ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
Advertisement

การพัฒนาแนวทางการจัดการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง (SELF) เพื่อพัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และการออกแบบโครงงานเชิงอนุรักษ์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนเทศบาล 7 บ้านหนองตาพ

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อศึกษาปัญหา/ความต้องการการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และทักษะการออกแบบโครงงานเชิงอนุรักษ์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนเทศบาล 7 บ้านหนองตาพด สังกัดเทศบาลเมืองชะอำ 2) เพื่อพัฒนาและประสิทธิภาพแนวทางการจัดการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการสร้าง องค์ความรู้ด้วยตนเอง (SELF) เพื่อพัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และการออกแบบโครงงานเชิงอนุรักษ์ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนเทศบาล 7 บ้านหนองตาพด สังกัดเทศบาลเมืองชะอำ 3) เพื่อศึกษาผลการทดลองใช้แนวทางการจัดการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง (SELF) เพื่อพัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และการออกแบบโครงงานเชิงอนุรักษ์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนเทศบาล 7 บ้านหนองตาพด สังกัดเทศบาลเมืองชะอำ 4) เพื่อประเมินประสิทธิผลของแนวทางการจัดการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง (SELF) เพื่อพัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และการออกแบบโครงงานเชิงอนุรักษ์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนเทศบาล 7 บ้านหนองตาพด สังกัดเทศบาลเมือง กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการทดลองใช้รูปแบบในการวิจัยครั้งนี้ได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 โรงเรียนเทศบาล 7 บ้านหนองตาพด สังกัดเทศบาลเมืองชะอำ จำนวน 7 คนที่ได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive sampling) ซึ่งเป็นห้องเรียนที่ผู้วิจัยรับผิดชอบจัดการเรียนการสอน

การวิจัยครั้งนี้ใช้วิธีดำเนินการวิจัยในลักษณะของการวิจัยและพัฒนา (Research and Development : R&D) โดยใช้ระเบียบวิธีการวิจัยแบบผสมผสานวิธี (Mixed Methods Research) ที่มีลักษณะเป็นแบบแผนเชิงผสมผสานด้วยการศึกษาวิธีการเชิงปริมาณ (Quantitative Methods) เสริมด้วยวิธีการเชิงคุณภาพ (Qualitative Methods) 4 ขั้นตอน ขั้นตอนที่ 1 ศึกษาศึกษาปัญหา/ความต้องการการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนเทศบาล 7 บ้านหนองตาพด สังกัดเทศบาลเมืองชะอำ (Research : R1) ขั้นตอนที่ 2 พัฒนาและประสิทธิภาพของแนวทางการจัดการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง (SELF) เพื่อพัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และการออกแบบโครงงานเชิงอนุรักษ์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนเทศบาล 7 บ้านหนองตาพด สังกัดเทศบาลเมืองชะอำ (Development : D1) ขั้นตอนที่ 3 ทดลองใช้แนวทางการจัด การเรียนรู้โดยใช้กระบวนการสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง (SELF) เพื่อพัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และการออกแบบโครงงานเชิงอนุรักษ์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนเทศบาล 7 บ้านหนองตาพด สังกัดเทศบาลเมืองชะอำ (Research : R2) และขั้นตอนที่ 4 ประเมินประสิทธิผลและปรับปรุงแนวทางการจัดการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง (SELF) เพื่อพัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และการออกแบบโครงงานเชิงอนุรักษ์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนเทศบาล 7 บ้านหนองตาพด สังกัดเทศบาลเมืองชะอำ (Development : D2)

ผลการศึกษาพบว่า

1. ผลการศึกษาปัญหา/ความต้องการการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนเทศบาล 7 บ้านหนองตาพด สังกัดเทศบาลเมืองชะอำ สังกัดเทศบาลเมืองชะอำ สังกัดเทศบาลเมืองชะอำ

1.1 ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานคะแนนความคิดเห็นต่อปัญหาการจัดการเรียนการรู้เพื่อพัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และการออกแบบโครงงานเชิงอนุรักษ์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ด้านการออกแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้มีค่าเฉลี่ยของปัญหาเท่ากับ 3.25 (ปานกลาง) ด้านการจัดกิจกรรมการเรียนรู้มีค่าเฉลี่ยของปัญหาเท่ากับ 3.59 (มาก) ด้านการใช้สื่อและแหล่งเรียนรู้ มีค่าเฉลี่ยของปัญหาเท่ากับ 3.19 (ปานกลาง) ด้านการวัดและประเมินผล มีค่าเฉลี่ยของปัญหาเท่ากับ 3.33 (ปานกลาง)

1.2 ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานคะแนนความคิดเห็นต่อความต้องการการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และจิตวิทยาศาสตร์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีด้านการออกแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้มีค่าเฉลี่ยของความต้องการเท่ากับ 3.50 (มาก) ด้านการจัดกิจกรรมการเรียนรู้มีค่าเฉลี่ยของความต้องการเท่ากับ 4.07 (มาก) ด้านการใช้สื่อและแหล่งเรียนรู้ มีค่าเฉลี่ยของความต้องการเท่ากับ 3.81 (มาก) ด้านการวัดและประเมินผลมีค่าเฉลี่ยของความต้องการเท่ากับ 3.83 (มาก)

1.3 ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานคะแนนความคิดเห็นต่อความต้องการด้าน การพัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และเจตคติทางวิทยาศาสตร์ของนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนเทศบาล 7 บ้านหนองตาพด สังกัดเทศบาลเมืองชะอำ ด้านการพัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ของนักเรียนมีค่าเฉลี่ยของความต้องการเท่ากับ 4.46 (มาก) ทักษะที่มีความต้องการพัฒนามากที่สุดคือ 1) การสังเกต (Observing) 2) การจำแนกประเภท (Classifying) 3) การจัดกระทำและสื่อความหมายข้อมูล(Communication) ด้านการพัฒนาเจตคติทางวิทยาศาสตร์ของนักเรียนมีค่าเฉลี่ยความต้องการเท่ากับ 4.49 (มากที่สุด) โดยเจตคติทางวิทยาศาสตร์ที่ต้องการพัฒนามากที่สุด คือ 1) ความมีเหตุผล 2) ความสนใจใฝ่รู้ 3) ความใจกว้าง 4) ความละเอียดรอบคอบและ5) ความรับผิดชอบ 4) การลงความเห็นจากข้อมูล (Inferring) และ 5) การตีความหมายข้อมูลและการลงข้อมูล (Interpreting data and conclusion)

2. ผลการพัฒนาและประสิทธิภาพของแนวทางการจัดการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง (SELF) เพื่อพัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และการออกแบบโครงงาน เชิงอนุรักษ์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนเทศบาล 7 บ้านหนองตาพด สังกัดเทศบาลเมืองชะอำ

2.1 ได้แนวทางการจัดการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง (SELF) เพื่อพัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และการออกแบบโครงงานเชิงอนุรักษ์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนเทศบาล 7 บ้านหนองตาพด สังกัดเทศบาลเมืองชะอำที่มีองค์ประกอบหลักประกอบด้วย 1) หลักการ 2) วัตถุประสงค์ และ3) กระบวนการจัดการเรียนรู้

2.2 ผลการประเมินความเหมาะสมของแนวทางการจัดการเรียนรู้โดยผู้เชี่ยวชาญในภาพรวมมีคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 4.62 มีระดับความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด

2.3 ผลการประเมินแผนการจัดการเรียนรู้โดยผู้เชี่ยวชาญในภาพรวมมีคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 4.68 มีระดับความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด

2.4 ผลการหาประสิทธิภาพของแผนการเรียนรู้ที่ใช้แนวทางการจัดการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง (SELF) เพื่อพัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และการออกแบบโครงงานเชิงอนุรักษ์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนเทศบาล 7 บ้านหนองตาพด สังกัดเทศบาลเมืองชะอำมีค่าประสิทธิภาพระหว่างเรียน E1 เท่ากับ 89.41 และประสิทธิภาพหลังเรียน E2 เท่ากับ 87.00 มีค่าประสิทธิภาพ E1/ E2 = 89.41/87.00 ผ่านเกณฑ์มาตรฐานที่ตั้งไว้คือ E1/ E2 = 80/80

3. ผลการทดลองใช้แนวทางการจัดการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง (SELF) เพื่อพัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และการออกแบบโครงงานเชิงอนุรักษ์ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนเทศบาล 7 บ้านหนองตาพด สังกัดเทศบาลเมืองชะอำ

3.1 ผลการประเมินทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ระหว่างเรียนของนักเรียนกลุ่มเป้าหมาย ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 จำนวน 7 คน ระหว่างเรียนผ่านเกณฑ์การประเมิน (ร้อยละ 80 ขึ้นไป คือ 84 คะแนน) จำนวน 7 คน คิดเป็นร้อยละ 100 และนักเรียนทุกคนผ่านเกณฑ์การประเมินระดับคุณภาพ ดี

3.2 แสดงผลการประเมินทักษะการออกแบบโครงงานเชิงอนุรักษ์ระหว่างเรียนของนักเรียนกลุ่มเป้าหมาย ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 จำนวน 7 คน ระหว่างเรียน ผ่านเกณฑ์การประเมิน (ร้อยละ 80 ขึ้นไป คือ 55 คะแนน) จำนวน 7 คน คิดเป็นร้อยละ 100 และนักเรียนทุกคนผ่านเกณฑ์การประเมินระดับคุณภาพ ดี

3.3 การประเมินทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ก่อน/หลังเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2565 จำนวน 7 คน มีคะแนนเฉลี่ยก่อนเรียนเท่ากับ 7.71 คิดเป็นร้อยละ 51.43 คะแนนเฉลี่ยหลังเรียนเท่ากับ 12.57 คิดเป็นร้อยละ 83.81 มีคะแนนเฉลี่ยของคะแนนผลต่างเท่ากับ 4.86 คิดเป็นร้อยละ 32.38

3.4 การประเมินทักษะการออกแบบโครงงานเชิงอนุรักษ์ก่อน/หลังเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 จำนวน 7 คน มีคะแนนเฉลี่ยก่อนเรียนเท่ากับ 21.14 คิดเป็นร้อยละ 64.07 คะแนนเฉลี่ยหลังเรียนเท่ากับ 30.14 คิดเป็นร้อยละ 91.34มีคะแนนเฉลี่ยของคะแนนผลต่างเท่ากับ 32.90 คิดเป็นร้อยละ 43.87

4. ผลการประเมินประสิทธิผลของแนวทางการจัดการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง (SELF) เพื่อพัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และการออกแบบโครงงานเชิงอนุรักษ์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนเทศบาล 7 บ้านหนองตาพด สังกัดเทศบาลเมืองชะอำ

4.1 ผลการประเมินความเหมาะสมความเป็นไปได้ของแนวทางการจัดการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง (SELF) เพื่อพัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และการออกแบบโครงงานเชิงอนุรักษ์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนเทศบาล 7 บ้านหนองตาพด สังกัดเทศบาลเมืองชะอำ ในภาพรวมมีคะแนนรวมเฉลี่ยเท่ากับ 5.51 มีความเหมาะสมและความเป็นไปได้อยู่ในระดับมากที่สุด

4.2 ผลการประเมินความความพึงพอใจของผู้ปกครองและนักเรียนต่อแนวทางการจัด การเรียนรู้โดยใช้กระบวนการสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง (SELF) เพื่อพัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และการออกแบบโครงงานเชิงอนุรักษ์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนเทศบาล 7 บ้านหนองตาพด สังกัดเทศบาลเมืองชะอำในภาพรวมมีคะแนนรวมเฉลี่ยเท่ากับ 5.59 มีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด

โพสต์โดย ครูนุช : [28 เม.ย. 2567 (13:49 น.)]
อ่าน [63784] ไอพี : 124.122.91.178
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
Advertisement

 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 382,631 ครั้ง
คำศัพท์ที่มีการใช้มากที่สุดในภาษาอังกฤษ 500 อันดับแรก
คำศัพท์ที่มีการใช้มากที่สุดในภาษาอังกฤษ 500 อันดับแรก

เปิดอ่าน 13,538 ครั้ง
เปิด 10 เมนูสุขภาพ รับปี 2556 สไตล์อายุรวัฒน์
เปิด 10 เมนูสุขภาพ รับปี 2556 สไตล์อายุรวัฒน์

เปิดอ่าน 36,287 ครั้ง
การวัดความสูง
การวัดความสูง

เปิดอ่าน 14,197 ครั้ง
"พี่เป้า-สายัณห์ สัญญา" สร้างปาฏิหาริย์ช่วยหญิงเป็นมะเร็งฟื้นคืนชีพ
"พี่เป้า-สายัณห์ สัญญา" สร้างปาฏิหาริย์ช่วยหญิงเป็นมะเร็งฟื้นคืนชีพ

เปิดอ่าน 16,353 ครั้ง
ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวดประจำวันที่ 16 มีนาคม 2552
ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวดประจำวันที่ 16 มีนาคม 2552

เปิดอ่าน 11,752 ครั้ง
5 เทคโนโลยีสำคัญในปี 2559
5 เทคโนโลยีสำคัญในปี 2559

เปิดอ่าน 22,878 ครั้ง
คลอสตริเดียม โบทูลินัม เชื้อโรคร้ายในอาหารกระป๋อง
คลอสตริเดียม โบทูลินัม เชื้อโรคร้ายในอาหารกระป๋อง

เปิดอ่าน 23,531 ครั้ง
16 ของมงคล แต่งบ้านเสริมฮวงจุ้ย!!
16 ของมงคล แต่งบ้านเสริมฮวงจุ้ย!!

เปิดอ่าน 13,254 ครั้ง
ทานผลไม้ ก็ช่วยป้องกันผมร่วงก่อนวัยได้
ทานผลไม้ ก็ช่วยป้องกันผมร่วงก่อนวัยได้

เปิดอ่าน 16,854 ครั้ง
การขับเคลื่อนนโยบาย สพฐ.ปี 51
การขับเคลื่อนนโยบาย สพฐ.ปี 51

เปิดอ่าน 19,100 ครั้ง
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย(ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย(ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557

เปิดอ่าน 16,033 ครั้ง
วิธีแก้ปัญหาเด็กกินยาก
วิธีแก้ปัญหาเด็กกินยาก

เปิดอ่าน 28,834 ครั้ง
 กฎ ก.ค.ศ. ว่าด้วยการสั่งให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา รับเงินเดือนในอัตรากำลังทดแทน พ.ศ.2551
กฎ ก.ค.ศ. ว่าด้วยการสั่งให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา รับเงินเดือนในอัตรากำลังทดแทน พ.ศ.2551

เปิดอ่าน 20,809 ครั้ง
วิตามิน บี
วิตามิน บี

เปิดอ่าน 29,291 ครั้ง
ข้อสอบ O-NET รูปแบบอัตนัย ภาษาไทย ป.6 มีจำนวนกี่ข้อ กี่คะแนน และออกเนื้อหาอะไรบ้าง
ข้อสอบ O-NET รูปแบบอัตนัย ภาษาไทย ป.6 มีจำนวนกี่ข้อ กี่คะแนน และออกเนื้อหาอะไรบ้าง

เปิดอ่าน 10,441 ครั้ง
เคล็ดลับขายของออนไลน์อย่างไรไม่ขาดทุน
เคล็ดลับขายของออนไลน์อย่างไรไม่ขาดทุน
เปิดอ่าน 17,166 ครั้ง
ยาคุมแบบฉีด ทำมวลกระดูกเสื่อมอย่างน้อย 5%
ยาคุมแบบฉีด ทำมวลกระดูกเสื่อมอย่างน้อย 5%
เปิดอ่าน 21,954 ครั้ง
เทคนิคการปลูกกล้วย ให้มีกลิ่นต่างๆ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มได้อย่างดี
เทคนิคการปลูกกล้วย ให้มีกลิ่นต่างๆ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มได้อย่างดี
เปิดอ่าน 5,219 ครั้ง
พฤติกรรมที่ทำให้หน้าแก่เร็ว
พฤติกรรมที่ทำให้หน้าแก่เร็ว
เปิดอ่าน 25,330 ครั้ง
การวัดอุณหภูมิของอากาศ
การวัดอุณหภูมิของอากาศ

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
ติวสอบ GED
ติวสอบ SAT
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ