ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
การพัฒนารูปแบบระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนที่มีประสิทธิผล โดยประยุกต์ใช้แนวคิด ชุมชนแห่งการเรียนรู้เชิงวิชาชีพ โรงเรียนเมืองพลพิทยาคม องค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น นางเพชรวราภรณ์ กางการ

การวิจัยในครั้งนี้มีความมุ่งหมายเพื่อ 1) เพื่อศึกษาสภาพการดำเนินงานระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน โรงเรียนเมืองพลพิทยาคม องค์การบริหาร ส่วนจังหวัดขอนแก่น 2) เพื่อศึกษาองค์ประกอบและตัวชี้วัดของระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนที่มีประสิทธิผล โดยประยุกต์ใช้แนวคิดชุมชนแห่งการเรียนรู้เชิงวิชาชีพ โรงเรียนเมืองพลพิทยาคม องค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น 3) เพื่อศึกษาการพัฒนารูปแบบระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนที่มีประสิทธิผล โดยประยุกต์ใช้แนวคิดชุมชนแห่งการเรียนรู้เชิงวิชาชีพ โรงเรียนเมืองพลพิทยาคม องค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น และ 4) เพื่อศึกษาผลการพัฒนารูปแบบระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนที่มีประสิทธิผล โดยประยุกต์ใช้แนวคิดชุมชนแห่งการเรียนรู้

เชิงวิชาชีพ โรงเรียนเมืองพลพิทยาคม องค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น การดำเนินการวิจัย มี 4 ระยะ ประกอบด้วยระยะที่ ศึกษาองค์ประกอบและตัวชี้วัดของระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนที่มีประสิทธิผล โดยประยุกต์ใช้แนวคิดชุมชนแห่งการเรียนรู้เชิงวิชาชีพ โรงเรียนเมืองพลพิทยาคม องค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น โดยการวิเคราะห์สังเคราะห์องค์ประกอบและตัวชี้วัดจากเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องโดยอาศัยการตรวจสอบจากผู้ทรงคุณวุฒิจำนวน 7 ท่าน ระยะที่ 2 ศึกษาสภาพปัจจุบันและสภาพที่พึงประสงค์ของรูปแบบระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนที่มีประสิทธิผล โดยประยุกต์ใช้แนวคิดชุมชนแห่งการเรียนรู้เชิงวิชาชีพ โรงเรียนเมืองพลพิทยาคม องค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น กลุ่มตัวอย่างเป็นผู้บริหารสถานศึกษา ครูผู้สอน และคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน จำนวน 155 คน ระยะที่ 3 การพัฒนารูปแบบการพัฒนารูปแบบระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนที่มีประสิทธิผล โดยประยุกต์ใช้แนวคิดชุมชนแห่งการเรียนรู้เชิงวิชาชีพ โรงเรียนเมืองพลพิทยาคม องค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น โดยอาศัยการตรวจสอบจากผู้ทรงคุณวุฒิจำนวน 7 ท่าน และระยะที่ 4 ผลการพัฒนารูปแบบระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนที่มีประสิทธิผล โดยประยุกต์ใช้แนวคิดชุมชนแห่งการเรียนรู้เชิงวิชาชีพ โรงเรียนเมืองพลพิทยาคม

องค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ ค่าร้อยละค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการวิจัยปรากฏดังนี 1. องค์ประกอบและตัวชี้วัดของระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนที่มีประสิทธิผล โดยประยุกต์ใช้แนวคิดชุมชนแห่งการเรียนรู้เชิงวิชาชีพ โรงเรียนเมืองพลพิทยาคม องค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น ประกอบด้วย 4 องค์ประกอบ 33 ตัวชี้วัด ดังนี้ 1) การรู้จักนักเรียนเป็นรายบุคคล มี 8 ตัวชี้วัด 2) การคัดกรองนักเรียน มี 6 ตัวชี้วัด 3) การส่งเสริมและพัฒนานักเรียน มี 7 ตัวชี้วัด 4) การป้องกัน

และแก้ไขปัญหานักเรียน มี 6 ตัวชี้วัด และ 5) การส่งต่อ มีตัวชี้วัด 2. สภาพปัจจุบัน ของรูปแบบระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนที่มีประสิทธิผล โดยประยุกต์ใช้แนวคิดชุมชนแห่งการเรียนรู้เชิงวิชาชีพ โรงเรียนเมืองพลพิทยาคม องค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่นโดยรวมอยู่ในระดับปานกลาง ด้านที่มีค่าเฉลี่ยมากที่สุด คือ การส่งเสริมและพัฒนานักเรียน รองลงมา คือ ด้านการส่งต่อ และข้อที่มีค่าเฉลี่ยน้อยที่สุด คือ การคัดกรองนักเรียน ตามลำดับ เมื่อพิจารณาสภาพที่พึงประสงค์ของรูปแบบระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนที่มีประสิทธิผล โดยประยุกต์ใช้แนวคิดชุมชนแห่งการเรียนรู้เชิงวิชาชีพ โรงเรียนเมืองพลพิทยาคม องค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ด้านที่มีค่าเฉลี่ยมากที่สุด คือ การส่งเสริมและพัฒนานักเรียน รองลงมา คือ การรู้จักนักเรียนเป็นรายบุคคล และข้อที่มี ค่าเฉลี่ยน้อยที่สุด คือ การป้องกันและแก้ไขปัญหานักเรียน ตามลำดับ และเมื่อพิจารณาความต้องการจำเป็นของการดำเนินงานระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนโดยใช้ชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพสำหรับครูในสถานศึกษา สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น ด้านการคัดกรองนักเรียนเรียงลำดับความต้องการจำเป็นได้ดังนี้ ด้านที่มีค่าความต้องการจำเป็น มากที่สุด คือ การคัดกรองนักเรียน(PNI = 0.35) รองลงมา การรู้จักนักเรียนเป็นรายบุคคล (PNI = 0.35) และข้อที่มีค่าความต้องการจำเป็นน้อยที่สุด คือ การป้องกันและแก้ไขปัญหานักเรียน (PNI = 0.32) ตามลำดับ3. ผลการพัฒนารูปแบบระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนที่มีประสิทธิผล โดยประยุกต์ใช้แนวคิดชุมชนแห่งการเรียนรู้เชิงวิชาชีพ โรงเรียนเมืองพลพิทยาคม องค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่นได้องค์ประกอบ 4 องค์ประกอบ 35 ตัวชี้วัด ดังนี้ 1) การรู้จักนักเรียนเป็นรายบุคคล มี 10 ตัวชี้วัด 2) การคัดกรองนักเรียน มี 6 ตัวชี้วัด 3) การส่งเสริมและพัฒนานักเรียน มี 7 ตัวชี้วัด 4) การป้องกันและแก้ไขปัญหานักเรียน มี 6 ตัวชี้วัด และ 5) การส่งต่อ เมื่อพิจารณผลการประเมินความเหมาะสมของรูปแบบ โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด4. ผลการนำรูปแบบระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนที่มีประสิทธิผล โดยประยุกต์ใช้แนวคิดชุมชนแห่งการเรียนรู้เชิงวิชาชีพ โรงเรียนเมืองพลพิทยาคม องค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น ไปใช้พบว่าผลการดำเนินงานก่อนใช้อยู่ในระดับปานกลาง หลังใช้อยู่ในระดับมากที่สุด และผลการประเมินระดับความพึงพอใจต่อการใช้รูปแบบระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนที่มีประสิทธิผล โดยประยุกต์ใช้แนวคิดชุมชนแห่งการเรียนรู้เชิงวิชาชีพ โดยรวม อยู่ในระดับมากที่สุด

โพสต์โดย เต้ย วิเศษชาติ : [7 มี.ค. 2567 (08:54 น.)]
อ่าน [1721] ไอพี : 27.145.141.71
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 12,367 ครั้ง
6 วิธีแก้เครียด
6 วิธีแก้เครียด

เปิดอ่าน 11,462 ครั้ง
หลักการเสริมฮวงจุ้ยให้ "ห้องรับประทานอาหาร"
หลักการเสริมฮวงจุ้ยให้ "ห้องรับประทานอาหาร"

เปิดอ่าน 12,588 ครั้ง
ภูเก็ตจัดยิ่งใหญ่ กินเจ ถือศีลกินผัก
ภูเก็ตจัดยิ่งใหญ่ กินเจ ถือศีลกินผัก

เปิดอ่าน 29,211 ครั้ง
ICT2020 Conceptual Framework
ICT2020 Conceptual Framework

เปิดอ่าน 107,156 ครั้ง
ฝึกพูด ภาษาอังกฤษ กับลูก ด้วยคำถาม คำสั่ง คำชม ที่ใช้ในชีวิตประจำวัน
ฝึกพูด ภาษาอังกฤษ กับลูก ด้วยคำถาม คำสั่ง คำชม ที่ใช้ในชีวิตประจำวัน

เปิดอ่าน 1,658 ครั้ง
ประโยชน์ของกวักมรกต
ประโยชน์ของกวักมรกต

เปิดอ่าน 395,575 ครั้ง
เทคนิคการใส่เลขหน้าใน MS Word แบบไม่เริ่มต้นที่หน้าแรก
เทคนิคการใส่เลขหน้าใน MS Word แบบไม่เริ่มต้นที่หน้าแรก

เปิดอ่าน 67,204 ครั้ง
วิธีปฐมพยาบาลบาดแผลถลอก
วิธีปฐมพยาบาลบาดแผลถลอก

เปิดอ่าน 12,707 ครั้ง
หลักเกณฑ์ฯ เลื่อนวิทยฐานะครูใหม่ : ยิ่งแก้ ยิ่งวน
หลักเกณฑ์ฯ เลื่อนวิทยฐานะครูใหม่ : ยิ่งแก้ ยิ่งวน

เปิดอ่าน 12,028 ครั้ง
กาแฟลดอ้วน ผอมชัวร์หรือมั่วนิ่ม
กาแฟลดอ้วน ผอมชัวร์หรือมั่วนิ่ม

เปิดอ่าน 15,128 ครั้ง
น้ำผึ้ง...หวานเป็นยา
น้ำผึ้ง...หวานเป็นยา

เปิดอ่าน 13,518 ครั้ง
หลักในการออกแบบสวน
หลักในการออกแบบสวน

เปิดอ่าน 21,146 ครั้ง
รูปแบบวิธีการสอน: การเพิ่มประสิทธิภาพในการเรียน ปี 2562
รูปแบบวิธีการสอน: การเพิ่มประสิทธิภาพในการเรียน ปี 2562

เปิดอ่าน 1,913 ครั้ง
ศาสนา เรื่องที่ไม่เคยรู้ ตอนที่ 1 สาระน่ารู้ตามหลักศาสนาพุทธ  เรื่อง การถวายสังฆทาน
ศาสนา เรื่องที่ไม่เคยรู้ ตอนที่ 1 สาระน่ารู้ตามหลักศาสนาพุทธ เรื่อง การถวายสังฆทาน

เปิดอ่าน 16,550 ครั้ง
ประวัติการสร้างพระมหาพิชัยราชรถ และเวชยันตราชรถ
ประวัติการสร้างพระมหาพิชัยราชรถ และเวชยันตราชรถ

เปิดอ่าน 19,459 ครั้ง
อาลัยการศึกษาไทย เก่งเจ๋งในกระดาษ
อาลัยการศึกษาไทย เก่งเจ๋งในกระดาษ
เปิดอ่าน 16,090 ครั้ง
ตามไปดูต้นแบบความสำเร็จ การปฏิรูปการศึกษา 5 ประเทศ
ตามไปดูต้นแบบความสำเร็จ การปฏิรูปการศึกษา 5 ประเทศ
เปิดอ่าน 21,146 ครั้ง
ฮือฮา! นักวิทยาศาสตร์ค้นพบคลื่นความโน้มถ่วง-ทฤษฎี 100 ปีที่แล้วของไอน์สไตน์!
ฮือฮา! นักวิทยาศาสตร์ค้นพบคลื่นความโน้มถ่วง-ทฤษฎี 100 ปีที่แล้วของไอน์สไตน์!
เปิดอ่าน 11,845 ครั้ง
ผลสำรวจชี้มนุษย์ทำงาน 63% เห็นว่าการทำงาน 8 ชั่วโมงต่อวันเป็นเรื่อง "ล้าสมัย"
ผลสำรวจชี้มนุษย์ทำงาน 63% เห็นว่าการทำงาน 8 ชั่วโมงต่อวันเป็นเรื่อง "ล้าสมัย"
เปิดอ่าน 20,984 ครั้ง
รูปแบบของผลการเรียนในโรงเรียน
รูปแบบของผลการเรียนในโรงเรียน

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ