ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
การพัฒนาการจัดการเรียนรู้เรื่อง การช่วยฟื้นคืนชีพ CPR ด้วยการจัดการเรียนการสอนแบบร่วมมือ โดยใช้กระบวนการกลุ่มสัมพันธ์ ด้วยเทคนิคเพื่อนช่วยเพื่อนของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4

วัตถุประสงค์

(1) เพื่อศึกษาสถานการณ์การช่วยฟื้นคืนชีพ CPR และศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังการจัดการเรียนการสอนของนักเรียนที่ได้รับการจัดการเรียนรู้ด้วยเทคนิคเพื่อนช่วยเพื่อนของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4

(2) เพื่อพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนการสอนแบบร่วมมือด้วยกระบวนการกลุ่มสัมพันธ์ ด้วยเทคนิคเพื่อนช่วยเพื่อนในรายวิชา พ31102 สุขศึกษา 2

(3) เพื่อประเมินผลการใช้รูปแบบการสอนแบบแบบร่วมมือด้วยกระบวนการกลุ่มสัมพันธ์ ด้วยเทคนิคเพื่อนช่วยเพื่อนรายวิชา พ31102 สุขศึกษา 2

วิธีการศึกษา

กลุ่มตัวอย่างเป็นเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ในรายวิชา พ 31102 สุขศึกษา 2 จำนวน 107 คน ดำเนินการวิจัย 4 ระยะ ได้แก่ (1) เตรียมการพัฒนารูปแบบ (2) พัฒนารูปแบบ (3) นำรูปแบบไปทดลองใช้ และ (4) ประเมินผลการทดลองใช้ เก็บรวบรวมข้อมูลด้วยการสนทนากิจกรรมกลุ่ม และใช้แบบประเมินผลลัพธ์ของรูปแบบการเรียนการสอน ซึ่งวิเคราะห์ข้อมูลจากการวิเคราะห์ด้วยสถิติเบื้องต้น

ผลการวิจัย

พบว่า การพัฒนาการจัดการเรียนรู้เรื่อง การช่วยฟื้นคืนชีพ CPR ด้วยการจัดการเรียนการสอนแบบร่วมมือ โดยใช้กระบวนการกลุ่มสัมพันธ์ ด้วยเทคนิคเพื่อนช่วยเพื่อนของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ นักเรียนเกิดทักษะที่สำคัญของผู้เรียนตามคุณลักษณะที่พึงประสงค์ในภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด (4.61) และความพึงพอใจต่อการใช้รูปแบบการเรียนการสอนในภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด (4.53)

รูปแบบการจัดการเรียนการสอนประกอบด้วย 4 ขั้นตอน (1) Group เป็น กระบวนการแบ่งกลุ่มนักเรียนเพื่อศึกษาและทำงานร่วมกัน (2) Learn เป็นกระบวนการศึกษาหาความรู้จากสื่อต่าง ๆ ที่ต้องการให้นักเรียนได้เรียนรู้จากประสบการณ์ตรงกับครูผู้สอน (3) Share เป็นกระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ โดยนักเรียนแต่ละกลุ่มย่อยหลังจาก ที่มีความเชี่ยวชาญจากการฝึก และ (4) Do เป็นการมอบหมายให้นักเรียนแต่ละกลุ่มถ่ายทำขั้นตอนการช่วยฟื้นคืนชีพ CPR ผ่านเพจความรู้สุขภาพ Health For Life M.1-6

ขั้นตอนการดำเนินการศึกษา

การพัฒนาการจัดการเรียนรู้ ในรายวิชาพ31102 สุขศึกษา 2 ด้วยรูปแบบการจัดการเรียนการสอนแบบร่วมมือด้วยกระบวนการกลุ่มสัมพันธ์ ด้วยเพื่อนช่วยเพื่อน แบ่งออกเป็น 4 ระยะ ดังนี้

ระยะที่ 1 ขั้นเตรียมการ ได้แก่ ประสานกลุ่มนักเรียน จัดตั้งกลุ่มในรูปแบบเพื่อนช่วยเพื่อน ตรวจสอบและปรับปรุงประเด็นคำถามการสนทนากลุ่มที่ใช้วิเคราะห์สถานการณ์และสภาพปัญหาการเรียนการปฐมพยาบาลเบื้องต้นและการช่วยฟื้นคืนชีพ CPR

ระยะที่ 2 ขั้นพัฒนารูปแบบ เป็นการออกแบบรูปแบบการจัดการเรียนการสอน โดยใช้กระบวนการกลุ่มสัมพันธ์ด้วยเทคนิคเพื่อนช่วยเพื่อน กำหนดการศึกษาจากคลิป Video ตารางฝึกปฏิบัติ ใบงาน และแบบประเมิน ผลลัพธ์ของรูปแบบการเรียนการสอน ได้แก่ แบบวัดความรู้ แบบประเมินทักษะที่สำคัญของผู้เรียนตามคุณลักษณะที่พึงประสงค์และแบบประเมินความพึงพอใจของนักเรียนต่อรูปแบบการจัดการเรียนการสอนนำแบบประเมินต่างๆ ไปใช้กับนักเรียน

ระยะที่ 3 ขั้นการทดลองใช้

- ประชุมกลุ่มกลุ่มย่อยชี้แจงกระบวนการจัดการเรียนการสอนแบบร่วมมือโดยใช้กระบวนการกลุ่มสัมพันธ์ด้วยเทคนิคเพื่อนช่วยเพื่อน

- ประเมินความรู้ โดยใช้แบบทดสอบก่อนเรียน

- ดำเนินการจัดการเรียนการสอนตามรูปแบบการเรียนการสอนแบบร่วมมือ โดยใช้กระบวนการกลุ่มสัมพันธ์ด้วยเทคนิคเพื่อนช่วยเพื่อน รายวิชารายวิชา พ31102 สุขศึกษา 2 ตามขั้นตอน 4 ขั้นตอน ได้แก่

ขั้นตอนที่ 1 Group คือ กระบวนการแบ่งกลุ่มนักเรียนเพื่อศึกษาและทำงานร่วมกัน โดยชี้แจงนักเรียนเกี่ยวกับวิธีการเรียนแบบร่วมมือด้วยกระบวนการกลุ่มสัมพันธ์ด้วยเทคนิคเพื่อนช่วยเพื่อน พร้อมทั้งแบ่งกลุ่มนักเรียนโดยการจับฉลากกลุ่มละ 7 คน จำนวน 6 กลุ่ม แล้วแจกใบงานให้นักเรียนทำ ให้นักเรียนประชุมกลุ่มย่อยเพื่อศึกษา ใบงานสถานการณ์การปฐมพยาบาลและการช่วยฟื้นคืนชีพ CPR ที่ได้รับมอบหมาย

ขั้นตอนที่ 2 Learn คือ กระบวนการศึกษาหาความรู้จากสื่อต่าง ๆ ที่ต้องการให้นักเรียนเรียนรู้ได้เรียนรู้จากประสบการณ์ตรงจากการอธิบายของครูผู้สอน และมีการฝึกปฏิบัติกลุ่มย่อย โดยนักเรียนแต่ละกลุ่มเตรียมฝึกปฏิบัติปฐมพยาบาลตามหัวข้อที่ได้รับมอบหมายกับกลุ่มเพื่อนและครูผู้สอนคอยให้ความรู้ที่ถูกต้อง (Expert Group) ในแต่ละกลุ่ม เพื่อให้มีความรู้และสามารถนำความรู้ไปอธิบายเนื้อหาให้เพื่อนกลุ่มอื่น ๆ พร้อมทั้งสาธิตวิธีการปฐมพยาบาลให้เพื่อนกลุ่มอื่น ๆ ได้

ขั้นตอนที่ 3 Share คือ กระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้แต่ละกลุ่มย่อยหลังจากที่มีความเชี่ยวชาญจากการฝึก (Expert Group) โดยแต่ละกลุ่มนำเสนอความรู้ และทำการแสดงบทบาทสมมุติในการปฏิบัติการปฐมพยาบาลและการช่วยฟื้นคืนชีพ CPR ด้วยการสาธิตและให้เพื่อนในกลุ่มอื่น ๆ สาธิตย้อนกลับ ตามสัปดาห์ที่ได้รับมอบหมาย

ขั้นตอนที่ 4 Do คือ มอบหมายให้นักเรียนแต่ละกลุ่มถ่ายทำการการปฐมพยาบาลผ่านสื่อวิดีโอ และอัพโหลดไฟล์ผ่านเพจความรู้สุขภาพ Health For Life M.1-6 พร้อมทั้งบูรณาการจัดการเรียนการสอนด้านสุขภาพ

ระยะที่ 4 ขั้นประเมินผล

- เปรียบเทียบความรู้ ระหว่างก่อนกับหลังการเรียน

- วิเคราะห์ทักษะที่สำคัญของผู้เรียนตามคุณลักษณะที่พึงประสงค์ของเรียน

- วิเคราะห์ความพึงพอใจต่อรูปแบบการจัดการเรียนการสอน

สมมติฐานการวิจัย

1. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังการจัดการเรียนการสอนของนักเรียนที่ได้รับการจัดการเรียนรู้ด้วยเทคนิคเพื่อนช่วยเพื่อนของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 สูงกว่าก่อนเรียน

2. นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้ด้วยเทคนิคเพื่อนช่วยเพื่อน ในรายวิชา พ31102 สุขศึกษา 2

กลุ่มเป้าหมายในการวิจัย

ประชากรที่ใช้ศึกษา คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 จํานวน 424 คน

กลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 จํานวน 3 ห้อง จํานวน 107 คน ที่เรียนรายวิชา พ31102 สุขศึกษา 2

เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย

1.แผนการจัดการเรียนรู้ จำนวน 4 คาบเรียน เรื่อง First Aids การปฐมพยาบาลและช่วยฟื้นคืนชีพ CPR ด้วยการจัดการเรียนการสอนแบบร่วมมือ โดยใช้กระบวนการกลุ่มสัมพันธ์ ด้วยเทคนิคเพื่อนช่วยเพื่อน

2 แบบวัดทดสอบเพื่อวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น ผ่านแบบทดสอบลักษณะอัตนัย จำนวน 10 ข้อ

3. แบบประเมินพฤติกรรมการทำงานร่วมกัน โดยดัดแปลงแบบประเมินจากงานวิจัยของกาญจนา จัตุพันธ์และ กาญจนา สานุกูล (2560) ทำการประเมินโดยผู้สอน

4. แบบสอบถามความพึงพอใจของผู้เรียนมีต่อการจัดการเรียนการสอนแบบร่วมมือ โดยใช้กระบวนการกลุ่มสัมพันธ์ ด้วยเทคนิคเพื่อนช่วยเพื่อน

5. ระยะเวลาในการทำวิจัยครั้งนี้ ใช้ระยะเวลาศึกษา 5 คาบ (คาบละ 50 นาที)

6. การเก็บข้อมูลจากการเครื่องมือที่ใช้ในงานวิจัยโดยผู้สอน คาบที่ 1-2 แบ่งเป็นกิจกรรม 4 ขั้นตอน

ขั้นตอนที่ 1 Group ขั้นตอนที่ 2 Learn ขั้นตอนที่ 3 Share ขั้นตอนที่ 4 Do

คาบที่ 3-4 ผู้เรียนนำเสนอฝึกกระบวนการกลุ่มย่อย และฝึกปฏิบัติจริงเป็นรายกลุ่ม และทำแบบทดสอบหลังเรียน (Posttest) จำนวน 10 ข้อ รวมทั้งให้ผู้เรียนตอบแบบสอบถามประเมินความพึงพอใจของผู้เรียนต่อการจัดการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมจากแบบทดสอบ

7. วิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณจากแบบสอบถามความคิดเห็นในการจัดการเรียนการสอนแบบร่วมมือ โดยใช้กระบวนการกลุ่มสัมพันธ์ ด้วยเทคนิคเพื่อนช่วยเพื่อน โดยใช้สถิติพื้นฐานค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน

ขอบเขตด้านระยะเวลา ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 ใช้ระยะเวลาศึกษา 5 คาบ (คาบละ 50 นาที)

สรุปผลการวิจัย

1. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนที่เรียนโดยใช้การจัดการเรียนการสอนแบบร่วมมือ โดยใช้กระบวนการกลุ่มสัมพันธ์ ด้วยเทคนิคเพื่อนช่วยเพื่อน เรื่อง การช่วยฟื้นคืนชีพ CPR ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05

2. นักเรียนได้รับการพัฒนาพฤติกรรมการเรียน จากการเรียนรู้ทักษะการทำงานเป็นทีมโดยภาพรวม เกิดทักษะที่สำคัญของผู้เรียนตามคุณลักษณะที่พึงประสงค์ในภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด 4.61อยู่ในระดับ ดีมาก

3. ความพึงพอใจของผู้เรียนต่อการจัดการเรียนการสอนแบบมีส่วนร่วม มีคะแนนเฉลี่ยอยู่ในระดับ ดีมาก ที่ระดับคะแนน 4.53 โดยด้านที่ผู้เรียนมีความพึงพอใจมากที่สุด คือ การจัดการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมช่วยเพิ่มทักษะการทำงานเป็นทีมมีคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 4.83

ข้อเสนอแนะ

ครูผู้สอนควรพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนการสอนแบบร่วมมือ โดยใช้กระบวนการกลุ่มสัมพันธ์ ด้วยเทคนิคเพื่อนช่วยเพื่อน ผ่านหน่วยการเรียนรู้และกิจกรรมอื่นๆ เพื่อทำให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมและฝึกทักษะการทำงานเป็นทีมได้อย่างมีประสิทธิภาพ

โพสต์โดย ปดิว : [31 มี.ค. 2567 (21:49 น.)]
อ่าน [1079] ไอพี : 171.7.57.4
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 8,136 ครั้ง
10 ขั้นตอน...ก่อนซื้อ Notebook มือสอง
10 ขั้นตอน...ก่อนซื้อ Notebook มือสอง

เปิดอ่าน 60,799 ครั้ง
ริดสีดวงทวารหนักเกิดจากอะไร
ริดสีดวงทวารหนักเกิดจากอะไร

เปิดอ่าน 10,811 ครั้ง
ขับรถอย่างฉลาด ปลอดภัย และประหยัดน้ำมัน
ขับรถอย่างฉลาด ปลอดภัย และประหยัดน้ำมัน

เปิดอ่าน 8,732 ครั้ง
รายการ "เดินหน้าประเทศไทย" 3 มกราคม 2559 แถลงผลงานกระทรวงศึกษาธิการ
รายการ "เดินหน้าประเทศไทย" 3 มกราคม 2559 แถลงผลงานกระทรวงศึกษาธิการ

เปิดอ่าน 43,350 ครั้ง
ประวัติศาสตร์ไทย
ประวัติศาสตร์ไทย

เปิดอ่าน 67,939 ครั้ง
ลักษณะของแสงเงาที่ใช้ในการวาดเขียน
ลักษณะของแสงเงาที่ใช้ในการวาดเขียน

เปิดอ่าน 3,206 ครั้ง
ปลูกดอกหน้าวัว แซมปาล์มน้ำมัน สร้างรายได้เสริม 46,000 บาท/ไร่/ปี
ปลูกดอกหน้าวัว แซมปาล์มน้ำมัน สร้างรายได้เสริม 46,000 บาท/ไร่/ปี

เปิดอ่าน 25,854 ครั้ง
 กฎ ก.ค.ศ. ว่าด้วยการสั่งให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา รับเงินเดือนในอัตรากำลังทดแทน พ.ศ.2551
กฎ ก.ค.ศ. ว่าด้วยการสั่งให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา รับเงินเดือนในอัตรากำลังทดแทน พ.ศ.2551

เปิดอ่าน 9,707 ครั้ง
ระวัง! อาหารจะทำให้คุณขาดน้ำ
ระวัง! อาหารจะทำให้คุณขาดน้ำ

เปิดอ่าน 27,208 ครั้ง
ความคลาดเคลื่อนที่เกิดจากการเก็บข้อมูลของการวิจัย
ความคลาดเคลื่อนที่เกิดจากการเก็บข้อมูลของการวิจัย

เปิดอ่าน 7,659 ครั้ง
7 วิธี ใช้เงินอย่างประหยัดเมื่อไปเรียนต่างประเทศ
7 วิธี ใช้เงินอย่างประหยัดเมื่อไปเรียนต่างประเทศ

เปิดอ่าน 11,020 ครั้ง
น้องซีที หุ่นยนต์ เสิร์ฟอาหาร สัญชาติไทย
น้องซีที หุ่นยนต์ เสิร์ฟอาหาร สัญชาติไทย

เปิดอ่าน 1,448 ครั้ง
Intrend ให้แบบไม่ OUT กับ 5 รูปแบบการสอน Active Learning ที่ครูต้องใช้ในยุคนี้
Intrend ให้แบบไม่ OUT กับ 5 รูปแบบการสอน Active Learning ที่ครูต้องใช้ในยุคนี้

เปิดอ่าน 8,436 ครั้ง
การศึกษาไทยด้อยคุณภาพ....แล้วจะปฏิรูปอย่างไร?
การศึกษาไทยด้อยคุณภาพ....แล้วจะปฏิรูปอย่างไร?

เปิดอ่าน 10,987 ครั้ง
การหยุดหายใจในขณะหลับ (Sleep apnoea)
การหยุดหายใจในขณะหลับ (Sleep apnoea)

เปิดอ่าน 15,858 ครั้ง
สถิติน่ารู้....นอนกรน
สถิติน่ารู้....นอนกรน
เปิดอ่าน 35,761 ครั้ง
ลักษณะบุคคลที่มีความสามารถทางด้านพหุปัญญา
ลักษณะบุคคลที่มีความสามารถทางด้านพหุปัญญา
เปิดอ่าน 10,916 ครั้ง
อุจจาระบอกสุขภาพ
อุจจาระบอกสุขภาพ
เปิดอ่าน 18,246 ครั้ง
เรื่องน่ารู้ของ "สตรอเบอรี่"
เรื่องน่ารู้ของ "สตรอเบอรี่"
เปิดอ่าน 27,105 ครั้ง
ลักษณะวลีและประโยคพื้นฐาน
ลักษณะวลีและประโยคพื้นฐาน

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ