เรื่อง การแก้ปัญหาเด็กจำตัวเลขไม่ได้และไม่รู้ค่าของจำนวน 110 ของนักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 2
โรงเรียนบ้านท่าฬ่อ (ครุฑวิทยากรณ์)
ความเป็นมาและความสำคัญ
การจัดประสบการณ์ด้านสติปัญญาเป็นเรื่องที่สำคัญสำหรับนักเรียนชั้นอนุบาล 2 โดยหลักสูตรสถานศึกษาศึกษาได้กำหนดประสบการณ์สำคัญที่ส่งเสริมพัฒนาการด้านสติปัญญาเป็นการสนับสนุนให้เด็กได้รับรู้ เรียนรู้สิ่งต่างๆรอบตัว ด้วยประสาทสัมผัสทั้งห้า ผ่านการคิด การใช้ภาษา การสังเกต การจำแนกและการเปรียบเทียบ จำนวน มิติสัมพันธ์(พื้นที่/ระยะ) และเวลา จากประสบการณ์ในการจัดการเรียนรู้ของครูผู้สอนพบว่าใน 2 ปีที่ผ่านมา เด็กปฐมวัยมีการจัดการเรียนการสอนแบบ online ช่วงในสถานการณ์โรคติดต่อโควิด-19 ส่งผลให้นักเรียนชั้นอนุบาล 2 ส่วนมากมีปัญหาบอกค่าของจำนวน 110 ไม่ได้ จึงทำให้ เด็กนักเรียนชั้นอนุบาล 2 ไม่สามารถทำแบบฝึกหัดได้ เช่น เติมจำนวนที่ขาดหายไปไม่ได้ บอกค่าของจำนวนที่น้อยกว่า และมากกว่าไม่ได้ แทนค่าจำนวนด้วยตัวเลขไม่ได้ วาดภาพตามจำนวนที่กำหนดให้ไม่ได้ จากปัญหาดังกล่าวข้าพเจ้าจึงแก้ปัญหาโดยพัฒนาชุดฝึกจำนวนตัวเลข 1-10 และแบบฝึกหัดขึ้นมาแก้ไขปัญหาการจำตัวเลขและการไม่รู้ค่าของจำนวน 1-10
วัตถุประสงค์
1.เพื่อแก้ไขปัญหาเด็ก 18 คน ให้สามารถจำตัวเลข 110 ได้
2.เพื่อบอกค่าของจำนวน 110 ได้
ประชากรที่ศึกษา
เด็กนักเรียนชั้นอนุบาล 2 จำนวน 18 คน โรงเรียนบ้านท่าฬ่อ (ครุฑวิทยากรณ์) ตำบลท่าฬ่อ
อำเภอเมือง จังหวัดพิจิตร สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพิจิตร เขต 1
ระยะเวลาในการวิจัย
ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 ระหว่างวันที่ 17 พฤษภาคม 2566 ถึง 1 กันยายน 2566
เครื่องมือในการวิจัย
1. ชุดฝึกการนับจำนวน 110
2. ชุดฝึกการถามและตอบตัวเลขทีละตัว
3. ชุดฝึกการรู้ค่าของจำนวน (แบบฝึกหัดการเขียนตามแบบตัวเลข แบบฝึกหัดการจับคู่ ภาพกับจำนวนที่เท่ากัน แบบฝึกเติมจำนวนที่ขาดหายไป แบบฝึกหัดหาค่าของจำนวน มากกว่า หรือน้อยกว่า แบบฝึกหัดวาดภาพตามจำนวนที่กำหนด)
4. ชุดแบบฝึกการแทนค่าตัวเลขด้วยรูปวาด
วิธีการดําเนินการ
2.1 ศึกษาเอกสาร ตารา วิเคราะห์หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2560 และแนวทางการพัฒนาทักษะทางคณิตศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย วิธีการ หลักการและเทคนิคการเขียนแผนการจัดกิจกรรมเกมการศึกษา
2.2 วิเคราะห์เนื้อหา จุดประสงค์การเรียนรู้ วิเคราะห์สาระการเรียนรู้
2.3 ศึกษาการจัดการเรียนรู้โดยใช้ชุดฝึกจำนวนตัวเลข 1-10
2.4 ใช้กระบวนการเข้ามาช่วยในการแก้ไขปัญหา พัฒนาสื่อและนวัตกรรมที่มีประสิทธิภาพ
2.5 ออกแบบชุดฝึกจำนวนตัวเลข 1-10 และแบบฝึกหัด เช่น ชุดฝึกการนับจำนวนทีละตัว
110 ชุดฝึกการฝึกถามตอบตัวเลขทีละตัว แบบฝึกหัด เช่น แบบฝึกหัดการเขียนตามแบบตัวเลข แบบฝึกหัดการจับคู่ภาพกับจำนวน ตัวเลขที่จับคู่กับภาพ แบบฝึกหัดการวาดภาพตามจำนวนที่กำหนดให้ แบบฝึกหัดการหาค่าของจำนวนมากกว่าและน้อยกว่า แบบฝึกหัดการเติมจำนวนที่ขาดหายไป
2.6 จัดทำชุดฝึกจำนวนตัวเลข 1-10 และแบบฝึกหัดตามที่ได้ออกแบบไว้
2.7 นำชุดฝึกจำนวนตัวเลข 1-10 และแบบฝึกหัดไปทดลองใช้ และนำผลที่ได้มาปรับปรุง พัฒนาให้มีความน่าสนใจ เข้าใจง่าย และนักเรียนสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง
2.8 นำผลสะท้อนในการใช้ ชุดฝึกจำนวนตัวเลข 1-10 และแบบฝึกหัดบันทึกข้อมูลในระบบสารสนเทศผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเพื่อประเมินการเรียนรู้ นำข้อมูลที่ได้พัฒนาผลการเรียนรู้ให้ผู้เรียนบรรลุตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้
สรุปผล
1. เชิงปริมาณ
นักเรียนชั้นอนุบาล 2 โรงเรียนบ้านท่าฬ่อ (ครุฑวิทยากรณ์) ร้อยละ 77.77 จำตัวเลขและรู้ค่าจำนวน 1-10 สูงขึ้น
ผลที่เกิดจากการใช้ชุดฝึกจำนวนตัวเลข 1-10 และแบบฝึกหัดกับนักเรียนชั้นอนุบาล 2
โรงเรียนบ้านท่าฬ่อ (ครุฑวิทยากรณ์) ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 ข้าพเจ้าได้ทดสอบนักเรียนก่อนและหลังการจัดกิจกรรมโดยมีผลการทดสอบดังนี้
ตารางสรุปเปรียบเทียบผลการทดสอบความจำและการรู้ค่า1-10 นักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 2 ปีการศึกษา 2566
ที่ คะแนน
ก่อน(10) หลัง(10) ค่าความต่างก่อน-หลัง
1 6 10 3
2 6 9 4
3 2 2 0
4 3 3 0
5 2 2 0
6 6 10 3
7 5 8 3
8 2 2 0
9 8 10 2
10 8 10 2
11 8 10 2
12 7 10 3
13 6 9 3
14 8 10 2
15 4 8 4
16 7 10 3
17 6 9 3
18 5 8 3
จากตารางแสดงผลการทดสอบความจำและการรู้ค่า 1-10 นักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 2 ปีการศึกษา 2565 พบว่า นักเรียนร้อยละ 77.77 มีความจำและการรู้ค่า 1-10 สูงขึ้น
2. เชิงคุณภาพ
ผลจากการจัดกิจกรรมนักเรียนชั้นอนุบาล 2 โรงเรียนบ้านท่าฬ่อ (ครุฑวิทยากรณ์) สามารถจำตัวเลขและรู้ค่าจำนวน 1-10 ตรงตามมาตรฐานคุณลักษณะที่พึงประสงค์ และตัวบ่งชี้ในหลักสูตรการศึกษาปฐมวัยพุทธศักราช 2560 มากกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้
ข้อเสนอแนะในการปรับปรุงและพัฒนา
การจัดกิจกรรมเพื่อพัฒนาทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ให้กับนักเรียนระดับปฐมวัยควรมีการจัดกิจกรรมที่มีความหลากหลายเพื่อสร้างแรงจูงใจในการเรียนให้กับนักเรียน และจัดกิจกรรมให้นักเรียนได้ลงมือปฏิบัติอย่างต่อเนื่องเพื่อให้นักเรียนเกิดเป็นองค์ความรู้ที่คงทน