ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
Advertisement

การพัฒนารูปแบบการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ โดยใช้ทฤษฎีสมองเป็นฐานตามแนวคิดสะเต็มศึกษา เพื่อเสริมสร้างทักษะพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ ของเด็กปฐมวัย

ชื่อเรื่อง การพัฒนารูปแบบการจัดประสบการณ์การเรียนรู้

โดยใช้ทฤษฎีสมองเป็นฐานตามแนวคิดสะเต็มศึกษา

เพื่อเสริมสร้างทักษะพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ ของเด็กปฐมวัย ระดับชั้นอนุบาลปีที่ 2

โรงเรียนอนุบาลเทศบาลตำบลปราสาททอง

ผู้วิจัย นางสาวปิติมน ธีระไพรพฤกษ์

ปีที่วิจัย 2566

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้ เป็นการวิจัยตามหลักการ แนวคิดการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฎีสมองเป็นฐานหรือที่เรียกย่อๆว่า BBL (Brain-based learning) ซึ่งเป็นกิจกรรมที่มุ่งเน้นเสริมสร้างพัฒนาการของสมองด้านความเข้าใจในตนเองและความเข้าใจในผู้อื่น กิจกรรมส่วนใหญ่จึงมุ่งเน้นให้นักเรียนเข้าใจภาวะอารมณ์และความรู้สึกของตนเองและของผู้อื่น จนกระทั่งพัฒนาตนเองไปสู่ศักยภาพที่สูงสุดได้ และพัฒนาทักษะที่ใช้ในการสื่อสาร และอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข รวมทั้งแนวคิดการจัดการเรียนรู้แบบสะเต็มศึกษา (STEM Education) ซึ่งเป็นการจัดการเรียนรู้ที่ไม่เน้นเพียงการท่องจำทฤษฎี หรือกฎทางวิทยาศาสตร์ และคณิตศาสตร์ แต่เป็นการสร้างความเข้าใจทฤษฎีหรือกฎ เหล่านั้นผ่านการปฏิบัติให้เห็นจริงควบคู่กับการพัฒนาทักษะการคิด ตั้งคำถาม แก้ปัญหา และการหาข้อมูลและวิเคราะห์ข้อค้นพบใหม่ๆ พร้อมทั้งสามารถนำข้อค้นพบนั้นไปใช้ หรือบูรณาการกับชีวิตประจำวันได้ โดยครูทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยความสะดวกในการเรียนรู้ และนำมาประยุกต์ร่วมกับการวิจัยและพัฒนา (Research and Development) โดยมีเด็กปฐมวัย ระดับชั้นอนุบาลปีที่ 2 โรงเรียนอนุบาลเทศบาลตำบลปราสาททอง ที่กำลังเรียนอยู่ในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 เป็นหน่วยการวิเคราะห์ มีวัตถุประสงค์ คือ (1) เพื่อศึกษาข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับรูปแบบการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ โดยใช้ทฤษฎีสมองเป็นฐานตามแนวคิดสะเต็มศึกษา เพื่อเสริมสร้างทักษะพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ ของเด็กปฐมวัย ระดับชั้นอนุบาล ปีที่ 2 โรงเรียนอนุบาลเทศบาลตำบลปราสาททอง (2) เพื่อพัฒนารูปแบบการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ โดยใช้ทฤษฎีสมองเป็นฐานตามแนวคิดสะเต็มศึกษา เพื่อเสริมสร้างทักษะพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ ของเด็กปฐมวัย ระดับชั้นอนุบาลปีที่ 2 โรงเรียนอนุบาลเทศบาลตำบลปราสาททอง (3) เพื่อทดลองใช้รูปแบบการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ โดยมีวัตถุประสงค์ย่อย ดังนี้คือ (3.1) เพื่อเปรียบเทียบทักษะพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ ของเด็กปฐมวัย ระดับชั้นอนุบาลปีที่ 2 ที่เรียนด้วยรูปแบบการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ โดยใช้ทฤษฎีสมองเป็นฐานตามแนวคิดสะเต็มศึกษา กับเกณฑ์ร้อยละ 80 (3.2) เพื่อเปรียบเทียบทักษะพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ ของเด็กปฐมวัย ระดับชั้นอนุบาลปีที่ 2 ระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียน ด้วยรูปแบบการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ โดยใช้ทฤษฎีสมองเป็นฐานตามแนวคิดสะเต็มศึกษา และ (4) เพื่อประเมินรูปแบบการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ โดยการศึกษาความคิดเห็นของผู้ปกครองที่มีต่อรูปแบบการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ โดยใช้ทฤษฎีสมองเป็นฐานตามแนวคิดสะ เต็มศึกษา เพื่อเสริมสร้างทักษะพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ ของเด็กปฐมวัย ระดับชั้นอนุบาลปีที่ 2 โรงเรียนอนุบาลเทศบาลตำบลปราสาททอง กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ เด็กปฐมวัย ระดับชั้นอนุบาลปีที่ 2/1 โรงเรียนอนุบาลเทศบาลตำบลปราสาททอง ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 จำนวน 20 คน ซึ่งได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ เครื่องมือที่ใช้ในการพัฒนารูปแบบการจัดประสบการณ์การเรียนรู้คือ (1) แบบบันทึกการประชุมกลุ่มย่อย (Focus groups) (2) แบบสัมภาษณ์เชิงลึก (3) แบบบันทึกการประชุมแบบมีส่วนร่วม และ (4) แบบประเมินร่างรูปแบบการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ และเครื่องมือในการทดลองใช้รูปแบบการวัดประสบการณ์การเรียนรู้ คือ (1) แผนการจัดประสบการณ์ โดยใช้ทฤษฎีสมองเป็นฐานตามแนวคิดสะเต็มศึกษา เพื่อเสริมสร้างทักษะพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ ของเด็กปฐมวัย ระดับชั้นอนุบาลปีที่ 2 จำนวน 20 แผนฯ มีค่าเฉลี่ยการประเมินคุณภาพ เท่ากับ 5.00 (2) แบบประเมินผลการสังเกตพฤติกรรมการร่วมกิจกรรม (3) แบบทดสอบวัดทักษะพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ จำนวน 20 ข้อ เป็นแบบเลือกกากบาท () เฉพาะคำตอบที่ถูก มีค่าความเชื่อมั่นที่ 0.8082 และ (4) แบบสอบถามความคิดเห็นของผู้ปกครอง เป็นแบบสอบถามความพึงพอใจชนิดประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดับ จำนวน 10 ข้อ สถิติที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ คือ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบสมมติฐานใช้ t-test (Pair)

ผลการวิจัยพบว่า

1. ผลการวิเคราะห์สภาพปัญหาและแนวทางการพัฒนารูปแบบการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ เพื่อเสริมสร้างทักษะพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ ของเด็กปฐมวัย ระดับชั้นอนุบาลปีที่ 2 โรงเรียนอนุบาลเทศบาลตำบลปราสาททอง โดยใช้แบบประเมินค่าดัชนีความสอดคล้องแบบแบบบันทึกการประชุมกลุ่มย่อย (Focus Group) และแบบสัมภาษณ์เชิงลึก จากผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 5 คน พบว่า มีความสอดคล้อง โดยมีค่าเฉลี่ย เท่ากับ 1.00 ทุกรายการ และพบว่า ควรมีการพัฒนารูปแบบการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ โดยใช้ทฤษฎีสมองเป็นฐานตามแนวคิดสะเต็มศึกษา เพื่อเสริมสร้างทักษะพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ ของเด็กปฐมวัย ระดับชั้นอนุบาลปีที่ 2 โรงเรียนอนุบาลเทศบาลตำบลปราสาททอง

2. ผลการพัฒนารูปแบบการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ โดยใช้ทฤษฎีสมองเป็นฐานตามแนวคิดสะเต็มศึกษา เพื่อเสริมสร้างทักษะพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ ของเด็กปฐมวัย ระดับชั้นอนุบาลปีที่ 2 โรงเรียนอนุบาลเทศบาลตำบลปราสาททอง พบว่า ร่างรูปแบบการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ ตามความคิดเห็นของผู้ทรงคุณวุฒิ พบว่า ได้รูปแบบการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ ที่มีองค์ประกอบ 5 ด้าน ได้แก่ หลักการแนวคิดทฤษฎี หลักการจัดการเรียนรู้ กระบวนการเรียนรู้ สิ่งสนับสนุนการเรียนรู้ และการประเมินผล ซึ่งผลการประเมินรูปแบบตามความคิดเห็นของผู้ทรงคุณวุฒิ มีความเหมาะสมมากที่สุด มีค่าเฉลี่ย 4.60 และผลการจัดประสบการณ์ตามรูปแบบมีประสิทธิภาพ เท่ากับ 84.72/86.50 ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนด

3. ผลการทดลองใช้รูปแบบการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ โดยใช้ทฤษฎีสมองเป็นฐานตามแนวคิดสะเต็มศึกษา เพื่อเสริมสร้างทักษะพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ ของเด็กปฐมวัย ระดับชั้นอนุบาลปีที่ 2 โรงเรียนอนุบาลเทศบาลตำบลปราสาททอง พบว่า

3.1 ทักษะพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ ของเด็กปฐมวัย ระดับชั้นอนุบาลปีที่ 2 ที่เรียนด้วยรูปแบบการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ โดยใช้ทฤษฎีสมองเป็นฐานตามแนวคิดสะเต็มศึกษา มีคะแนนประเมินพฤติกรรมการเรียนรู้ คิดเป็นร้อยละ 84.90 มีคะแนนทักษะพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ คิดเป็นร้อยละ 86.50 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ร้อยละ 80 ที่กำหนดไว้

3.2 ทักษะพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ ของเด็กปฐมวัย ระดับชั้นอนุบาลปีที่ 2 ที่เรียนด้วยรูปแบบการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ โดยใช้ทฤษฎีสมองเป็นฐานตามแนวคิดสะเต็มศึกษา หลังเรียนมีค่าสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05

4. ผลการประเมินรูปแบบการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ โดยการศึกษาความคิดเห็นของผู้ปกครองที่มีต่อการเรียนด้วยรูปแบบการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ โดยใช้ทฤษฎีสมองเป็นฐานตามแนวคิดสะเต็มศึกษา เพื่อเสริมสร้างทักษะพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ ของเด็กปฐมวัย ระดับชั้นอนุบาล ปีที่ 2 โรงเรียนอนุบาลเทศบาลตำบลปราสาททอง พบว่า ความคิดเห็นของผู้ปกครอง โดยรวมอยู่ในระดับมาก โดยมีค่าเฉลี่ย 4.30

The Title The Development of an Experience model

Using to The theory of Brain-based learning

according on STEM Education to Strengthen of Basic Science Skills

for Kindergarten level 2 children

Anuban Prasartthong Sub-district School

The Author Miss. Pithimon Teerapripauge

Year 2023

ABSTRACT

This research were research and development designed (1) to investigate the state, problem and the guidelines for the development an experience model according to the theory of brain-based learning, according on STEM education to strengthen of basic science skills for Kindergarten level 2 children Anuban Prasartthong sub-district school, (2) to develop an experience model according to the theory of brain-based learning, according on STEM education to strengthen of basic science skills for Kindergarten level 2 children Anuban Prasartthong sub-district school, (3) to try out an experience model with sub-objectives which are : (3.1) to compare the basic science skills for Kindergarten level 2 children with the an experience model according to the theory of brain-based learning, according on STEM education combining with 80 percent criterion, (3.2) to compare the basic science skills for Kindergarten level 2 children between before and after learning form an experience model according to the theory of brain-based learning, according on STEM education and (4) to evaluate and update the development of experience model, The samples group were 20 Kindergarten level 2 children in Anuban Prasartthong sub-district school in the 1st semester, B.E.2566 academic year. The tools used to develop an experience model were (1) the small group meeting record, (2) the in-depth interview, (3) the participatory meeting record and (4) the evaluation of the experience model. The research tools used for data collection consisted of (1) 20 experience lesson, (2) the form to observe and record the childhood’s behavior, (3) the basic science skills assessment form and (4) Parental satisfaction assessment form for organizing experiences. The statistics used for data analysis were percentage, mean, standard deviation and t-test (Pair).

The research findings were summarized as follows :

1. The state, problem and the guidelines for the development of experience model. Using the documentary analysis and the interview of 5 experts were consistent and found that the development of experience model according to the theory of brain-based learning, according on STEM education to strengthen of basic science skills for Kindergarten level 2 children, Anuban Prasartthong sub-district school.

2. The result of the development of an experience model based on brain theory as based, combined with the use of STEM education concepts in learning. To enhance the basic science skills of preschool children Kindergarten level 2, found that the form of experience management with 5 components, including principles, concepts theories learning management principles learning process learning support, and evaluation in which the evaluation form is based on opinions of experts. The most suitable is the average of 4.60 and the experience plan in the form of effective equal to 84.72/86.50 meet the criteria.

3. The experimental results using an experience model, found that

3.1 Children Kindergarten level 2 who learning by instructional model according to the theory of brain-based learning, STEM education to strengthen of basic science skills for Kindergarten level 2 children had intellectual development learning behavior 84.90 percent and had basic science skills score accounted for 86.50 percent, which is higher than the specified 80 % threshold.

3.2 Children Kindergarten level 2 who learning by experience model according to the theory of Brain-based learning, according on STEM education to strengthen of basic science skills for Kindergarten level 2 children. After studying it was higher than before studying. Statistical significance at .05 level.

4. Evaluation results of experience management model by studying the opinions of parents on the experience model based on brain theory as based, according on STEM education to strengthen of basic science skills for Kindergarten level 2 children, found that the opinions of parents. Overall s at a high level. With an average of 4.30.

โพสต์โดย ปู : [7 เม.ย. 2567 (23:43 น.)]
อ่าน [64032] ไอพี : 171.98.132.200
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
Advertisement

 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 31,971 ครั้ง
น่าชื่นชม!!เด็กม.3รับแปลภาษาจีนรายได้ร่วม3หมื่นต่อเดือน
น่าชื่นชม!!เด็กม.3รับแปลภาษาจีนรายได้ร่วม3หมื่นต่อเดือน

เปิดอ่าน 31,800 ครั้ง
ทักษะที่จำเป็นสำหรับศตวรรษที่ 21 ประชากรรุ่นใหม่จำเป็นต้องเรียนรู้และมีทักษะอะไรบ้าง
ทักษะที่จำเป็นสำหรับศตวรรษที่ 21 ประชากรรุ่นใหม่จำเป็นต้องเรียนรู้และมีทักษะอะไรบ้าง

เปิดอ่าน 686 ครั้ง
บ้านแถวพระราม 2 ดียังไง ? ทำไมทำเลนี้ถึงน่าจับตามอง
บ้านแถวพระราม 2 ดียังไง ? ทำไมทำเลนี้ถึงน่าจับตามอง

เปิดอ่าน 10,568 ครั้ง
เฟซบุ๊ก เตรียมเผยการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวแบบใหม่ วันนี้
เฟซบุ๊ก เตรียมเผยการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวแบบใหม่ วันนี้

เปิดอ่าน 17,590 ครั้ง
การประคบร้อน และ ประคบเย็น ที่ถูกต้อง
การประคบร้อน และ ประคบเย็น ที่ถูกต้อง

เปิดอ่าน 47,781 ครั้ง
พืชสมุนไพรพื้นบ้าน
พืชสมุนไพรพื้นบ้าน

เปิดอ่าน 13,668 ครั้ง
เสริมสร้างความเข้าใจและกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ ด้วยการคิดแบบปิงปองดูสิ
เสริมสร้างความเข้าใจและกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ ด้วยการคิดแบบปิงปองดูสิ

เปิดอ่าน 18,845 ครั้ง
จัดฮวงจุ้ย . . . รับโชคปี 52 สู้วัวกระทิงเลือด
จัดฮวงจุ้ย . . . รับโชคปี 52 สู้วัวกระทิงเลือด

เปิดอ่าน 13,050 ครั้ง
เช้าควบเที่ยง เสี่ยงโรคอ้วน
เช้าควบเที่ยง เสี่ยงโรคอ้วน

เปิดอ่าน 13,315 ครั้ง
รู้ทันแก๊งบัตรเครดิต ขโมยง่ายกว่า ATM
รู้ทันแก๊งบัตรเครดิต ขโมยง่ายกว่า ATM

เปิดอ่าน 24,894 ครั้ง
สิ่งที่จะได้รับจากการเป็นต้นแบบโรงเรียนประชารัฐ
สิ่งที่จะได้รับจากการเป็นต้นแบบโรงเรียนประชารัฐ

เปิดอ่าน 11,000 ครั้ง
นโยบายการศึกษามาจากไหน-ทำไมถึงไม่สำเร็จ
นโยบายการศึกษามาจากไหน-ทำไมถึงไม่สำเร็จ

เปิดอ่าน 10,924 ครั้ง
ยก เฟซบุ๊ก เป็นบริษัทที่ดีที่สุดในสหรัฐ
ยก เฟซบุ๊ก เป็นบริษัทที่ดีที่สุดในสหรัฐ

เปิดอ่าน 15,744 ครั้ง
กินหมึกสด หมึกดูดปาก ฮาตรึม
กินหมึกสด หมึกดูดปาก ฮาตรึม

เปิดอ่าน 128,716 ครั้ง
ดอกไม้ประจำจังหวัด
ดอกไม้ประจำจังหวัด

เปิดอ่าน 12,431 ครั้ง
ป้องกันแสงแดดให้ได้ผล
ป้องกันแสงแดดให้ได้ผล
เปิดอ่าน 70,175 ครั้ง
จำนวนข้าราชการครูจำแนกตามระดับวิทยฐานะ
จำนวนข้าราชการครูจำแนกตามระดับวิทยฐานะ
เปิดอ่าน 12,897 ครั้ง
ปลาชะลอสมองเสื่อม
ปลาชะลอสมองเสื่อม
เปิดอ่าน 64,352 ครั้ง
"ครูใจร้าย" คลิปสั้นสะท้อนบทบาทครูไทย (คลิปรางวัลชนะเลิศ เล่าเรื่องด้วยหัวใจจากศิษย์ถึงครู)
"ครูใจร้าย" คลิปสั้นสะท้อนบทบาทครูไทย (คลิปรางวัลชนะเลิศ เล่าเรื่องด้วยหัวใจจากศิษย์ถึงครู)
เปิดอ่าน 5,591 ครั้ง
เหงื่อออกมือไม่ใช่สัญญาณของโรคหัวใจ
เหงื่อออกมือไม่ใช่สัญญาณของโรคหัวใจ

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
ติวสอบ GED
ติวสอบ SAT
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ