ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
การพัฒนาแนวทางการจัดการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง (SELF) เพื่อพัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และการออกแบบโครงงานเชิงอนุรักษ์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนเทศบาล 7 บ้านหนองตาพ

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อศึกษาปัญหา/ความต้องการการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และทักษะการออกแบบโครงงานเชิงอนุรักษ์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนเทศบาล 7 บ้านหนองตาพด สังกัดเทศบาลเมืองชะอำ 2) เพื่อพัฒนาและประสิทธิภาพแนวทางการจัดการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการสร้าง องค์ความรู้ด้วยตนเอง (SELF) เพื่อพัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และการออกแบบโครงงานเชิงอนุรักษ์ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนเทศบาล 7 บ้านหนองตาพด สังกัดเทศบาลเมืองชะอำ 3) เพื่อศึกษาผลการทดลองใช้แนวทางการจัดการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง (SELF) เพื่อพัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และการออกแบบโครงงานเชิงอนุรักษ์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนเทศบาล 7 บ้านหนองตาพด สังกัดเทศบาลเมืองชะอำ 4) เพื่อประเมินประสิทธิผลของแนวทางการจัดการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง (SELF) เพื่อพัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และการออกแบบโครงงานเชิงอนุรักษ์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนเทศบาล 7 บ้านหนองตาพด สังกัดเทศบาลเมือง กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการทดลองใช้รูปแบบในการวิจัยครั้งนี้ได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 โรงเรียนเทศบาล 7 บ้านหนองตาพด สังกัดเทศบาลเมืองชะอำ จำนวน 7 คนที่ได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive sampling) ซึ่งเป็นห้องเรียนที่ผู้วิจัยรับผิดชอบจัดการเรียนการสอน

การวิจัยครั้งนี้ใช้วิธีดำเนินการวิจัยในลักษณะของการวิจัยและพัฒนา (Research and Development : R&D) โดยใช้ระเบียบวิธีการวิจัยแบบผสมผสานวิธี (Mixed Methods Research) ที่มีลักษณะเป็นแบบแผนเชิงผสมผสานด้วยการศึกษาวิธีการเชิงปริมาณ (Quantitative Methods) เสริมด้วยวิธีการเชิงคุณภาพ (Qualitative Methods) 4 ขั้นตอน ขั้นตอนที่ 1 ศึกษาศึกษาปัญหา/ความต้องการการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนเทศบาล 7 บ้านหนองตาพด สังกัดเทศบาลเมืองชะอำ (Research : R1) ขั้นตอนที่ 2 พัฒนาและประสิทธิภาพของแนวทางการจัดการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง (SELF) เพื่อพัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และการออกแบบโครงงานเชิงอนุรักษ์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนเทศบาล 7 บ้านหนองตาพด สังกัดเทศบาลเมืองชะอำ (Development : D1) ขั้นตอนที่ 3 ทดลองใช้แนวทางการจัด การเรียนรู้โดยใช้กระบวนการสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง (SELF) เพื่อพัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และการออกแบบโครงงานเชิงอนุรักษ์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนเทศบาล 7 บ้านหนองตาพด สังกัดเทศบาลเมืองชะอำ (Research : R2) และขั้นตอนที่ 4 ประเมินประสิทธิผลและปรับปรุงแนวทางการจัดการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง (SELF) เพื่อพัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และการออกแบบโครงงานเชิงอนุรักษ์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนเทศบาล 7 บ้านหนองตาพด สังกัดเทศบาลเมืองชะอำ (Development : D2)

ผลการศึกษาพบว่า

1. ผลการศึกษาปัญหา/ความต้องการการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนเทศบาล 7 บ้านหนองตาพด สังกัดเทศบาลเมืองชะอำ สังกัดเทศบาลเมืองชะอำ สังกัดเทศบาลเมืองชะอำ

1.1 ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานคะแนนความคิดเห็นต่อปัญหาการจัดการเรียนการรู้เพื่อพัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และการออกแบบโครงงานเชิงอนุรักษ์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ด้านการออกแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้มีค่าเฉลี่ยของปัญหาเท่ากับ 3.25 (ปานกลาง) ด้านการจัดกิจกรรมการเรียนรู้มีค่าเฉลี่ยของปัญหาเท่ากับ 3.59 (มาก) ด้านการใช้สื่อและแหล่งเรียนรู้ มีค่าเฉลี่ยของปัญหาเท่ากับ 3.19 (ปานกลาง) ด้านการวัดและประเมินผล มีค่าเฉลี่ยของปัญหาเท่ากับ 3.33 (ปานกลาง)

1.2 ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานคะแนนความคิดเห็นต่อความต้องการการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และจิตวิทยาศาสตร์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีด้านการออกแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้มีค่าเฉลี่ยของความต้องการเท่ากับ 3.50 (มาก) ด้านการจัดกิจกรรมการเรียนรู้มีค่าเฉลี่ยของความต้องการเท่ากับ 4.07 (มาก) ด้านการใช้สื่อและแหล่งเรียนรู้ มีค่าเฉลี่ยของความต้องการเท่ากับ 3.81 (มาก) ด้านการวัดและประเมินผลมีค่าเฉลี่ยของความต้องการเท่ากับ 3.83 (มาก)

1.3 ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานคะแนนความคิดเห็นต่อความต้องการด้าน การพัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และเจตคติทางวิทยาศาสตร์ของนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนเทศบาล 7 บ้านหนองตาพด สังกัดเทศบาลเมืองชะอำ ด้านการพัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ของนักเรียนมีค่าเฉลี่ยของความต้องการเท่ากับ 4.46 (มาก) ทักษะที่มีความต้องการพัฒนามากที่สุดคือ 1) การสังเกต (Observing) 2) การจำแนกประเภท (Classifying) 3) การจัดกระทำและสื่อความหมายข้อมูล(Communication) ด้านการพัฒนาเจตคติทางวิทยาศาสตร์ของนักเรียนมีค่าเฉลี่ยความต้องการเท่ากับ 4.49 (มากที่สุด) โดยเจตคติทางวิทยาศาสตร์ที่ต้องการพัฒนามากที่สุด คือ 1) ความมีเหตุผล 2) ความสนใจใฝ่รู้ 3) ความใจกว้าง 4) ความละเอียดรอบคอบและ5) ความรับผิดชอบ 4) การลงความเห็นจากข้อมูล (Inferring) และ 5) การตีความหมายข้อมูลและการลงข้อมูล (Interpreting data and conclusion)

2. ผลการพัฒนาและประสิทธิภาพของแนวทางการจัดการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง (SELF) เพื่อพัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และการออกแบบโครงงาน เชิงอนุรักษ์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนเทศบาล 7 บ้านหนองตาพด สังกัดเทศบาลเมืองชะอำ

2.1 ได้แนวทางการจัดการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง (SELF) เพื่อพัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และการออกแบบโครงงานเชิงอนุรักษ์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนเทศบาล 7 บ้านหนองตาพด สังกัดเทศบาลเมืองชะอำที่มีองค์ประกอบหลักประกอบด้วย 1) หลักการ 2) วัตถุประสงค์ และ3) กระบวนการจัดการเรียนรู้

2.2 ผลการประเมินความเหมาะสมของแนวทางการจัดการเรียนรู้โดยผู้เชี่ยวชาญในภาพรวมมีคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 4.62 มีระดับความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด

2.3 ผลการประเมินแผนการจัดการเรียนรู้โดยผู้เชี่ยวชาญในภาพรวมมีคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 4.68 มีระดับความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด

2.4 ผลการหาประสิทธิภาพของแผนการเรียนรู้ที่ใช้แนวทางการจัดการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง (SELF) เพื่อพัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และการออกแบบโครงงานเชิงอนุรักษ์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนเทศบาล 7 บ้านหนองตาพด สังกัดเทศบาลเมืองชะอำมีค่าประสิทธิภาพระหว่างเรียน E1 เท่ากับ 89.41 และประสิทธิภาพหลังเรียน E2 เท่ากับ 87.00 มีค่าประสิทธิภาพ E1/ E2 = 89.41/87.00 ผ่านเกณฑ์มาตรฐานที่ตั้งไว้คือ E1/ E2 = 80/80

3. ผลการทดลองใช้แนวทางการจัดการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง (SELF) เพื่อพัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และการออกแบบโครงงานเชิงอนุรักษ์ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนเทศบาล 7 บ้านหนองตาพด สังกัดเทศบาลเมืองชะอำ

3.1 ผลการประเมินทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ระหว่างเรียนของนักเรียนกลุ่มเป้าหมาย ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 จำนวน 7 คน ระหว่างเรียนผ่านเกณฑ์การประเมิน (ร้อยละ 80 ขึ้นไป คือ 84 คะแนน) จำนวน 7 คน คิดเป็นร้อยละ 100 และนักเรียนทุกคนผ่านเกณฑ์การประเมินระดับคุณภาพ ดี

3.2 แสดงผลการประเมินทักษะการออกแบบโครงงานเชิงอนุรักษ์ระหว่างเรียนของนักเรียนกลุ่มเป้าหมาย ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 จำนวน 7 คน ระหว่างเรียน ผ่านเกณฑ์การประเมิน (ร้อยละ 80 ขึ้นไป คือ 55 คะแนน) จำนวน 7 คน คิดเป็นร้อยละ 100 และนักเรียนทุกคนผ่านเกณฑ์การประเมินระดับคุณภาพ ดี

3.3 การประเมินทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ก่อน/หลังเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2565 จำนวน 7 คน มีคะแนนเฉลี่ยก่อนเรียนเท่ากับ 7.71 คิดเป็นร้อยละ 51.43 คะแนนเฉลี่ยหลังเรียนเท่ากับ 12.57 คิดเป็นร้อยละ 83.81 มีคะแนนเฉลี่ยของคะแนนผลต่างเท่ากับ 4.86 คิดเป็นร้อยละ 32.38

3.4 การประเมินทักษะการออกแบบโครงงานเชิงอนุรักษ์ก่อน/หลังเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 จำนวน 7 คน มีคะแนนเฉลี่ยก่อนเรียนเท่ากับ 21.14 คิดเป็นร้อยละ 64.07 คะแนนเฉลี่ยหลังเรียนเท่ากับ 30.14 คิดเป็นร้อยละ 91.34มีคะแนนเฉลี่ยของคะแนนผลต่างเท่ากับ 32.90 คิดเป็นร้อยละ 43.87

4. ผลการประเมินประสิทธิผลของแนวทางการจัดการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง (SELF) เพื่อพัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และการออกแบบโครงงานเชิงอนุรักษ์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนเทศบาล 7 บ้านหนองตาพด สังกัดเทศบาลเมืองชะอำ

4.1 ผลการประเมินความเหมาะสมความเป็นไปได้ของแนวทางการจัดการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง (SELF) เพื่อพัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และการออกแบบโครงงานเชิงอนุรักษ์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนเทศบาล 7 บ้านหนองตาพด สังกัดเทศบาลเมืองชะอำ ในภาพรวมมีคะแนนรวมเฉลี่ยเท่ากับ 5.51 มีความเหมาะสมและความเป็นไปได้อยู่ในระดับมากที่สุด

4.2 ผลการประเมินความความพึงพอใจของผู้ปกครองและนักเรียนต่อแนวทางการจัด การเรียนรู้โดยใช้กระบวนการสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง (SELF) เพื่อพัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และการออกแบบโครงงานเชิงอนุรักษ์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนเทศบาล 7 บ้านหนองตาพด สังกัดเทศบาลเมืองชะอำในภาพรวมมีคะแนนรวมเฉลี่ยเท่ากับ 5.59 มีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด

โพสต์โดย ครูนุช : [28 เม.ย. 2567 (13:49 น.)]
อ่าน [349] ไอพี : 124.122.91.178
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 9,166 ครั้ง
ลดความอ้วนด้วยตะเกียบ ช่วยถ่วงให้กินได้ช้าลงและคำเล็กลง
ลดความอ้วนด้วยตะเกียบ ช่วยถ่วงให้กินได้ช้าลงและคำเล็กลง

เปิดอ่าน 15,698 ครั้ง
คลิปน้อง "ธนัช" เด็กไทยอัจฉริยะ ตอน 4 ขวบ เดี่ยวไวโอลิน ที่ยอดวิวตอนนี้ 22 ล้านแล้ว
คลิปน้อง "ธนัช" เด็กไทยอัจฉริยะ ตอน 4 ขวบ เดี่ยวไวโอลิน ที่ยอดวิวตอนนี้ 22 ล้านแล้ว

เปิดอ่าน 84,541 ครั้ง
ประชาธิปไตย คืออะไร
ประชาธิปไตย คืออะไร

เปิดอ่าน 35,612 ครั้ง
การจัดคนเข้าพักบ้านราชการ
การจัดคนเข้าพักบ้านราชการ

เปิดอ่าน 4,250 ครั้ง
ประวัติ ชัชชาติ สิทธิพันธ์ุ ผู้ชนะการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร
ประวัติ ชัชชาติ สิทธิพันธ์ุ ผู้ชนะการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร

เปิดอ่าน 25,655 ครั้ง
ราคามาตรฐานครุภัณฑ์
ราคามาตรฐานครุภัณฑ์

เปิดอ่าน 8,604 ครั้ง
ระวัง! ใช้ Wi-Fi ทำธุรกรรมการเงินออนไลน์ เสี่ยงโดนแฮ็ค
ระวัง! ใช้ Wi-Fi ทำธุรกรรมการเงินออนไลน์ เสี่ยงโดนแฮ็ค

เปิดอ่าน 38,973 ครั้ง
เทควันโด : ประโยชน์ของการเล่นกีฬาเทควันโด
เทควันโด : ประโยชน์ของการเล่นกีฬาเทควันโด

เปิดอ่าน 32,713 ครั้ง
ประวัติศาสนาพุทธ
ประวัติศาสนาพุทธ

เปิดอ่าน 19,407 ครั้ง
รายงานการวิจัย สถานภาพการประยุกต์ใช้ ICT เพื่อการศึกษาระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานรองรับการปฏิรูปการศึกษ
รายงานการวิจัย สถานภาพการประยุกต์ใช้ ICT เพื่อการศึกษาระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานรองรับการปฏิรูปการศึกษ

เปิดอ่าน 30,249 ครั้ง
9 เพลงที่มีจังหวะตรงตามงานวิจัยว่าจะช่วยให้คุณผอม!!
9 เพลงที่มีจังหวะตรงตามงานวิจัยว่าจะช่วยให้คุณผอม!!

เปิดอ่าน 62,432 ครั้ง
เพลงประจำอาเซียน (ASEAN SONG)
เพลงประจำอาเซียน (ASEAN SONG)

เปิดอ่าน 26,280 ครั้ง
6 วิธีรับปีใหม่แบบเฮงๆ จัดกระเป๋าสตางค์รับเงินไหล ใส่เสื้อ 5 สีมงคล
6 วิธีรับปีใหม่แบบเฮงๆ จัดกระเป๋าสตางค์รับเงินไหล ใส่เสื้อ 5 สีมงคล

เปิดอ่าน 48,636 ครั้ง
มาแรง!! มะนาวแป้นพันธุ์ใหม่ 8 เดือนให้ผล 300 ลูก ปลูกได้หลายแบบตามความเหมาะสม
มาแรง!! มะนาวแป้นพันธุ์ใหม่ 8 เดือนให้ผล 300 ลูก ปลูกได้หลายแบบตามความเหมาะสม

เปิดอ่าน 10,867 ครั้ง
The Six Math Problem และวิธีหาคำตอบ ชมที่นี่
The Six Math Problem และวิธีหาคำตอบ ชมที่นี่

เปิดอ่าน 33,439 ครั้ง
เดินหน้าปฏิรูปครู พฤติกรรมการสอนของ ครู 59
เดินหน้าปฏิรูปครู พฤติกรรมการสอนของ ครู 59
เปิดอ่าน 12,477 ครั้ง
"ไดเอ็ตแบบไม่โยโย่" แนะกฎเหล็กลดน้ำหนัก
"ไดเอ็ตแบบไม่โยโย่" แนะกฎเหล็กลดน้ำหนัก
เปิดอ่าน 45,386 ครั้ง
ลมบกและลมทะเล
ลมบกและลมทะเล
เปิดอ่าน 15,937 ครั้ง
การประยุกต์ทฤษฎีการเรียนรู้ในระบบการศึกษาทางไกลอิเล็กทรอนิกส์
การประยุกต์ทฤษฎีการเรียนรู้ในระบบการศึกษาทางไกลอิเล็กทรอนิกส์
เปิดอ่าน 31,450 ครั้ง
ประโยชน์ของ e-Learning
ประโยชน์ของ e-Learning

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ