร้างความสามารถในการจัดการเรียนรู้เชิงรุกของครูโรงเรียนสะโนวิทยา และ 4) เพื่อประเมินประสิทธิผลของรูปแบบการพัฒนาครูตามแนวคิดชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพเพื่อเสริมสร้างความสามารถในการจัดการเรียนรู้เชิงรุกของครูโรงเรียนสะโนวิทยา การวิจัยนี้เป็นการวิจัยและพัฒนา แบ่งออกเป็น 4 ขั้นตอน ได้แก่ ขั้นตอนที่ 1 การศึกษาข้อมูลพื้นฐานและความต้องการ ผู้ให้ข้อมูลสำคัญ คือ 1) ผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 5 คน 2) ครูผู้สอนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ปีการศึกษา 2564 จำนวน 12 คน ได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) แบบวิเคราะห์เอกสาร และ 2) แบบสัมภาษณ์ ขั้นตอนที่ 2 การออกแบบและพัฒนารูปแบบ ผู้ให้ข้อมูลสำคัญ คือ 1) ผู้เชี่ยวชาญในการจัดสัมมนาอิงผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 9 คน 2) ผู้ทรงคุณวุฒิในการประเมินรูปแบบ จำนวน 9 คน ได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) แบบตรวจสอบความเหมาะสมของร่างรูปแบบ 2) แบบประเมินรูปแบบ ขั้นตอนที่ 3 การทดลองใช้รูปแบบ กลุ่มเป้าหมาย คือ 1) ครูผู้สอนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 12 คน และ 2) นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 188 คน ปีการศึกษา 2565 ได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) แบบทดสอบความรู้เกี่ยวกับการจัดการเรียนรู้เชิงรุก 2) แบบประเมินความสามารถในการจัดการเรียนรู้เชิงรุก 3) แบบบันทึกข้อมูลผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน 4) แบบสอบถามความพึงพอใจของครูที่มีต่อรูปแบบฯ 5) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดการเรียนรู้เชิงรุกของครู และขั้นตอนที่ 4 การประเมินประสิทธิผลของรูปแบบ กลุ่มเป้าหมาย คือ 1) ครูผู้สอนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 13 คน และ 2) นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 193 คน ปีการศึกษา 2566 ได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) แบบทดสอบความรู้เกี่ยวกับการจัดการเรียนรู้เชิงรุก 2) แบบประเมินความสามารถในการจัดการเรียนรู้เชิงรุก 3) แบบบันทึกข้อมูลผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน 4) แบบสอบถามความพึงพอใจของครูที่มีต่อรูปแบบการพัฒนาครูฯ และ 5) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดการเรียนรู้เชิงรุกของครู สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน Wilcoxon Signed-Rank Test และการวิเคราะห์เนื้อหา
ผลการวิจัยพบว่า
1. ผลการศึกษาข้อมูลพื้นฐานและความต้องการในการใช้รูปแบบการพัฒนาครูตามแนวคิดชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพเพื่อเสริมสร้างความสามารถในการจัดการเรียนรู้เชิงรุกของครูโรงเรียนสะโนวิทยา มีดังนี้ 1) ข้อมูลพื้นฐาน ได้แก่ แนวคิดเกี่ยวกับการวิจัยและพัฒนา แนวคิดเกี่ยวกับรูปแบบและการพัฒนารูปแบบ แนวคิดเกี่ยวกับการพัฒนาครู แนวคิดเกี่ยวกับชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ และแนวคิดเกี่ยวกับการจัดการเรียนรู้เชิงรุก และ 2) ความต้องการของครู พบว่า 1) ครูต้องการพัฒนาความสามารถในการจัดการเรียนรู้ 2) ครูต้องการใช้วิธีการพัฒนาครูที่หลากหลาย 3) ครูต้องการให้ผู้บริหารสถานศึกษาสนับสนุนทรัพยากรและสิ่งอำนวยความสะดวก 4) การนำแนวคิดชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพมาใช้ในการพัฒนาครู เป็นวิธีการที่จะช่วยพัฒนาความสามารถในการจัดการเรียนรู้ของครูได้เป็นอย่างดี และ 5) ครูคาดหวังว่า หากได้รับการพัฒนาโดยใช้รูปแบบที่พัฒนาขึ้น จะช่วยให้ครูมีความสามารถในการจัดการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น และนักเรียน
มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้น
2. รูปแบบการพัฒนาครูตามแนวคิดชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพเพื่อเสริมสร้างความสามารถในการจัดการเรียนรู้เชิงรุกของครูโรงเรียนสะโนวิทยา ที่พัฒนาขึ้น มีชื่อว่า PC-PLC Model มี 5 องค์ประกอบ ได้แก่ 1) หลักการ 2) วัตถุประสงค์ 3) กระบวนการพัฒนา มี 5 ขั้น ได้แก่ ขั้นที่ 1 การเตรียมความพร้อม (Preparation: P) ขั้นที่ 2 การเรียนรู้ร่วมกัน (Collective learning: C) ขั้นที่ 3 การวางแผนการจัดการเรียนรู้ (Planning: P) ขั้นที่ 4 การจัดการเรียนรู้ (Learning management: L) และขั้นที่ 5 การสะท้อนผลอย่างสร้างสรรค์ (Creative reflection: C) 4) เงื่อนไขความสำเร็จ และ 5) การวัดและประเมินผล และผลการประเมินรูปแบบการพัฒนาครูตามแนวคิดชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพเพื่อเสริมสร้างความสามารถในการจัดการเรียนรู้เชิงรุกของครูโรงเรียนสะโนวิทยา โดยผู้ทรงคุณวุฒิ โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด
3. ผลการทดลองใช้รูปแบบการพัฒนาครูตามแนวคิดชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพเพื่อเสริมสร้างความสามารถในการจัดการเรียนรู้เชิงรุกของครูโรงเรียนสะโนวิทยา พบว่า 3.1) ความรู้เกี่ยวกับการจัดการเรียนรู้เชิงรุกของครูหลังการใช้รูปแบบสูงกว่าก่อนการใช้รูปแบบแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 3.2) ความสามารถในการจัดการเรียนรู้เชิงรุกของครู โดยรวมอยู่ในระดับดี และความสามารถในการจัดการเรียนรู้เชิงรุกของครู ครั้งที่ 1 - 4 มีแนวโน้มสูงขึ้น 3.3) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน โดยรวมคิดเป็นร้อยละ 78.86 สูงกว่าค่าเป้าหมายที่สถานศึกษากำหนด 3.4) ความพึงพอใจของครูที่มีต่อรูปแบบการพัฒนาครูตามแนวคิดชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพเพื่อเสริมสร้างความสามารถในการจัดการเรียนรู้เชิงรุกของครูโรงเรียนสะโนวิทยา โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด และ 3.5) ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดการเรียนรู้เชิงรุกของครู โดยรวมอยู่ในระดับมาก
4. ผลการประเมินประสิทธิผลของรูปแบบการพัฒนาครูตามแนวคิดชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพเพื่อเสริมสร้างความสามารถในการจัดการเรียนรู้เชิงรุกของครูโรงเรียนสะโนวิทยา พบว่า 4.1) ความรู้เกี่ยวกับการจัดการเรียนรู้เชิงรุกของครูหลังการใช้รูปแบบสูงกว่าก่อนการใช้รูปแบบแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 4.2) ความสามารถในการจัดการเรียนรู้เชิงรุกของครู โดยรวมอยู่ในระดับดีมาก และความสามารถในการจัดการเรียนรู้เชิงรุกของครู ครั้งที่ 1 - 4 มีแนวโน้มสูงขึ้น 4.3) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน โดยรวมคิดเป็นร้อยละ 81.52 สูงกว่าค่าเป้าหมายที่สถานศึกษากำหนด 4.4) ความพึงพอใจของครูที่มีต่อรูปแบบการพัฒนาครูตามแนวคิดชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพเพื่อเสริมสร้างความสามารถในการจัดการเรียนรู้เชิงรุกของครูโรงเรียนสะโนวิทยา โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด และ 4.5) ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดการเรียนรู้เชิงรุกของครู โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด